วิมานภุมรา... บทที่๖ ( ดอกฟ้านัยน์ตาโศก )

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ ดอกไม้

หนอนฯติดภารกิจ ไม่อยู่บ้านและไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์สามวัน โอ้โห นิยายของเพื่อนๆอัพกันพรวดๆ อ่านไม่ทันเลย แต่ละเรื่องกำลังเข้มข้น น่าติดตามทั้งนั้นเลย

เลยเอานิยายหวานเย็นของหนอนฯมาแปะมั่งอมยิ้ม02

ตอนก่อนหน้านี้ http://ppantip.com/topic/31016007/comment14-1



บทที่ 6

... ดอกฟ้านัยน์ตาโศก ...



มณฑารพสังเกตเห็นว่านายจ้างหนุ่มของเธอต้องเข้ากรุงเทพบ่อยๆ ดรัณภพเคยบอกว่าคุณศิลามีธุรกิจส่งออกสินค้าเกษตรบางชนิดด้วย ซึ่งเดิมคัมภีร์บุตรชายคนโตเคยดูแลที่บริษัทนั้นเป็นหลักตั้งแต่เมื่อครั้งศาสตรายังอยู่ต่างประเทศ หากเมื่อตัดสินใจซื้อกิจการฟาร์มโคนมมา คัมภีร์ก็ต้องให้เวลากับการบริหารที่นั่นอย่างมาก เนื่องจากต้องปรับยกโครงสร้างกันใหม่ทั้งหมด อีกทั้งยังตั้งเป้าหมายที่จะทำรีสอร์ทรองรับการท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่นั่น ดังนั้นศาสตราจึงเข้าไปช่วยดูแลในกิจการบริษัทที่กรุงเทพแทนมากขึ้น ในขณะที่บิดาเริ่มแสดงที่ท่าว่าจะวางมือปล่อยให้ลูกชายทั้งสองเข้าบริหารอย่างเต็มตัว และตนเองมาใช้เวลาที่รีสอร์ตและสนามกอล์ฟมากขึ้น

สัปดาห์นี้เองก็เช่นกันที่มณฑารพไม่ได้เห็นนายจ้างทั้งสองมาหลายวันแล้ว หากทุกอย่างก็ดำเนินไปได้ตามปกติโดยลูกจ้างมืออาชีพที่เป็นพนักงานประจำทั้งหลาย หากค่ำนี้มีเหตุการณ์พิเศษที่ทำให้ดรัณภพขับรถมาหาเธอตั้งแต่ก่อนห้าโมงเย็น

“โย พี่มีเรื่องขอความช่วยเหลือจ้ะ” รุ่นพี่หนุ่มเริ่มต้นอย่างไม่อ้อมค้อม

“วันนี้ทางพี่รับจัดแข่งกอล์ฟ และเย็นนี้แขกเข้ามาพักทางรีสอร์ท จองเต็มหมด เขารีเควสท์ให้มีดนตรีจ้ะ แต่เรื่องมันแย่ตรงที่ นักร้องที่เราจ้างไว้เกิดรถมอเตอร์ไซค์ล้ม เห็นว่าเจ็บเอาเรื่อง มาร้องเพลงไม่ไหว”

มณฑารพมองรุ่นพี่ตาปริบๆ เมื่อชายหนุ่มตบท้ายว่า “โย ช่วยพี่หน่อยนะ”

“ พี่ฟูจะให้โยช่วยอะไรหรือคะ?” หญิงสาวยังงง

“คืนนี้มาร้องเพลงให้พี่หน่อย” ชายหนุ่มพูดง่ายๆ หากหญิงสาวสะดุ้ง

“พี่ฟูคะ โย ไม่ได้ซ้อมมานานแล้วนะคะ กลัวว่าจะ... เอ่อ ไม่รอด” เธออ้อมแอ้มตอบ

“เฮ่ย โยร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก มันจะไม่รอดได้ไง” รุ่นพี่ไม่สนใจอีกทั้งยังทำหน้ายู่ยี่ “โยต้องช่วยพี่ ไม่งั้นพี่เองที่จะไม่รอด”

“โย ร้องได้แต่เพลงช้าๆด้วย พวกเพลงเก่าๆ กับเพื่อชีวิตช้าๆ อย่างอื่นไม่ถนัดเลย”

“นั่นแหละเหมาะ”

“เหมาะยังไงคะ แขกเป็นกลุ่มไหนหรือคะพี่ฟู ต่างชาติหรือเปล่า โยร้องเพลงสากลไม่ได้ด้วยนะคะ”

หญิงสาวหนักใจ พยายามบ่ายเบี่ยง หากจะตัดรอนกันง่ายๆ รุ่นพี่คงเสียน้ำใจ

“แขกคนไทยจ้ะ เป็นพวกมาเลี้ยงรุ่น หลายคนเป็นขาประจำของเราอยู่ด้วย อายุอยู่ช่วง 45 ถึง 55 ประมาณนั้นน่ะโย พี่เลยมั่นใจว่าโยต้องช่วยพี่ได้แน่ๆ เพราะตอนสมัยเรียนโยก็เคยไปร้องเพลงกล่อมคนแก่ เอ้ย แนว Retro กับเพื่อชีวิตช้าๆหวานๆอยู่ไม่ใช่เหรอ”

“ค่ะ พี่ฟู”

“งั้น โอเคนะ เดี๋ยวโยไปเตรียมตัว อาบน้ำอาบท่าแล้วไปเจอกับทางคุณมดที่ด้านหน้าเลย นั่นกำลังจะคลั่ง เดี๋ยวพี่โทรไปบอกก่อน ว่าโยช่วยได้”
พูดพลาง ชายหนุ่มไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น หากต่อสายไปเจรจาให้ฝ่ายที่ ‘กำลังจะคลั่ง’ ได้รับทราบว่าปัญหาเรื่องนักร้องได้ถูกปัดเป่าไปแล้ว ก่อนจะวางสายแล้วหันมาหาเธออีกครั้ง

“โยรีบไปหน่อยก็ดี จะได้ซักซ้อมกับทางนักดนตรีเขา”

“พี่ฟูขา แล้วมะตูมล่ะคะ ค่ำนี้ป้าคนเลี้ยงไม่ว่างด้วย” หญิงสาวเสียงอ่อย

“ไม่มีปัญหา พี่ขอยืมตัวพี่แจ๋มแม่บ้านคุณศิลามาช่วยเลี้ยงให้แล้ว”

“มะตูมไม่คุ้น โยกลัวลูกไม่เอานะคะ”

“ เฮ่ย มะตูมมนุษย์สัมพันธ์ดี เข้ากับคนอื่นง่ายจะตาย แล้วเดี๋ยวเอามะตูมไปที่โน่นด้วยกัน เปิดห้องทำงานนายตรงออฟฟิสข้างหน้า เอาเบาะนอน ของกินของเล่นไปที่โน่นเลย โยจะได้ไม่เป็นห่วง แล้วพี่จะไปช่วยเลี้ยงด้วย มะตูมกับพี่ซี้กัน”

“แล้วต้องมีดนตรีไปถึงกี่ทุ่มคะพี่ฟู” หญิงสาวเสียงอ่อยลงไปอีก คงเลี่ยงไม่ได้แล้ว

“แค่สี่ทุ่ม แล้วหลังจากนั้น แขกเขาจะคาราโอเกะกันต่อ”

“ไปโย รีบไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวพี่จะไปดูทางโน้นหน่อย แล้วรีบตามไปนะ”
อาบน้ำแต่งตัว โธ่เอ๋ย อาบน้ำนะไม่มีปัญหา แต่ว่าจะเอาเสื้อผ้าอะไรมาแต่ง เห็นทีจะต้องสวมยีนส์กับเชิร์ตเหมือนปกติ ก็เธอไม่มีเสื้อผ้าแบบอื่นเลยนี่นะ

....................................................................................................................................................


นักดนตรีมอง ‘นักร้องเฉพาะกิจ’ ตรงหน้าอย่างอึ้งๆ หญิงสาวตรงหน้าร่างเล็ก ผมสลวยซอยสั้นเห็นเป็นลอนชี้ปัดไปมาดูน่ารัก แก้มนวลใส ปากไม่เจือสี เธออยู่ในชุดกางเกงยีนส์ เสื้อเชิร์ตแขนยาวตัวโคร่งยาวคลุมสะโพกลงมาเกือบถึงเข่า ที่คอเสื้อมองเห็นเสื้อยืดคอกลมสีขาวอยู่ข้างใน เจ้าตัวสวมรองเท้าผ้าใบดูทะมัดทะแมง เรื่องสำคัญเจ้าตัวอุ้มเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้ในอ้อมกอด

นักร้องสาวลูกติดยิ้มอ่อนๆให้คนที่มองเธอตาปริบๆ ไม่มีคำพูดใดๆจนกระทั่งผู้จัดการสนามกอล์ฟโผล่เข้ามาทำลายบรรยากาศมาคุ

“โย ส่งมะตูมมาให้พี่จ้ะ แล้วตกลงนัดแนะซักซ้อมกันเลย ว่าจะเตรียมเพลงอะไรไว้มั่ง “

พูดแล้วเจ้าตัวก็ผลุบไปอีก โดยเอาลูกชายตัวน้อยของเธอไปด้วย

................................................................................................


ก่อนขึ้นร้องเพลงหญิงสาวเหลียวหน้าเหลียวหลังมองหาลูกชายตัวน้อย ดรัณภพรู้ใจจึงพาไปให้เห็นกับตาว่านายมะตูมของเธอสุขสบายไปกับการดูแลอย่างดีของคนรักเด็กอย่างแม่บ้านของคุณศิลา

“คุณมณฑารพไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ พี่แจ๋มเลี้ยงเด็กมาหลายคนแล้ว หลานของนายก็สองคน เชื่อมือเถอะ ยิ่งน้องมะตูมเลี้ยงง่าย ดูสิคะ อุ๊ย แหม ขนาดตาปรือพอเห็นคุณแม่ก็ยิ้มหวานเชียว”

หญิงสาวทรุดนั่งลงข้างเบาะนอนของเจ้าตัวน้อย ปกติเวลานี้ เคยเป็นเวลาอันสงบสุขของเธอกับมะตูมสองคนแม่ลูกมาโดยตลอด มือบางลูบไล้เนื้อตัวเต่งตึงแผ่วเบา นิ้วเรียวลากผ่านแก้มยุ้ยระขึ้นไปวนไล้เส้นผมดกหนาของเจ้าตัวน้อย เจ้าชายตัวจิ๋วของเธอยิ้มหวานรับทั้งๆที่ตาปรือเต็มที สองมือน้อยไข่วคว้าเส้นผมนุ่มสลวยของมารดาขณะที่เธอก้มหน้าลงไปจุมพิต เฮ้อ สูดกลิ่นหอมของเจ้าตัวน้อยแล้วแสนจะชื่นใจ หายเหนื่อย ลดความประหม่า มะตูมจ๋า เดี๋ยวแม่ไปหาค่านมให้มะตูมก่อนนะลูก

อาการแสดงความรักใคร่แสนอ่อนหวานทำเอาสาวใหญ่ที่ยืนมองอมยิ้ม เด็กชายตัวน้อยๆคนนี้ช่างโชคดีนัก ไม่เหมือนเด็กอีกสองคนที่เธอเคยโอบอุ้ม ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นอย่างไร คงอยู่อย่างเหงาๆกับพี่เลี้ยงวัยใก้ลชรากับเด็กผู้ช่วย บรรดาผู้ปกครองทั้งสามก็ล้วนแต่เป็นผู้ชาย คงไม่มีใครมีเวลามาโอบอุ้มอ่อนโยนอ่อนหวานเหมือนคู่แม่ลูกตรงหน้าได้บ่อยๆ

“ พี่แจ๋มขา โยฝากมะตูมด้วย เดี๋ยวพอพัก โยจะรีบเข้ามาดูนะคะ” เสียงคนเป็นมารดาฝากฝังด้วยวาจาอ่อนหวาน ปกติเธอไม่เคยคุ้นกันนัก หากวันนี้สาวใหญ่อย่างแจ๋มรู้สึกเอ็นดูจนเหมือนกับว่าสนิมสนมกันมากขึ้นอีกนิด

“ไปเถอะค่ะคุณโย อย่าห่วงเลย พี่แจ๋มจะอยู่แต่ในห้องนี้ ไม่ไปไหนเลยค่ะ ไปเถอะ ไปช่วยกันหน่อย ถ้าคุณโยไม่ช่วย เห็นทีพวกที่รับหน้าแขกจะแย่เอาถ้าไม่มีดนตรีให้ล่ะก็”

.................................................................................................................................
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่