บทที่ 5 ......ฝันร้าย......
มณฑารพกระสับกระส่ายไม่อยากให้ถึงเวลาอาหารค่ำเลย ถ้าเจอพี่ปุ๊ดแบบรุ่นพี่สาวไม่ทันได้ตั้งตัวอาจทำให้เกิดเรื่องยุ่งยาก และยากจะหลีกหนีคำถามนานาประการที่จะมีมา และจะแย่ยิ่งกว่าถ้าเธอถูกซักฟอกโดยมีฝ่ายนายจ้างอยู่ด้วย หญิงสาวตัดสินใจโทรหาดรัณภพ
“พี่ฟูขา”
“ว่าไงโย”
“พี่ปุ๊ดจะมาถึงประมาณกี่โมง พี่ฟูทราบไหมคะ”
“พี่ไม่แน่ใจ แต่ทันมื้อเย็นแน่นอน เพราะคุณศิลาบอกให้พี่ไปกินข้าวด้วยเย็น ถือเป็นการฉลองพ้นโปรของโยด้วย ว่าแต่ถามพี่อย่างนี้ กังวลอะไรหรือเปล่า”
“พี่ฟูคะ........... โย ......โย อยากเจอพี่ปุ๊ดก่อน”
“พี่ก็คิดว่าจะแนะนำโยอย่างนั้นเหมือนกัน เห็นว่าคุณศิลาสั่งให้โยเอามะตูมไปด้วยเพราะไม่มีคนเลี้ยงไม่ใช่เหรอ มันคงไม่ดีแน่ถ้าปุ๊ดเจอโยพร้อมมะตูมต่อหน้าผู้ใหญ่ แล้วเกิดตกใจ ลืมตัวซักถามอะไรโยขึ้นมา ”
“แล้วโยจะทำยังไงดีคะพี่ฟู”
“พี่จะโทรหาปุ๊ด บอกว่าจะได้เจอโยที่นี่ จะบอกว่าตอนแรกเราสองคนกะจะเซอร์ไพร้ส์ปุ๊ด และจะบอกว่ามาถึงแล้วให้โทรบอกพี่ พวกเราจะได้เจอกันคุยกันก่อนตามประสาเพื่อนฝูง ก่อนเข้าไปกินข้าวเย็น แล้วพี่จะปล่อยให้โยคุยกับปุ๊ด เอาแบบนี้ดีไหม”
“ค่ะพี่ฟู ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวจัดการดูแลป้อนข้าวเจ้าตัวน้อยแล้วผุดลุกผุดนั่งด้วยความกลัดกลุ้ม ดรัณภพช่างแสนดีและเข้าอกเข้าใจ แม้เธอจะไม่ได้บอกเล่าอะไรให้เขารู้เลย รุ่นพี่หนุ่มก็ไม่เคยถาม หากหมั่นแวะเวียนมาดูแลด้วยความอาทรต่อเธอและลูกชายตัวน้อย
พุทธรักษามาถึงเมื่อใกล้เวลาอาหารเต็มที หญิงสาวแปลกใจที่ดรัณภพรี่เข้ามาลากตัวเธอไปทันทีที่รถจอด
“สวัสดีครับพี่คัมภีร์ เหนื่อยไหมครับพี่ มาถึงเย็นเลย” ผู้จัดการสนามกอล์ฟปรี่เข้าไปทักทายบุตรชายคนโตของคุณศิลาทันทีที่รถจอดสนิท หนุ่มหน้าตี๋ยกมือทำความเคารพบุรุษร่างสูงใหญ่ที่ก้าวออกมาจากตำแหน่งคนขับ
“สวัสดีฟู ไม่เหนื่อยหรอก ว่าแต่ฟูสบายดีนะ เดี๋ยวจะมากินข้าวกับพี่หรือเปล่า” ชายหนุ่มร่างสูงยกมือรับไหว้พลางส่งยิ้มให้หนุ่มรุ่นน้องอย่างใจดี
“ครับพี่ แต่ตอนนี้ผมขออนุญาตเอาตัวเพื่อนผมไปก่อนได้ไหมฮะ แล้วเดี๋ยวพวกเราตามขึ้นไป”
“เอาสิฟู เชิญตามสบายพุทธรักษา แต่อย่าขึ้นไปทานข้าวช้าล่ะ เดี๋ยวคุณพ่อท่านจะรอ”
“ครับพี่ ขอบคุณครับ” พูดไม่ทันขาดเสียง ชายหนุ่มก็ต้อนเพื่อนสนิทมุ่งหน้าไปทางบ้านพักของผู้จัดการสวนทันที
“เฮ้ย ฟู เดี๋ยวฉันเอากระเป๋าก่อน จะรีบอะไรหนักหนานะ”
“ไหน นายมีอะไรจะเซอร์ไพร้ส์เราหรือฟู เฮ้ย แล้วทำไมต้องรีบขนาดนี้ด้วยวะ รอคุยหลังกินข้าวกับพวกผู้ใหญ่ไม่ได้หรือไง”
หญิงสาวร่างสูงโปร่งชักฉุนที่เพื่อนสนิทลากเธอลิ่วๆ
“ ต้องคุยตอนนี้ปุ๊ด”
หญิงสาวไม่ทันได้โต้ตอบอะไรต่อเธอก็ต้องส่งยิ้มกว้าง เมื่อเห็นใครบางคนมายืนอยู่ตรงหน้า
“ โย โยเย มาอยู่นี่ได้ไงจ๊ะ อ๊ะ ฟู นี่เหรอเซอร์ไพร้ส์ที่ว่า” พูดพลางก็สะบัดแขนออกจากมือเพื่อนหนุ่มแล้วอ้าแขนรับตัวรุ่นน้องที่โผเข้ามาหา
“พี่ปุ๊ดขา” เสียงรุ่นน้องพร่าสั่น แต่พูทธรักษายังไม่ทันได้สังเกต ด้วยความดีใจ เธอกอดรุ่นน้องไว้ในอ้อมแขน แล้วลูบหลังคนตัวเล็กกว่าเบาๆก่อนจะบ่นไปหัวเราะไป
“อะไรกันโย หืมห์ อย่ามาอ้อน เรานี่มันน่าตีเหลือเกิน รู้ไหม พี่กับแม่เป็นห่วง ยังดีที่แม่บอกว่าโยโทรหาทุกเดือน แต่พี่ก็งอนนะ ที่โยไม่ยอมทิ้งเบอร์ติดต่อกลับไว้ให้พี่เลย หรือรวมหัวกะพี่ฟูจะรอทำเซอร็ไพร้ส์พี่อย่างนี้จ๊ะ”
“พี่ปุ๊ดขา” รุ่นน้องตัวเล็กยังพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงกอดพี่สาวไว้แน่น
“โย โยเย ร้องไห้ทำไม วะ ยายคนนี้ โตแล้วยังโยเยสมชื่อ” เสียงพี่สาวบ่นยิ้มๆ หากอาการนั้นทำเอารุ่นพี่หนุ่มเริ่มกระสับกระส่าย
“ โย คุยกับปุ๊ดไปก่อนนะ เอาเท่าที่จำเป็น เดี๋ยวพี่ขึ้นไปรับหน้าพวกผุ้ใหญ่ก่อน แล้วรีบตามไป อย่าช้า มีอะไรค่อยคุยกันต่อคืนนี้”
พุทธรักษาชักเอะใจ เสียงเพื่อนสนิทดูเคร่งเครียดผิดวิสัย อีกทั้งรุ่นน้องก็ดูเหมือนจะร้องไห้ เธอตัดสินใจดันตัวน้องออกมาเพื่อดูหน้าชัดๆ
“โย เป็นอะไร ดีใจที่เจอพี่ขนาดนี้เลยเหรอจ๊ะ เว่อร์ไปหรือเปล่าน้อง”
“พี่ปุ๊ดขา โยมีเรื่องจะบอก” พูดขาดคำเจ้าตัวก็ดึงรุ่นพี่สาวเข้าไปในบ้านพัก แล้วอุ้มลูกชายตัวน้อยขึ้นมา
“โยมาทำงานที่นี่สามเดือนแล้วค่ะ พ้นโปรพอดี “
“เหรอ ดีจัง แหม ปิดกันเงียบเลย แล้วเด็กนี่ลูกใครล่ะโย”
“ลูกโยเองค่ะ”
“อะไรนะ!”
มณฑารพมองสีหน้างุนงงของรุ่นพี่
“ลูกโยเองค่ะพี่ปุ๊ด ชื่อมะตูม อายุเก้าเดือนแล้ว”
แม่ลูกอ่อนมองอาการนิ่งงันไปชั่วขณะของรุ่นพี่ เธอมีเวลาไม่มาก ต้องรีบไปที่บ้านพักของนายจ้างแล้ว
“พี่ปุ๊ดขา ยังมีอีกเรื่อง โยเปลี่ยนชื่อนะคะ ตอนนี้โยชื่อ มณฑารพ คุณศิลา คุณศาสตราและทุกคนที่นี่เรียกโยว่ามณฑารพค่ะ”
พุทธรักษาตัวชานิ่งอึ้งไปนาน เธอยอมรับว่าสับสน น้องสาวที่รักพูดอะไร ทำไมถึงได้แปลกนัก มีลูกชายตัวน้อยยอยู่ในอ้อมแขน แล้วยังเปลี่ยนชื่อ ชื่อที่ไม่ควรจะเปลี่ยนเลย
“ทำไม”
มณฑารพได้ยินเสียงครางแผ่วๆจากปากพี่สาวแล้วก็สะท้าน
“พี่ปุ๊ดขา โยจำเป็น แต่ตอนนี้เราต้องไปกันแล้วค่ะ เดี๋ยวคุณศิลาท่านจะรอ”
เจ้าของบ้านพักหลังน้อยอุ้มลูกเดินนำไปที่รถกอล์ฟก่อนจะพารุ่นพี่ขับออกไปที่เรือนพักนายจ้าง ทั้งสองสาวอยู่ในความเงียบงันกันจนกระทั่งถึงที่หมาย
... วิมานภุมรา ...(บทที่ 5...ฝันร้าย...)
มณฑารพกระสับกระส่ายไม่อยากให้ถึงเวลาอาหารค่ำเลย ถ้าเจอพี่ปุ๊ดแบบรุ่นพี่สาวไม่ทันได้ตั้งตัวอาจทำให้เกิดเรื่องยุ่งยาก และยากจะหลีกหนีคำถามนานาประการที่จะมีมา และจะแย่ยิ่งกว่าถ้าเธอถูกซักฟอกโดยมีฝ่ายนายจ้างอยู่ด้วย หญิงสาวตัดสินใจโทรหาดรัณภพ
“พี่ฟูขา”
“ว่าไงโย”
“พี่ปุ๊ดจะมาถึงประมาณกี่โมง พี่ฟูทราบไหมคะ”
“พี่ไม่แน่ใจ แต่ทันมื้อเย็นแน่นอน เพราะคุณศิลาบอกให้พี่ไปกินข้าวด้วยเย็น ถือเป็นการฉลองพ้นโปรของโยด้วย ว่าแต่ถามพี่อย่างนี้ กังวลอะไรหรือเปล่า”
“พี่ฟูคะ........... โย ......โย อยากเจอพี่ปุ๊ดก่อน”
“พี่ก็คิดว่าจะแนะนำโยอย่างนั้นเหมือนกัน เห็นว่าคุณศิลาสั่งให้โยเอามะตูมไปด้วยเพราะไม่มีคนเลี้ยงไม่ใช่เหรอ มันคงไม่ดีแน่ถ้าปุ๊ดเจอโยพร้อมมะตูมต่อหน้าผู้ใหญ่ แล้วเกิดตกใจ ลืมตัวซักถามอะไรโยขึ้นมา ”
“แล้วโยจะทำยังไงดีคะพี่ฟู”
“พี่จะโทรหาปุ๊ด บอกว่าจะได้เจอโยที่นี่ จะบอกว่าตอนแรกเราสองคนกะจะเซอร์ไพร้ส์ปุ๊ด และจะบอกว่ามาถึงแล้วให้โทรบอกพี่ พวกเราจะได้เจอกันคุยกันก่อนตามประสาเพื่อนฝูง ก่อนเข้าไปกินข้าวเย็น แล้วพี่จะปล่อยให้โยคุยกับปุ๊ด เอาแบบนี้ดีไหม”
“ค่ะพี่ฟู ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวจัดการดูแลป้อนข้าวเจ้าตัวน้อยแล้วผุดลุกผุดนั่งด้วยความกลัดกลุ้ม ดรัณภพช่างแสนดีและเข้าอกเข้าใจ แม้เธอจะไม่ได้บอกเล่าอะไรให้เขารู้เลย รุ่นพี่หนุ่มก็ไม่เคยถาม หากหมั่นแวะเวียนมาดูแลด้วยความอาทรต่อเธอและลูกชายตัวน้อย
พุทธรักษามาถึงเมื่อใกล้เวลาอาหารเต็มที หญิงสาวแปลกใจที่ดรัณภพรี่เข้ามาลากตัวเธอไปทันทีที่รถจอด
“สวัสดีครับพี่คัมภีร์ เหนื่อยไหมครับพี่ มาถึงเย็นเลย” ผู้จัดการสนามกอล์ฟปรี่เข้าไปทักทายบุตรชายคนโตของคุณศิลาทันทีที่รถจอดสนิท หนุ่มหน้าตี๋ยกมือทำความเคารพบุรุษร่างสูงใหญ่ที่ก้าวออกมาจากตำแหน่งคนขับ
“สวัสดีฟู ไม่เหนื่อยหรอก ว่าแต่ฟูสบายดีนะ เดี๋ยวจะมากินข้าวกับพี่หรือเปล่า” ชายหนุ่มร่างสูงยกมือรับไหว้พลางส่งยิ้มให้หนุ่มรุ่นน้องอย่างใจดี
“ครับพี่ แต่ตอนนี้ผมขออนุญาตเอาตัวเพื่อนผมไปก่อนได้ไหมฮะ แล้วเดี๋ยวพวกเราตามขึ้นไป”
“เอาสิฟู เชิญตามสบายพุทธรักษา แต่อย่าขึ้นไปทานข้าวช้าล่ะ เดี๋ยวคุณพ่อท่านจะรอ”
“ครับพี่ ขอบคุณครับ” พูดไม่ทันขาดเสียง ชายหนุ่มก็ต้อนเพื่อนสนิทมุ่งหน้าไปทางบ้านพักของผู้จัดการสวนทันที
“เฮ้ย ฟู เดี๋ยวฉันเอากระเป๋าก่อน จะรีบอะไรหนักหนานะ”
“ไหน นายมีอะไรจะเซอร์ไพร้ส์เราหรือฟู เฮ้ย แล้วทำไมต้องรีบขนาดนี้ด้วยวะ รอคุยหลังกินข้าวกับพวกผู้ใหญ่ไม่ได้หรือไง”
หญิงสาวร่างสูงโปร่งชักฉุนที่เพื่อนสนิทลากเธอลิ่วๆ
“ ต้องคุยตอนนี้ปุ๊ด”
หญิงสาวไม่ทันได้โต้ตอบอะไรต่อเธอก็ต้องส่งยิ้มกว้าง เมื่อเห็นใครบางคนมายืนอยู่ตรงหน้า
“ โย โยเย มาอยู่นี่ได้ไงจ๊ะ อ๊ะ ฟู นี่เหรอเซอร์ไพร้ส์ที่ว่า” พูดพลางก็สะบัดแขนออกจากมือเพื่อนหนุ่มแล้วอ้าแขนรับตัวรุ่นน้องที่โผเข้ามาหา
“พี่ปุ๊ดขา” เสียงรุ่นน้องพร่าสั่น แต่พูทธรักษายังไม่ทันได้สังเกต ด้วยความดีใจ เธอกอดรุ่นน้องไว้ในอ้อมแขน แล้วลูบหลังคนตัวเล็กกว่าเบาๆก่อนจะบ่นไปหัวเราะไป
“อะไรกันโย หืมห์ อย่ามาอ้อน เรานี่มันน่าตีเหลือเกิน รู้ไหม พี่กับแม่เป็นห่วง ยังดีที่แม่บอกว่าโยโทรหาทุกเดือน แต่พี่ก็งอนนะ ที่โยไม่ยอมทิ้งเบอร์ติดต่อกลับไว้ให้พี่เลย หรือรวมหัวกะพี่ฟูจะรอทำเซอร็ไพร้ส์พี่อย่างนี้จ๊ะ”
“พี่ปุ๊ดขา” รุ่นน้องตัวเล็กยังพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงกอดพี่สาวไว้แน่น
“โย โยเย ร้องไห้ทำไม วะ ยายคนนี้ โตแล้วยังโยเยสมชื่อ” เสียงพี่สาวบ่นยิ้มๆ หากอาการนั้นทำเอารุ่นพี่หนุ่มเริ่มกระสับกระส่าย
“ โย คุยกับปุ๊ดไปก่อนนะ เอาเท่าที่จำเป็น เดี๋ยวพี่ขึ้นไปรับหน้าพวกผุ้ใหญ่ก่อน แล้วรีบตามไป อย่าช้า มีอะไรค่อยคุยกันต่อคืนนี้”
พุทธรักษาชักเอะใจ เสียงเพื่อนสนิทดูเคร่งเครียดผิดวิสัย อีกทั้งรุ่นน้องก็ดูเหมือนจะร้องไห้ เธอตัดสินใจดันตัวน้องออกมาเพื่อดูหน้าชัดๆ
“โย เป็นอะไร ดีใจที่เจอพี่ขนาดนี้เลยเหรอจ๊ะ เว่อร์ไปหรือเปล่าน้อง”
“พี่ปุ๊ดขา โยมีเรื่องจะบอก” พูดขาดคำเจ้าตัวก็ดึงรุ่นพี่สาวเข้าไปในบ้านพัก แล้วอุ้มลูกชายตัวน้อยขึ้นมา
“โยมาทำงานที่นี่สามเดือนแล้วค่ะ พ้นโปรพอดี “
“เหรอ ดีจัง แหม ปิดกันเงียบเลย แล้วเด็กนี่ลูกใครล่ะโย”
“ลูกโยเองค่ะ”
“อะไรนะ!”
มณฑารพมองสีหน้างุนงงของรุ่นพี่
“ลูกโยเองค่ะพี่ปุ๊ด ชื่อมะตูม อายุเก้าเดือนแล้ว”
แม่ลูกอ่อนมองอาการนิ่งงันไปชั่วขณะของรุ่นพี่ เธอมีเวลาไม่มาก ต้องรีบไปที่บ้านพักของนายจ้างแล้ว
“พี่ปุ๊ดขา ยังมีอีกเรื่อง โยเปลี่ยนชื่อนะคะ ตอนนี้โยชื่อ มณฑารพ คุณศิลา คุณศาสตราและทุกคนที่นี่เรียกโยว่ามณฑารพค่ะ”
พุทธรักษาตัวชานิ่งอึ้งไปนาน เธอยอมรับว่าสับสน น้องสาวที่รักพูดอะไร ทำไมถึงได้แปลกนัก มีลูกชายตัวน้อยยอยู่ในอ้อมแขน แล้วยังเปลี่ยนชื่อ ชื่อที่ไม่ควรจะเปลี่ยนเลย
“ทำไม”
มณฑารพได้ยินเสียงครางแผ่วๆจากปากพี่สาวแล้วก็สะท้าน
“พี่ปุ๊ดขา โยจำเป็น แต่ตอนนี้เราต้องไปกันแล้วค่ะ เดี๋ยวคุณศิลาท่านจะรอ”
เจ้าของบ้านพักหลังน้อยอุ้มลูกเดินนำไปที่รถกอล์ฟก่อนจะพารุ่นพี่ขับออกไปที่เรือนพักนายจ้าง ทั้งสองสาวอยู่ในความเงียบงันกันจนกระทั่งถึงที่หมาย