นักวิเคราะห์มองนโยบายรถคันแรกเริ่มก่อปัญหา หนี้เสียท่วม - ตลาดรถยนต์ “ดีทรอยต์แห่งอาเซียน” อ่วม
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า นโยบายรถคันแรกของรัฐบาลไทยนั้นกำลังส่งผลกระทบด้านลบให้เห็นแล้ว จากกรณีที่มีการผิดนัดชำระหนี้ในโครงการดังกล่าวถึงกว่า 1 แสนราย และยังฉุดให้อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยซึ่งได้ชื่อว่าเป็นดีทรอยต์แห่งเอเชียนั้น เผชิญภาวะซบเซาอย่างหนักหลังจากที่โครงการนี้หมดอายุลง
รายงานระบุว่า หลังจากที่เกิดภาวะน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 รัฐบาลได้ออกนโยบายพักภาษีซึ่งทางธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) คาดการณ์ว่ามีวงเงินราว 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์ในไทยที่เป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ก่อนที่รัฐบาลจะออกมาตรการรถคันแรกตามมา โดยนโยบายรถคันแรกของไทยมีความคล้ายคลึงกับนโยบาย cash for clunkers ในสหรัฐ หรือโครงการเทิร์นรถเก่าแลกซื้อรถใหม่ในสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เมื่อปี 2552 ซึ่งโครงการรถคันแรกของนั้นทำให้เกิดภาวะบูมในตลาดรถยนต์อย่างถล่มทลาย
อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ในตลาดรถของไทยก็เริ่มดับวูบลงไปพร้อมกับการหมดอายุของโครงการนี้เมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่บริษัทวิจัยด้านยานยนต์ ไอเอชเอส โกลบอล ออโตโมทีฟ ระบุว่า มีผู้ใช้สิทธิในโครงการดังกล่าวมากถึงราว 10% จากจำนวนทั้งหมด 1.2 ล้านคน ที่เปลี่ยนใจเทขายใบจองในภายหลังหรือไม่สามารถชำระหนี้ตามกำหนดได้
บรรดาค่ายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นหลายราย ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ในไทย 80% ต่างมีรายงานยอดขายลดฮวบลงถึง 30% ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ทำให้บางค่ายเช่น มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ต้องแข่งขันด้วยการการออกออกโปรโมชันทั่วประเทศเพื่อกระตุ้นยอดขาย เช่น การจับรางวัลและการออกแคมเปญผ่อน 0% นาน 48 เดือน
สำหรับเจ้าของรถที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดนั้น ก็จะถูกบริษัทไฟแนนซ์ยึดรถและนำไปขายต่อ ทว่าบริษัทรถมือสองก็ต้องเจอยอดขายที่ลดลงเช่นกัน โดยเฉพาะเต็นท์รถขนาดเล็กทีมีสายป่านสั้นอาจถึงกับต้องปิดตัวลง
นิติพล ชำนาญศิลป์ กราฟฟิกดีไซเนอร์วัย 28 ปี กล่าวว่า เป็นหนึ่งในผู้ขอรับสิทธิโครงการเพื่อซื้อรถในฝัน แต่การมีรถคันแรกก็ยังตามมาด้วยภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมากจนทำให้ถึงกับค้างค่าเช่าห้อง และหากมีบิลค่าใช้จ่ายรายการอื่นเพิ่มขึ้นอีกก็คงไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายทางการเงิน
ทั้งนี้ ภาวะหนี้ภาคครัวเรือนของประเทศไทยพุ่งสูงขึ้นถึงระดีบ 80% ของจีดีพีประเทศ และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีหนี้ครัวเรือนสูงที่สุดในเอเชีย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เคยแสดงความกังวลว่า ความเสี่ยงของหนี้เสียในภาคสินเชื่อยานยนต์อาจกระทบต่อราคารถมือสองและผู้ปล่อยกู้
http://www.posttoday.com/รอบโลก/248741/สื่อนอกชี้นโยบาย-‘รถคันแรก’-ของไทยเริ่มส่งผลร้าย
สื่อนอกชี้นโยบาย ‘รถคันแรก’ ของไทยเริ่มส่งผลร้าย
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า นโยบายรถคันแรกของรัฐบาลไทยนั้นกำลังส่งผลกระทบด้านลบให้เห็นแล้ว จากกรณีที่มีการผิดนัดชำระหนี้ในโครงการดังกล่าวถึงกว่า 1 แสนราย และยังฉุดให้อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยซึ่งได้ชื่อว่าเป็นดีทรอยต์แห่งเอเชียนั้น เผชิญภาวะซบเซาอย่างหนักหลังจากที่โครงการนี้หมดอายุลง
รายงานระบุว่า หลังจากที่เกิดภาวะน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 รัฐบาลได้ออกนโยบายพักภาษีซึ่งทางธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) คาดการณ์ว่ามีวงเงินราว 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์ในไทยที่เป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ก่อนที่รัฐบาลจะออกมาตรการรถคันแรกตามมา โดยนโยบายรถคันแรกของไทยมีความคล้ายคลึงกับนโยบาย cash for clunkers ในสหรัฐ หรือโครงการเทิร์นรถเก่าแลกซื้อรถใหม่ในสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เมื่อปี 2552 ซึ่งโครงการรถคันแรกของนั้นทำให้เกิดภาวะบูมในตลาดรถยนต์อย่างถล่มทลาย
อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ในตลาดรถของไทยก็เริ่มดับวูบลงไปพร้อมกับการหมดอายุของโครงการนี้เมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่บริษัทวิจัยด้านยานยนต์ ไอเอชเอส โกลบอล ออโตโมทีฟ ระบุว่า มีผู้ใช้สิทธิในโครงการดังกล่าวมากถึงราว 10% จากจำนวนทั้งหมด 1.2 ล้านคน ที่เปลี่ยนใจเทขายใบจองในภายหลังหรือไม่สามารถชำระหนี้ตามกำหนดได้
บรรดาค่ายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นหลายราย ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ในไทย 80% ต่างมีรายงานยอดขายลดฮวบลงถึง 30% ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ทำให้บางค่ายเช่น มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ต้องแข่งขันด้วยการการออกออกโปรโมชันทั่วประเทศเพื่อกระตุ้นยอดขาย เช่น การจับรางวัลและการออกแคมเปญผ่อน 0% นาน 48 เดือน
สำหรับเจ้าของรถที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดนั้น ก็จะถูกบริษัทไฟแนนซ์ยึดรถและนำไปขายต่อ ทว่าบริษัทรถมือสองก็ต้องเจอยอดขายที่ลดลงเช่นกัน โดยเฉพาะเต็นท์รถขนาดเล็กทีมีสายป่านสั้นอาจถึงกับต้องปิดตัวลง
นิติพล ชำนาญศิลป์ กราฟฟิกดีไซเนอร์วัย 28 ปี กล่าวว่า เป็นหนึ่งในผู้ขอรับสิทธิโครงการเพื่อซื้อรถในฝัน แต่การมีรถคันแรกก็ยังตามมาด้วยภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมากจนทำให้ถึงกับค้างค่าเช่าห้อง และหากมีบิลค่าใช้จ่ายรายการอื่นเพิ่มขึ้นอีกก็คงไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายทางการเงิน
ทั้งนี้ ภาวะหนี้ภาคครัวเรือนของประเทศไทยพุ่งสูงขึ้นถึงระดีบ 80% ของจีดีพีประเทศ และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีหนี้ครัวเรือนสูงที่สุดในเอเชีย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เคยแสดงความกังวลว่า ความเสี่ยงของหนี้เสียในภาคสินเชื่อยานยนต์อาจกระทบต่อราคารถมือสองและผู้ปล่อยกู้
http://www.posttoday.com/รอบโลก/248741/สื่อนอกชี้นโยบาย-‘รถคันแรก’-ของไทยเริ่มส่งผลร้าย