สวัสดีค่ะ
เอาบทที่๓ มาลงค่ะ
แต่ว่า...เอ่อ...คือบทนี้ 18+ นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บทที่๒http://ppantip.com/topic/30988591
บทที่ 3
.............ล้วงความลับ............
ดรัณภพชี้ชวนให้สาวรุ่นน้องชิมอาหารบนโต๊ะ เย็นนี้เขาเลือกขับรถพาสองแม่ลูกไปกินอาหารเย็นนอกรีสอร์ตด้วยชายหนุ่มอยากเปลี่ยนบรรยากาศ และอีกประการที่สำคัญมากคือเขาอยากที่จะมีโอกาสซักถามเรื่องราวมากมายกับ 'ไอ้โย' แต่ไม่อยากนั่งเป็นเป้าสายตาของคนในรีสอร์ต ทางเลือกอย่างการออกมากินอาหารข้างนอกจึงเหมาะสมที่สุด
“ชิมไอ้นี่หน่อยสิโย ของที่นี่เขาขึ้นชื่อ”
“ขอบคุณค่ะ พี่ฟู”
หนักใจพี่เหลือเกินน้องเอ๋ย ดรัณภพครวญครางในใจ 'ไอ้โยเย' น้องเขาเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน สมัยก่อนสาวน้อยตรงหน้าแม้ไม่ใช่คนช่างพูดนัก หากก็มีรอยยิ้มน่ารักแต้มริมฝีปากและดวงตาเสมอ แต่ไม่ได้พบกันเกือบสองปี อะไรกันที่พรากเอาความสดใสสมวัยเยาว์ของสาวน้อยตรงหน้าไปเหลือไว้แต่เพียงความเงียบขรึมและอาการ 'ปากแข็ง'
ชายหนุ่มลอบถอนใจเฮือกใหญ่ด้วยสาวน้อยตรงหน้าหลบตาและเลี่ยงทุกคำถาม เสียงใสๆดูเหมือนจะพูดมากก็แต่กับลูกชายตัวน้อย เด็กอะไร แค่แปดเดือนแม้จะดูตัวเล็กกว่ามาตรฐานไปหน่อย แต่ก็ช่างแสนรู้เหลือใจ หน้าตาถอดเค้าคนเป็นแม่มาไม่น้อยทีเดียว ชายหนุ่มเอื้อมมือมารับร่างเล็กจิ๋วไว้แนบอกเมื่อคนเป็นแม่เอ่ยปากฝากยามขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เด็กชายมะตูมขย่มตัวน้อยๆ ยิ้มร่าเห็นเหงือกสีชมพูอยู่ในอ้อมแขนเมื่อเขาหยอกล้อ
“ลุงมะตูม ว่าไงครับ คนเก่ง ไม่ดื้อใช่ไหม อยู่กับแม่โยอย่าดื้อนะครับ แล้วลุงจะซื้อนมซี้อของเล่นให้”
หยอกล้อหลานไป ใจก็อยากรู้เหลือเกิน ว่าบิดาของเด็กชายน่ารักในอ้อมแขนคือใคร
หากแม่ผู้ร้ายปากแข็งจะคร่ำครวญหรือเอ่ยปากปรึกษาเขาสักนิด ดรัณภพคงรู้สึกดีกว่านี้ ชายหนุ่มยอมรับว่าอยากรู้เรื่องราวของสาวรุ่นน้องอย่างเหลือเกิน แต่ตัวเจ้าของเรื่องที่ไม่ยอมปริปาก ดรัณภพก็ไม่กล้าก้าวล่วง
บางที อาจเพราะบางทีเขาเป็นผู้ชาย ทำให้แม่นายมะตูมไม่กล้าที่จะปรึกษาหารือ บางทีรุ่นพี่ผู้หญิงอย่างพุทธรักษาอาจทำให้'ไอ้โย' ยอมเปิดใจ เขาจำได้ว่ารุ่นน้องติดเพื่อนร่วมรุ่นของเขานัก อีกทั้งยังขี้อ้อนไม่น้อยด้วยพุทธรักษาซึ่งเป็นลูกคนเดียวให้ความเอ็นดูอย่างล้นเหลือ ชายหนุ่มไม่ได้มีนิสัยชอบละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของคนอื่น หากแต่แม่ของเด็กชายในอ้อมแขนเป็นข้อยกเว้น
แต่แล้วดรัณภพก็ต้องเซ็งสุดขีดเมื่อได้ยินคำร้องขอ
“พี่ฟูขา อย่าบอกพี่ปุ๊ดกับคุณป้าได้ไหม”
“ทำไมล่ะ โยเห็นพวกพี่เป็นคนอื่นหรือ”
“.....................”
เงียบ มีแต่ความเงียบกับอาการก้มหน้านิ่ง ชายหนุ่มไม่เคยรู้เลย ว่ารุ่นน้องที่เคยน่ารักมันจะปากแข็ง ใจแข็งอย่างนี้
“เอาเถอะ ถ้าโยต้องการอย่างนั้น พี่ก็เคารพที่จะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของโย แต่โยคงไม่รู้ ว่าปุ๊ดทำงานให้คุณศิลาเหมือนกัน”
สายตาส่งคำถามจากคนตัวเล็ก ทำให้ดรัณภพเอ่ยต่อ
“ ปุ๊ด มาทำงานให้คุณหนึ่ง ลูกชายคนโตของคุณศิลาได้พักหนึ่งแล้ว อยู่ที่ฟาร์มโคนมที่พึ่งซื้อกิจการมา อาจารย์ป๋าขอให้ปุ๊ดมาช่วย อาจารย์กับคุณศิลาเป็นญาติกัน ”
นัยน์ตาใสแสนเศร้าส่อแววรับรู้
“ พี่ว่า อีกไม่นาน ปุ๊ดคงรู้ว่าโยอยู่ที่นี่”
“ค่ะ”
“ พี่จะไม่ถามอะไรโยอีกแล้ว สบายใจเถอะ แต่พี่อยากบอกว่าโยยังมีพี่ ยังมีพี่ปุ๊ด ไม่ว่าจะเรื่องอะไร โยคุยกับพี่ได้เสมอ ทุกเรื่อง เข้าใจไหม”
“ขอบคุณค่ะ พี่ฟู”
หลังมื้ออาหารแสนกร่อยในความรู้สึกของดรัณภพ ชายหนุ่มขับรถมาส่งรุ่นน้องที่รีสอร์ทก่อนจะเอ่ยย้ำ
“อย่าเห็นพี่เป็นคนอื่น เข้าใจไหมโย”
“ขอบคุณค่ะ พี่ฟู”
.......................................................................................................................
วิมานภุมรา...บทที่๓ ( ล้วงความลับ )
เอาบทที่๓ มาลงค่ะ
แต่ว่า...เอ่อ...คือบทนี้ 18+ นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทที่ 3
.............ล้วงความลับ............
ดรัณภพชี้ชวนให้สาวรุ่นน้องชิมอาหารบนโต๊ะ เย็นนี้เขาเลือกขับรถพาสองแม่ลูกไปกินอาหารเย็นนอกรีสอร์ตด้วยชายหนุ่มอยากเปลี่ยนบรรยากาศ และอีกประการที่สำคัญมากคือเขาอยากที่จะมีโอกาสซักถามเรื่องราวมากมายกับ 'ไอ้โย' แต่ไม่อยากนั่งเป็นเป้าสายตาของคนในรีสอร์ต ทางเลือกอย่างการออกมากินอาหารข้างนอกจึงเหมาะสมที่สุด
“ชิมไอ้นี่หน่อยสิโย ของที่นี่เขาขึ้นชื่อ”
“ขอบคุณค่ะ พี่ฟู”
หนักใจพี่เหลือเกินน้องเอ๋ย ดรัณภพครวญครางในใจ 'ไอ้โยเย' น้องเขาเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน สมัยก่อนสาวน้อยตรงหน้าแม้ไม่ใช่คนช่างพูดนัก หากก็มีรอยยิ้มน่ารักแต้มริมฝีปากและดวงตาเสมอ แต่ไม่ได้พบกันเกือบสองปี อะไรกันที่พรากเอาความสดใสสมวัยเยาว์ของสาวน้อยตรงหน้าไปเหลือไว้แต่เพียงความเงียบขรึมและอาการ 'ปากแข็ง'
ชายหนุ่มลอบถอนใจเฮือกใหญ่ด้วยสาวน้อยตรงหน้าหลบตาและเลี่ยงทุกคำถาม เสียงใสๆดูเหมือนจะพูดมากก็แต่กับลูกชายตัวน้อย เด็กอะไร แค่แปดเดือนแม้จะดูตัวเล็กกว่ามาตรฐานไปหน่อย แต่ก็ช่างแสนรู้เหลือใจ หน้าตาถอดเค้าคนเป็นแม่มาไม่น้อยทีเดียว ชายหนุ่มเอื้อมมือมารับร่างเล็กจิ๋วไว้แนบอกเมื่อคนเป็นแม่เอ่ยปากฝากยามขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เด็กชายมะตูมขย่มตัวน้อยๆ ยิ้มร่าเห็นเหงือกสีชมพูอยู่ในอ้อมแขนเมื่อเขาหยอกล้อ
“ลุงมะตูม ว่าไงครับ คนเก่ง ไม่ดื้อใช่ไหม อยู่กับแม่โยอย่าดื้อนะครับ แล้วลุงจะซื้อนมซี้อของเล่นให้”
หยอกล้อหลานไป ใจก็อยากรู้เหลือเกิน ว่าบิดาของเด็กชายน่ารักในอ้อมแขนคือใคร
หากแม่ผู้ร้ายปากแข็งจะคร่ำครวญหรือเอ่ยปากปรึกษาเขาสักนิด ดรัณภพคงรู้สึกดีกว่านี้ ชายหนุ่มยอมรับว่าอยากรู้เรื่องราวของสาวรุ่นน้องอย่างเหลือเกิน แต่ตัวเจ้าของเรื่องที่ไม่ยอมปริปาก ดรัณภพก็ไม่กล้าก้าวล่วง
บางที อาจเพราะบางทีเขาเป็นผู้ชาย ทำให้แม่นายมะตูมไม่กล้าที่จะปรึกษาหารือ บางทีรุ่นพี่ผู้หญิงอย่างพุทธรักษาอาจทำให้'ไอ้โย' ยอมเปิดใจ เขาจำได้ว่ารุ่นน้องติดเพื่อนร่วมรุ่นของเขานัก อีกทั้งยังขี้อ้อนไม่น้อยด้วยพุทธรักษาซึ่งเป็นลูกคนเดียวให้ความเอ็นดูอย่างล้นเหลือ ชายหนุ่มไม่ได้มีนิสัยชอบละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของคนอื่น หากแต่แม่ของเด็กชายในอ้อมแขนเป็นข้อยกเว้น
แต่แล้วดรัณภพก็ต้องเซ็งสุดขีดเมื่อได้ยินคำร้องขอ
“พี่ฟูขา อย่าบอกพี่ปุ๊ดกับคุณป้าได้ไหม”
“ทำไมล่ะ โยเห็นพวกพี่เป็นคนอื่นหรือ”
“.....................”
เงียบ มีแต่ความเงียบกับอาการก้มหน้านิ่ง ชายหนุ่มไม่เคยรู้เลย ว่ารุ่นน้องที่เคยน่ารักมันจะปากแข็ง ใจแข็งอย่างนี้
“เอาเถอะ ถ้าโยต้องการอย่างนั้น พี่ก็เคารพที่จะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของโย แต่โยคงไม่รู้ ว่าปุ๊ดทำงานให้คุณศิลาเหมือนกัน”
สายตาส่งคำถามจากคนตัวเล็ก ทำให้ดรัณภพเอ่ยต่อ
“ ปุ๊ด มาทำงานให้คุณหนึ่ง ลูกชายคนโตของคุณศิลาได้พักหนึ่งแล้ว อยู่ที่ฟาร์มโคนมที่พึ่งซื้อกิจการมา อาจารย์ป๋าขอให้ปุ๊ดมาช่วย อาจารย์กับคุณศิลาเป็นญาติกัน ”
นัยน์ตาใสแสนเศร้าส่อแววรับรู้
“ พี่ว่า อีกไม่นาน ปุ๊ดคงรู้ว่าโยอยู่ที่นี่”
“ค่ะ”
“ พี่จะไม่ถามอะไรโยอีกแล้ว สบายใจเถอะ แต่พี่อยากบอกว่าโยยังมีพี่ ยังมีพี่ปุ๊ด ไม่ว่าจะเรื่องอะไร โยคุยกับพี่ได้เสมอ ทุกเรื่อง เข้าใจไหม”
“ขอบคุณค่ะ พี่ฟู”
หลังมื้ออาหารแสนกร่อยในความรู้สึกของดรัณภพ ชายหนุ่มขับรถมาส่งรุ่นน้องที่รีสอร์ทก่อนจะเอ่ยย้ำ
“อย่าเห็นพี่เป็นคนอื่น เข้าใจไหมโย”
“ขอบคุณค่ะ พี่ฟู”
.......................................................................................................................