“ฉันไม่ยอมให้คุณเอาลูกไปให้ไอ้บ้านั่นทำปู้ยี้ปู้ยำเล่นเป็นอันขาด!!!”
เสาวรสตะคอกใส่สามีนับครั้งไม่ถ้วนพร้อมทั้งน้ำตานองหน้าด้วยความคับแค้นหัวใจในความไม่เอาไหนยามแก่ของเขา เมื่อมีการเอ่ยถึงข้อเสนอจากคู่อริขึ้นมา
“มีเหตุผลหน่อยสิคุณ” วิโรจน์เลยต้องเตือนสติด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ยุพาพรเองก็คิดเช่นเดียวกับสะใภ้รัก
“ฉันก็ไม่มีวันยอมให้หลานรักของฉันเอาตัวไปประเคนให้ไอ้ชั่วนั่นเหมือนกัน!!!”
“ถ้าไม่ยอมเราก็จะไม่เหลืออะไรเลยนะครับคุณแม่ เราควรจะคิดอย่างมีเหตุผลไม่ใช่เอาแต่อารมณ์แบบนี้” แต่วิโรจน์ไม่คิดอย่างนั้น
“มีเหตุผล แกยังมีหน้ามาอ้างถึงเหตุผลกับฉันอีกเหรอ!!! แกลืมไปแล้วเหรอว่าใครเป็นต้นเหตุเรื่องนี้ เหตุผลเดียวที่ฉันมีตอนนี้ก็คือ ฉันไม่มีวันยอมให้หลานรักต้องไปนอนให้ไอ้บ้านั้นเอาตั้งสองปีหรอก มันก็ไม่ต่างจากตกนรกดีๆ นี่เอง!!!” แม่ก็ไม่ยอมเหมือนกัน เลยด่าลูกเสียงดังคับบ้าน จนลูกเหลืออดสวนกลับด้วยความลืมตัว
“คุณแม่ทำเหมือนกับว่ายัยมิวยังบริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างนั้นล่ะ เคยถามมันหรือเปล่าว่าตั้งแต่ไปเรียนเมืองนอกมันนอนกับผู้ชายมากี่สิบคนแล้ว แล้วคุณแม่ไม่คิดว่ามันอยากจะลองนอนกับไอ้สิงห์บ้างเหรอครับ หน้าตามันก็ไม่ใช่จะขี้เหร่แถมตอนนี้มันก็เป็นเศรษฐีพันล้าน ถ้าเกิดมันติดใจในรสรักของยัยมิวขึ้นมาบางทีมันอาจจะยกทุกอย่างกลับมาให้เราฟรีๆ ก็ได้นี่ครับ”
“คุณยังกล้าคิดอย่างนี้อีกเหรอ!!! คุณมองเกมมันไม่ออกเหรอว่ามันอยากจะได้ยัยมิวไปทรมานจะได้ชดใช้ชีวิตน้องสาวมันไง แล้วที่มันจะเอาคุณไปทำงานเป็นขี้ข้า ก็เพื่อจะเอาไปกดขี่เพื่อชดใช้ชีวิตพ่อมันไงคะ เรื่องแค่นี้ทำไมยังมองไม่ออก ฉันไม่เข้าใจว่าคุณหูหนวกตาบอดไปได้ยังไงกันที่ยอมขายบริษัทให้มันโดยไม่รู้ว่ากำลังจะถูกมันมาทวงคืนทุกอย่าง”
“ก็เพราะมันโง่ไงล่ะแม่รส!!! หรือไม่มันก็ถูกผีพนันเข้าสิงห์ ผีผู้หญิงลงคาถากามารมใส่ไง มันถึงได้เป็นแบบนี้!!!”
“คุณแม่!!! ก็มันเล่นเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล แถมส่งแต่ลูกน้องมาติดต่อแล้วผมจะรู้ได้ยังไงล่ะ อย่ามัวมาว่ากันอยู่เลยนะ ผมว่ารีบๆ โทรไปหายัยมิวแล้วเล่าทุกอย่างให้ฟัง และถามเลยว่าตกลงจะยอมตามที่มันเสนอหรือเปล่า”
เมื่อถูกไล่บี้จนไม่ทางเลือกแล้ววิโรจน์จึงผลักภาระไปหาลูกที่อยู่อีกซีกโลกและยังไม่รู้อะไรทันที เสาวรสไม่รอช้ารีบทำตาม เพราะอยากจะเล่าเรื่องที่ไม่คาดฝันให้ลูกฟังอยู่แล้ว
‘มิวไม่มีวันยอมทำตามที่มันเสนอมาเด็ดขาด มิวเกลียดมันจะตายคุณแม่ก็รู้ คุณแม่ทนๆ เอาหน่อยนะคะตอนนี้มิวกำลังจะจับลูกเศรษฐีที่นี่ได้ และถ้าสำเร็จมิวจะเอาเงินห้าสิบล้านให้แม่ไปไถ่บ้านกลับคืนเลย ส่วนอีกยี่สิบห้าล้านให้คุณพ่อไปเอาลูกเมียน้อยทั้งหลายไปแทนมิวเอาเอง ฝากบอกคุณพ่อด้วยนะคะคุณแม่ว่าถ้าไม่รักมิวและอยากจะยกมิวให้ไปบำเรอไอ้บ้านั่น มิวก็จะไม่รักคุณพ่อเหมือนกัน’
เสียงที่ผ่านลำโพงมานั้นดังและฟังชัดจนไม่มีใครสงสัยอีกแล้ว แต่จากข้อความประชดประชันนี้ทำให้เสาวรสคิดอะไรดีๆ ขึ้นได้ จึงรีบยื่นข้อเสนอไปหาสามีทันที
“ได้ยินแล้วใช่ไหม ทีนี้ถ้าคุณยังคิดจะเอาลูกไปประเคนให้มันอีก คุณก็มีเพียงสองทางให้เลือกเท่านั้นค่ะ หนึ่งคือฆ่าฉันให้ตายซะ กับสองคือคุณต้องไปเอาลูกๆ จากแม่เมียเก็บเมียน้องทั้งหลายที่คุณไข่ไว้มาแทนตามที่ยัยมิวบอกมาซะ ไม่อย่างนั้นอย่ามาอ้าปากพูดกับฉันอีก”
“โธ่!!! คุณก็รู้ว่าผมทำหมันตั้งแต่ได้เจ้านิวแล้ว ผมจะไปไข่ไว้ที่ไหนหรือกับใครได้อีกล่ะ”
“ก็กับคนใช้ชั้นต่ำอย่างนังกันยานั่นไงล่ะแกลืมแล้วเหรอ หรือว่าผู้หญิงที่แกเอามันมีมากจนจำไม่หวาดไม่ไหว” แม่ด่าเสริมอีก
“โธ่!!! คุณแม่ก็ เรื่องมันผ่านมาตั้งยี่สิบปีแล้ว ป่านนี้ไม่รู้อยู่ไหนผมจะไปตามหาได้ยังไง”
“เรื่องนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันกับแม่รสเอง ส่วนแกคอยไปนั่งทำหน้าเศร้าๆ น่าสงสารๆ ให้ลูกคนใช้ของแกเห็นเถอะ มันจะได้ใจอ่อนยอมมาช่วยกู้สถานะการณ์ให้”
“มาแล้วเหรอนิ่ม อาการยายเป็นยังไงบ้าง”
“ยังไม่ฟื้นเลยค่ะพี่ฝน แล้วนี่ประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ” ฝนทิพย์พยักหน้าเซ็งๆ ให้
“มีเรื่องอะไรบ้างคะ” กัณหาอดสงสัยไม่ได้ แม้พอจะเดาออกอยู่บ้าง
“ก็เรื่องยอดขายตกนั่นล่ะ พี่เต้เลยบอกว่าจะลงมาดูงานทุกฝ่ายให้ใกล้ชิดกว่าเดิม ไม่งั้นรายได้จะไม่พอค่าใช้จ่าย ตอนบ่ายก็ต้องประชุมอีกรอบเพื่อช่วยกันหาทางแก้ไขสถานะการณ์ยอดขายตกอีก” ความคิดที่จะขอยืมเงินไปเป็นค่ารักษายายจากเจ้านายเป็นอันถูกพับเก็บลงทันที เมื่อได้ยินเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่เล่าให้ฟัง
“อ้อ! นิ่มจ้ะ พี่เต้บอกว่าถ้ามาแล้วให้เข้าไปหาด่วน” ร่างสมส่วนกับกางเกงเดฟสีดำเสื้อเชิ้ตขาวมีเข็มขัดคาดเอวคอดจึงเดินเชื่องช้าไปหาเจ้านายทันที
“ไม่มีอะไรมากหรอกนิ่ม พี่แค่อยากจะให้ช่วยออกแบบปกเนี๊ยบขึ้นกว่าเดิม เผื่อจะดึงยอดขายได้บ้าง แล้วเวลานักเขียนส่งรายละเอียดเรื่องปกมาก็อ่านให้ละเอียด ถ้าไม่เข้าใจยังไงพี่อนุญาตให้โทรถามนักเขียนได้ แต่อย่าคุยนานนะพี่เกรงใจ เดี๋ยวจะรบกวนเวลาทำงานนักเขียน แล้วก็...” ดวงหน้าเหงาจดตามคำเจ้านายไปเรื่อยๆ
“ไม่มีอะไรแล้ว ขอบคุณมากนะจ้ะนิ่ม” บ.ก. หนุ่มหน้าสวยยิ้มให้ลูกน้องอย่างเคย
“อ้อ! นิ่ม” ร่างบางที่กำลังจะเปิดประตูหยุดกึกแล้วหันกลับทันที
“คะพี่เต้”
“เกือบลืมไปเลยจ้ะ นี่เป็นเงินที่เพื่อนๆลงขันช่วยค่ารักษายายนิ่มนะ ส่วนเช็คนี่ก็เป็นน้ำใจจากพี่ในนามสำนักพิมพ์ ใจจริงพี่อยากจะช่วยมากกว่านี้ แต่ก็อย่างที่นิ่มรู้ว่าสถานะการณ์ไม่ดีเท่าไหร่”
อาญาซาตาน-เหยื่อความกตัญญู (กันเกรา)
เสาวรสตะคอกใส่สามีนับครั้งไม่ถ้วนพร้อมทั้งน้ำตานองหน้าด้วยความคับแค้นหัวใจในความไม่เอาไหนยามแก่ของเขา เมื่อมีการเอ่ยถึงข้อเสนอจากคู่อริขึ้นมา
“มีเหตุผลหน่อยสิคุณ” วิโรจน์เลยต้องเตือนสติด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ยุพาพรเองก็คิดเช่นเดียวกับสะใภ้รัก
“ฉันก็ไม่มีวันยอมให้หลานรักของฉันเอาตัวไปประเคนให้ไอ้ชั่วนั่นเหมือนกัน!!!”
“ถ้าไม่ยอมเราก็จะไม่เหลืออะไรเลยนะครับคุณแม่ เราควรจะคิดอย่างมีเหตุผลไม่ใช่เอาแต่อารมณ์แบบนี้” แต่วิโรจน์ไม่คิดอย่างนั้น
“มีเหตุผล แกยังมีหน้ามาอ้างถึงเหตุผลกับฉันอีกเหรอ!!! แกลืมไปแล้วเหรอว่าใครเป็นต้นเหตุเรื่องนี้ เหตุผลเดียวที่ฉันมีตอนนี้ก็คือ ฉันไม่มีวันยอมให้หลานรักต้องไปนอนให้ไอ้บ้านั้นเอาตั้งสองปีหรอก มันก็ไม่ต่างจากตกนรกดีๆ นี่เอง!!!” แม่ก็ไม่ยอมเหมือนกัน เลยด่าลูกเสียงดังคับบ้าน จนลูกเหลืออดสวนกลับด้วยความลืมตัว
“คุณแม่ทำเหมือนกับว่ายัยมิวยังบริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างนั้นล่ะ เคยถามมันหรือเปล่าว่าตั้งแต่ไปเรียนเมืองนอกมันนอนกับผู้ชายมากี่สิบคนแล้ว แล้วคุณแม่ไม่คิดว่ามันอยากจะลองนอนกับไอ้สิงห์บ้างเหรอครับ หน้าตามันก็ไม่ใช่จะขี้เหร่แถมตอนนี้มันก็เป็นเศรษฐีพันล้าน ถ้าเกิดมันติดใจในรสรักของยัยมิวขึ้นมาบางทีมันอาจจะยกทุกอย่างกลับมาให้เราฟรีๆ ก็ได้นี่ครับ”
“คุณยังกล้าคิดอย่างนี้อีกเหรอ!!! คุณมองเกมมันไม่ออกเหรอว่ามันอยากจะได้ยัยมิวไปทรมานจะได้ชดใช้ชีวิตน้องสาวมันไง แล้วที่มันจะเอาคุณไปทำงานเป็นขี้ข้า ก็เพื่อจะเอาไปกดขี่เพื่อชดใช้ชีวิตพ่อมันไงคะ เรื่องแค่นี้ทำไมยังมองไม่ออก ฉันไม่เข้าใจว่าคุณหูหนวกตาบอดไปได้ยังไงกันที่ยอมขายบริษัทให้มันโดยไม่รู้ว่ากำลังจะถูกมันมาทวงคืนทุกอย่าง”
“ก็เพราะมันโง่ไงล่ะแม่รส!!! หรือไม่มันก็ถูกผีพนันเข้าสิงห์ ผีผู้หญิงลงคาถากามารมใส่ไง มันถึงได้เป็นแบบนี้!!!”
“คุณแม่!!! ก็มันเล่นเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล แถมส่งแต่ลูกน้องมาติดต่อแล้วผมจะรู้ได้ยังไงล่ะ อย่ามัวมาว่ากันอยู่เลยนะ ผมว่ารีบๆ โทรไปหายัยมิวแล้วเล่าทุกอย่างให้ฟัง และถามเลยว่าตกลงจะยอมตามที่มันเสนอหรือเปล่า”
เมื่อถูกไล่บี้จนไม่ทางเลือกแล้ววิโรจน์จึงผลักภาระไปหาลูกที่อยู่อีกซีกโลกและยังไม่รู้อะไรทันที เสาวรสไม่รอช้ารีบทำตาม เพราะอยากจะเล่าเรื่องที่ไม่คาดฝันให้ลูกฟังอยู่แล้ว
‘มิวไม่มีวันยอมทำตามที่มันเสนอมาเด็ดขาด มิวเกลียดมันจะตายคุณแม่ก็รู้ คุณแม่ทนๆ เอาหน่อยนะคะตอนนี้มิวกำลังจะจับลูกเศรษฐีที่นี่ได้ และถ้าสำเร็จมิวจะเอาเงินห้าสิบล้านให้แม่ไปไถ่บ้านกลับคืนเลย ส่วนอีกยี่สิบห้าล้านให้คุณพ่อไปเอาลูกเมียน้อยทั้งหลายไปแทนมิวเอาเอง ฝากบอกคุณพ่อด้วยนะคะคุณแม่ว่าถ้าไม่รักมิวและอยากจะยกมิวให้ไปบำเรอไอ้บ้านั่น มิวก็จะไม่รักคุณพ่อเหมือนกัน’
เสียงที่ผ่านลำโพงมานั้นดังและฟังชัดจนไม่มีใครสงสัยอีกแล้ว แต่จากข้อความประชดประชันนี้ทำให้เสาวรสคิดอะไรดีๆ ขึ้นได้ จึงรีบยื่นข้อเสนอไปหาสามีทันที
“ได้ยินแล้วใช่ไหม ทีนี้ถ้าคุณยังคิดจะเอาลูกไปประเคนให้มันอีก คุณก็มีเพียงสองทางให้เลือกเท่านั้นค่ะ หนึ่งคือฆ่าฉันให้ตายซะ กับสองคือคุณต้องไปเอาลูกๆ จากแม่เมียเก็บเมียน้องทั้งหลายที่คุณไข่ไว้มาแทนตามที่ยัยมิวบอกมาซะ ไม่อย่างนั้นอย่ามาอ้าปากพูดกับฉันอีก”
“โธ่!!! คุณก็รู้ว่าผมทำหมันตั้งแต่ได้เจ้านิวแล้ว ผมจะไปไข่ไว้ที่ไหนหรือกับใครได้อีกล่ะ”
“ก็กับคนใช้ชั้นต่ำอย่างนังกันยานั่นไงล่ะแกลืมแล้วเหรอ หรือว่าผู้หญิงที่แกเอามันมีมากจนจำไม่หวาดไม่ไหว” แม่ด่าเสริมอีก
“โธ่!!! คุณแม่ก็ เรื่องมันผ่านมาตั้งยี่สิบปีแล้ว ป่านนี้ไม่รู้อยู่ไหนผมจะไปตามหาได้ยังไง”
“เรื่องนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันกับแม่รสเอง ส่วนแกคอยไปนั่งทำหน้าเศร้าๆ น่าสงสารๆ ให้ลูกคนใช้ของแกเห็นเถอะ มันจะได้ใจอ่อนยอมมาช่วยกู้สถานะการณ์ให้”
“มาแล้วเหรอนิ่ม อาการยายเป็นยังไงบ้าง”
“ยังไม่ฟื้นเลยค่ะพี่ฝน แล้วนี่ประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ” ฝนทิพย์พยักหน้าเซ็งๆ ให้
“มีเรื่องอะไรบ้างคะ” กัณหาอดสงสัยไม่ได้ แม้พอจะเดาออกอยู่บ้าง
“ก็เรื่องยอดขายตกนั่นล่ะ พี่เต้เลยบอกว่าจะลงมาดูงานทุกฝ่ายให้ใกล้ชิดกว่าเดิม ไม่งั้นรายได้จะไม่พอค่าใช้จ่าย ตอนบ่ายก็ต้องประชุมอีกรอบเพื่อช่วยกันหาทางแก้ไขสถานะการณ์ยอดขายตกอีก” ความคิดที่จะขอยืมเงินไปเป็นค่ารักษายายจากเจ้านายเป็นอันถูกพับเก็บลงทันที เมื่อได้ยินเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่เล่าให้ฟัง
“อ้อ! นิ่มจ้ะ พี่เต้บอกว่าถ้ามาแล้วให้เข้าไปหาด่วน” ร่างสมส่วนกับกางเกงเดฟสีดำเสื้อเชิ้ตขาวมีเข็มขัดคาดเอวคอดจึงเดินเชื่องช้าไปหาเจ้านายทันที
“ไม่มีอะไรมากหรอกนิ่ม พี่แค่อยากจะให้ช่วยออกแบบปกเนี๊ยบขึ้นกว่าเดิม เผื่อจะดึงยอดขายได้บ้าง แล้วเวลานักเขียนส่งรายละเอียดเรื่องปกมาก็อ่านให้ละเอียด ถ้าไม่เข้าใจยังไงพี่อนุญาตให้โทรถามนักเขียนได้ แต่อย่าคุยนานนะพี่เกรงใจ เดี๋ยวจะรบกวนเวลาทำงานนักเขียน แล้วก็...” ดวงหน้าเหงาจดตามคำเจ้านายไปเรื่อยๆ
“ไม่มีอะไรแล้ว ขอบคุณมากนะจ้ะนิ่ม” บ.ก. หนุ่มหน้าสวยยิ้มให้ลูกน้องอย่างเคย
“อ้อ! นิ่ม” ร่างบางที่กำลังจะเปิดประตูหยุดกึกแล้วหันกลับทันที
“คะพี่เต้”
“เกือบลืมไปเลยจ้ะ นี่เป็นเงินที่เพื่อนๆลงขันช่วยค่ารักษายายนิ่มนะ ส่วนเช็คนี่ก็เป็นน้ำใจจากพี่ในนามสำนักพิมพ์ ใจจริงพี่อยากจะช่วยมากกว่านี้ แต่ก็อย่างที่นิ่มรู้ว่าสถานะการณ์ไม่ดีเท่าไหร่”