"รอยเตอร์"เผยปัญหาชัตดาวน์เริ่มส่งผลกระทบต่อบริษัทหลายแห่งในสหรัฐ

กระทู้คำถาม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 ตุลาคม 2556 10:10 น.   

               การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐซึ่งย่างเข้าสู่วันที่ 4 ในวันนี้ กำลังเริ่มที่จะส่งผลกระทบต่อบริษัทต่างๆ ขณะที่มีความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากภาวะชะงักงันที่ยืดเยื้อในสภาคองเกรส
               ความขัดแย้งที่เกิดจากการตัดสินใจของพรรครีพับลิกันที่จะสกัดการปฏิรูประบบประกันสุขภาพของประธานาธิบดีบารัค โอบามานั้น อาจส่งผลกระทบต่อบริษัทสหรัฐซึ่งต้องพึ่งพาพนักงานและเงินทุนของภาครัฐ
               ต่อไปนี้เป็นรายชื่อของบริษัทและสถาบันการเงินซึ่งได้เตือนเกี่ยวกับความล่าช้าของโครงการ, การพักงานของพนักงาน และผลกระทบอื่นๆจากภาวะ ชะงักงันด้านงบประมาณที่ยืดเยื้อของสหรัฐ:-
                *บริษัทโบอิ้ง โค  
               บริษัทโบอิ้งเปิดเผยว่า อาจจะมีความล่าช้าในการส่งมอบเครื่องบินไอพ่น ซึ่งรวมถึงเครื่องดรีมไลเนอร์ 787 รุ่นใหม่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ด้านการบินของสหรัฐจำนวนหลายพันคนที่ต้องทำการรับรองเครื่องบินดังกล่าวได้ถูกพักงาน และความล่าช้านี้จะส่งผลกระทบต่อโครงการจำนวนมาก รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ในธุรกิจป้องกันประเทศของโบอิ้ง
                *บริษัทยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ คอร์ป  
               บริษัทยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ คอร์ปซึ่งผลิตเฮลิคอปเตอร์ Sikorsky  และอุปกรณ์อื่นๆด้านการทหารเปิดเผยว่า ทางบริษัทจำเป็นต้องสั่งพักงานพนักงานมากถึง 4,000 คนหากการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐยังคงดำเนิน ต่อไปจนถึงสัปดาห์หน้า เนื่องจากไม่มีผู้ตรวจสอบคุณภาพของรัฐบาล และพนักงานมากกว่า 5,000 คนอาจถูกพักงาน หากการปิดหน่วยงานรัฐบาลยังคงดำเนินต่อไปจนถึงเดือนหน้า
                *บริษัทวอล-มาร์ท สโตร์ส อิงค์  
               นางโรซาลินด์ บรูเวอร์ ซีอีโอของ Sam's Club ซึ่งเป็นร้านค้าในเครือของวอล-มาร์ทเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ยอดขายชะลอตัวลงเล็กน้อยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาสำหรับร้านค้าของบริษัทที่อยู่ใกล้กับหน่วยงานของรัฐบาล แต่คาดว่ายอดขายอาหารจะเพิ่มขึ้นหากร้านขายอาหารของกองทัพยังคงปิดทำการ
               นางบรูเวอร์กล่าวว่า ทาง Sam's Club จะอนุญาตให้ครอบครัวทหารสามารถเข้ามาซื้อสินค้าภายในร้าน 50 แห่งของบริษัทที่ตั้งอยู่ใกล้กับฐานทัพทหารได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการเป็นสมาชิก
                *ยูเซค อิงค์
               ผู้จำหน่ายเชื้อเพลิงยูเรเนียมรายนี้ ซึ่งกำลังรอเงินทุนจากรัฐบาลสหรัฐสำหรับโครงการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม เปิดเผยว่า ทางบริษัทอาจจะต้องให้คนงานบางส่วนพักงาน หรือชะลอการทำงานของโครงการนี้ ถ้าหากหน่วยงานรัฐบาล สหรัฐยังคงปิดทำการหลังวันที่ 15 ต.ค. โกลด์แมน แซคส์ ,แบงก์ ออฟ อเมริกา ,ซิตี้ กรุ๊ป ,เจพี มอร์แกน เชส แอนด์  โค , เอไอจี ,มอร์แกน สแตนเลย์ ,เวลล์ ฟาร์โก
               ซีอีโอจากสถาบันการเงินชั้นนำเหล่านี้ได้เตือนถึงผลกระทบที่"เลวร้าย" ถ้าหน่วยงานรัฐบาลยังคงปิดทำการ และสมาชิกสภานิติบัญญัติไม่สามารถเพิ่มเพดานหนี้ภายในกลางเดือนนี้ได้  
               นายลอยด์ แบลงค์เฟน ซีอีโอของบริษัทโกลด์แมน แซคส์ ได้ตำหนิพรรครีพับลิกันอย่างชัดแจ้งที่ใช้การคัดค้านกฎหมายประกันสุขภาพเป็น
           เครื่องมือต่อรอง ซึ่งอาจจะทำให้สหรัฐผิดนัดชำระหนี้     
               ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าสหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้เมื่อใด ถ้าหากสภาคองเกรสไม่สามารถปรับเพิ่มเพดานการกู้ยืมของรัฐบาลสหรัฐ อย่างไรก็ดี การศึกษาข้อมูลในอดีตเมื่อไม่นานมานี้อาจจะบ่งชี้ได้ว่า การผิดนัดชำระหนี้ในอนาคตจะมีสภาพเป็นเช่นใด
               แม้แต่กระทรวงการคลังสหรัฐก็ไม่ทราบว่า ทางกระทรวงจะมีรายได้จากภาษีเข้ามาเท่าใดในแต่ละวันหลังวันที่ 17 ต.ค. โดยทางกระทรวงคาดว่าหนี้สินของกระทรวงจะพุ่งชนเพดานที่ 16.7 ล้านล้านดอลลาร์ในวันดังกล่าว นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐก็ไม่สามารถคาดการณ์รายจ่ายของรัฐบาลได้อย่างแน่นอนในแต่ละวันด้วย ซึ่งรวมถึงไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะมีประชาชนจำนวนเท่าใดที่มายื่นขอสวัสดิการว่างงานเป็นครั้งแรกในแต่ละสัปดาห์
               อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์สามารถประเมินได้ว่า เงินสดของรัฐบาลสหรัฐจะหมดลงภายในเวลาที่รวดเร็วเพียงใด โดยพิจารณาจากการเคลื่อนไหวในบัญชีธนาคารรายวันของกระทรวงการคลังในช่วงเดียวกันในปีก่อน
               ต่อไปนี้เป็นตารางเวลาสำหรับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นถ้าหากรัฐบาลสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ โดยพิจารณาจากการเคลื่อนไหวในบัญชีกระทรวง
           การคลังสหรัฐในช่วงเดือนต.ค.-พ.ย. 2012:-
                    *17 ต.ค.*
               กระทรวงการคลังสหรัฐหมดหนทางในการควบคุมหนี้สินให้อยู่ใต้ระดับเพดาน และไม่สามารถกู้เงินใหม่ได้อีก โดยทางกระทรวงคาดว่าจะมีเงินสดเหลืออยู่ราว 3 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันนั้นเพื่อใช้ชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งในบรรดาเงินที่ไหลเข้าออกจากกระทรวงในวันนั้นทางกระทรวงอาจมีรายได้จากภาษีราว 6.75 พันล้านดอลลาร์ และมีรายจ่ายสำหรับเช็คเงินบำนาญราว 1.09 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะส่งผลให้เงินสดในมือของกระทรวงลดลงสู่ระดับราว 2.75 หมื่นล้าน ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันนั้น
        
               *18 ต.ค.-29 ต.ค.*
               ทุนสำรองเงินสดของกระทรวงการคลังลดลงอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงนี้ รัฐบาลสหรัฐมีรายได้ไหลเข้ามาในระดับเพียง 70 % ของรายจ่าย และรัฐบาลไม่สามารถออกพันธบัตรใหม่เพื่อชดเชยส่วนต่างนี้ได้อีก
               สถานการณ์จะพลิกกลับชั่วคราวในวันอังคารที่ 22 ต.ค. เมื่อรัฐบาลสหรัฐมีรายได้สูงกว่ารายจ่ายราว 3.5 พันล้านดอลลาร์ในวันนั้น
               แต่ภาวะนี้จะดำเนินไปเพียงชั่วคราวเท่านั้น และรัฐบาลจะเผชิญปัญหาใหญ่ในวันพฤหัสบดีที่ 24 ต.ค. เพราะในวันนั้นกระทรวงการคลังต้องจ่ายเงิน 1.8 พันล้านดอลลาร์ให้แก่ผู้รับเหมาด้านอาวุธ, 2.2 พันล้านดอลลาร์ให้แก่แพทย์และโรงพยาบาลที่รักษาคนชราภายใต้โครงการเมดิแคร์ และ 1.11 หมื่นล้านดอลลาร์ให้แก่โครงการสวัสดิการสังคม ในขณะที่ ทางกระทรวงมีรายได้จากภาษีและรายได้อื่นๆรวมกันเพียง 9.6 พันล้านดอลลาร์
               ปัจจัยหนึ่งที่คาดการณ์ได้ยากคือประเด็นที่ว่า นักลงทุนในตลาดพันธบัตรจะยังคงไว้วางใจในกระทรวงการคลังหรือไม่
               ทั้งนี้ ถึงแม้รัฐบาลสหรัฐไม่สามารถเพิ่มการก่อหนี้ได้ในช่วงนั้น แต่รัฐบาลก็สามารถต่ออายุพันธบัตรที่ครบกำหนดไถ่ถอนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยนักลงทุนมีโอกาสในการไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐราว 1 แสนล้านดอลลาร์ทุกๆสัปดาห์ แต่ที่ผ่านมา นักลงทุนมักเลือกที่จะนำเงินดังกล่าวกลับมาลงทุนใหม่ อย่างไรก็ดี ถ้าหากความกังวลเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ส่งผลให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในพันธบัตรใหม่ของสหรัฐ ฐานะการเงินของกระทรวงการคลังก็อาจทรุดลงภายในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน
               นายไบรอัน คอลลินส์ นักวิเคราะห์ของศูนย์นโยบายร่วมของพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันกล่าวว่า "เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะคาดการณ์ได้ล่วงหน้า เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องแบบเดียวกับที่ทำให้ลูกค้าแห่ถอนเงินออกจากธนาคารพาณิชย์ หรือทำให้ตลาดสินเชื่อประสบภาวะชะงักงัน"
                        *30 ต.ค.*
               รัฐบาลสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ โดยในช่วงท้ายวันนั้น รัฐบาลสหรัฐจะถือเงินในปริมาณที่ต่ำกว่ารายจ่ายที่จำเป็นราว 7 พันล้านดอลลาร์
               คณะผู้บริหารของประธานาธิบดีบารัค โอบามาระบุว่า เจ้าหนี้ทุกรายจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้
               กระทรวงการคลังระบุว่า ทางกระทรวงไม่มีความสามารถในการเลือกได้ว่าจะจ่ายเงินให้กับเจ้าหนี้รายใดก่อนรายอื่นๆ โดยครั้งสุดท้ายที่รัฐบาลประสบภาวะนี้เกิดขึ้นในปี 2011 ซึ่งในขณะนั้น รัฐบาลวางแผนที่จะรอให้กระทรวงการคลังมีเงินมากพอที่จะใช้ชำระค่าใช้จ่ายได้เต็ม 1 วัน ก่อนที่จะเริ่มออกเช็คใดๆ
               วิธีการนี้หมายความว่า ทุกคนจะได้รับเช็คช้ากว่ากำหนด ซึ่งรวมถึงโรงเรียนในท้องถิ่นที่ต้องได้รับเงิน 680 ล้านดอลลาร์จากรัฐบาลกลาง,ผู้รับสวัสดิการสังคมที่ต้องได้รับเงิน 553 ล้านดอลลาร์ และผู้รับสัมปทานด้านอาวุธที่ต้องได้รับเงิน 972 ล้านดอลลาร์
               บริษัทบางแห่งที่มีรัฐบาลสหรัฐเป็นลูกค้ารายใหญ่จะได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบริษัทล็อคฮีด มาร์ติน
               การชำระเงินจะประสบความล่าช้ามากขึ้นเรื่อยๆในขณะที่การผิดนัดชำระหนี้ดำเนินต่อไป ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐสูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน
                    *31 ต.ค.*
               สถานการณ์ย่ำแย่ลงในวันฮัลโลวีน ซึ่งเป็นวันที่กระทรวงการคลังต้องจ่ายดอกเบี้ย 6 พันล้านดอลลาร์ให้แก่ผู้ถือครองพันธบัตร
               พันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐถือเป็นพื้นฐานของระบบการเงินโลก เพราะการลงทุนในพันธบัตรสหรัฐถือเป็นการลงทุนที่ปราศจากความเสี่ยง ดังนั้นการลงทุนในพันธบัตรสหรัฐจึงกลายเป็นพื้นฐานสำหรับหลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงพอร์ท ลงทุนของผู้เกษียณอายุ และเศรษฐกิจจีนที่เน้นการส่งออก
               การผิดนัดชำระเงินจะเป็นการสั่นคลอนพื้นฐานดังกล่าว โดยรัฐบาลสหรัฐ จ่ายอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำมากในปัจจุบันนี้ เพราะรัฐบาลมีประวัติที่แข็งแกร่ง ในด้านการชำระหนี้ ดังนั้นถ้าหากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ ต้นทุนการกู้ยืมของ รัฐบาลสหรัฐก็จะพุ่งสูงขึ้น ตลาดหุ้นก็อาจจะดิ่งลง และผู้บริโภคก็อาจจะปรับลดการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ
               กระทรวงการคลังจะเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากในวันนั้น โดยทาง กระทรวงต้องตัดสินใจว่าจะจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในจีนหรือจะจ่ายเงินให้แก่กองทัพสหรัฐในอัฟกานิสถาน ขณะที่คณะผู้บริหารของ ปธน.โอบามาระบุว่า กระทรวงการคลังไม่มีอำนาจในการจัดลำดับความสำคัญ ในการชำระเงิน แต่นักวิเคราะห์เช่ื่อว่าทางกระทรวงอาจจะพยายามทำเช่นนั้น
               นายคอลลินส์กล่าวว่า "การไม่ชำระดอกเบี้ยตามกำหนดเวลา อาจจะสร้างความเสียหายได้มากกว่าการไม่ชำระเงินในรายการอื่นๆ"
                        *1 พ.ย.*
               รัฐบาลสหรัฐจะเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่เคยประสบมาก่อนนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
               ในทางทฤษฎีนั้น รัฐบาลสหรัฐสามารถชำระหนี้ให้แก่ผู้ถือครองพันธบัตรได้ตลอดไป เนื่องจากรายได้จากภาษีอยู่ในระดับที่มากพอที่จะครอบคลุมการชำระดอกเบี้ย และกระทรวงการคลังก็จ่ายเงินให้แก่ผู้ถือครองพันธบัตรโดยผ่านทางระบบที่แยกต่างหากจากการชำระเงินในรายการอื่นๆ
               การทำเช่นนี้จะส่งผลให้เจ้าหนี้รายอื่นๆได้รับการชำระหนี้ล่าช้า โดยกองทัพสหรัฐอาจจะชำระค่าเช่าได้ล่าช้ากว่ากำหนด และคนชราที่ต้องพึ่งพาเงินสวัสดิการสังคมก็อาจจะไม่มีเงินซื้ออาหาร
               ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากกระทรวงการคลังไม่ยอมชำระดอกเบี้ยในวันฮัลโลวีน และนักการเมืองสหรัฐยังไม่ส่งสัญญาณว่าจะคลี่คลายวิกฤตินี้ ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐก็จะได้รับความเสียหาย และสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อมูลค่าของเครื่องมือทางการเงินเกือบทุกประเภท ซึ่งรวมถึงดอลลาร์สหรัฐ, สินเชื่อธนาคารในเอเชีย และต้นทุนในการทำประกันพืชผลในรัฐอิลลินอยส์
               กระทรวงการคลังระบุว่า "การผิดนัดชำระหนี้จะเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเป็นสิ่งที่อาจก่อให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ โดยการผิดนัดชำระหนี้อาจจะส่งผลกระทบไปทั่วโลก                        
               เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและสถาบันการเงินทั่วโลกประกาศเตือนว่า ความล้มเหลวในการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐจะส่งผลให้สหรัฐผิดนัดชำระหนี้ และสิ่งนี้จะสร้างความเสียหายต่อประเทศอื่นๆทั่วโลก โดยจะฉุด ตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ, ตลาดหุ้น รวมทั้งจุดปะทุการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ย
               การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐถือเป็นการลงทุนที่ปราศจากความเสี่ยงมาเป็นเวลานานแล้ว และถือเป็นพื้นฐานของระบบการเงินโลก โดยสินทรัพย์ทั่วโลกใช้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็นเกณฑ์อ้างอิงในการกำหนดมูลค่าของสินทรัพย์นั้น
               นอกจากนี้ การผิดน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่