บ่ายแก่ๆวันจันทร์ ขณะที่เขายืนพิงขบวนรถไฟฟ้าโบกี้แรก ด้วยเสื้อยืดสีพื้นๆกับกางเกงยีนส์ตัวโปรดและรองเท้าคอนเวิร์สออลสตาร์หนังสีดำเก่าๆขาดๆ
เขายืนครุ่นคิดอยู่นานว่าทำไมมนุษย์ในที่แห่งนี้ถึงหยิบยกโทรศัพท์ที่ใครๆต่างเรียกว่าสมาร์ทโฟนมานั่งหรือยืนจิ้มกันตลอดเวลา บางคนถึงขนาดที่ว่าลืมตัวว่าต้องลงจากรถไฟขบวนนี้ก็มี
มันคล้ายกับสถานที่แห่งนี้มีแต่มนุษย์ที่เป็นโรบอท ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ไม่สนใจว่าเพื่อนมนุษย์ที่ยืนข้างๆกันเป็นอย่างไร คงจะรู้เพียงแค่ว่าวันนี้ฉันจะโพสต์รูปอะไรมุมไหนดีหรือเช็คอินโชว์สถานที่ให้คนกดไลค์เยอะๆ
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญอะไรนักสำหรับตัวเขาที่ใช้เพียงโทรศัพท์ไว้โทรเข้าโทรออกกับไอพอดที่เปิดเพลงฟังเพื่อปิดเสียงรอบข้าง เขาเพียงอยากอยู่ในโลกส่วนตัวของเขาเท่านั้น
จุดประสงค์ที่เขาอุตส่าห์ลำบากนั่งรถเมล์มาต่อรถไฟฟ้าบีทีเอสจากสถานีหมอชิตไปถึงสถานีสยามเพียงเพื่อจะไปนั่งดื่มกาแฟที่ร้านประจำตรงข้ามกับตึกใหญ่ที่ขายของแบรนด์เนมระดับคนหาเช้ากินค่ำไม่ค่อยจะได้ลิ้มรสกับสิ่งของนั้นเท่าไหร่ มีเพียงแต่นักธุรกิจหรือกลุ่มวัยรุ่นที่ขอเงินพ่อแม่มาเดินซื้อของเท่านั้น
เขามาที่นี่เพียงแค่ต้องการดื่มด่ำกาแฟรสเข้มข้นกับบรรยากาศผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาเท่านั้น
เวลาผ่านไปไม่นานนักเขาก็มาถึงที่สถานีสยาม เขาเดินลงบันไดอย่างเชื่องช้าไม่เร่งรีบ
เมื่อมาถึงหน้าร้านเขาค่อยๆเดินเข้าไปและมองหาที่ว่าง เขาเลือกที่จะนั่งมุมในสุดหรือที่ที่ติดกำแพงและหันหน้าออกมา
เขาจึงรีบเดินไปยังที่นั่งสุดโปรดมุมในสุดที่ว่างอยู่แล้วนั่งทันที
หลังจากนั้นเขาจึงค่อยๆคิดว่าวันนี้จะดื่มอะไรดี แต่สุดท้ายเขาก็เลือกอเมริกาโนกาแฟดำเข้มๆเหมือนเดิม
ระหว่างที่เขานั่งรอกาแฟนั้นเขาสังเกตได้ว่าคนที่เข้ามานั่งในร้านนี้มีหลายรูปแบบ บางคนมาเพื่อดื่มกาแฟแบบเขา บางคนมานั่งถ่ายรูป บางคนเอาหนังสือหรือโน้ตบุคมาเปิดอ่านโต้งๆเลยก็มี
ซึ่งกินเวลานานพอสมควรสำหรับการนั่งจิบกาแฟที่น้ำแข็งละลายเป็นน้ำจืดเต็มแก้ว
และแล้วกาแฟที่เขาสั่งก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะของเขา เขายิ้มให้พนักงานด้วยรอยยิ้มมุมปากแล้วพนักงานก็รีบเดินกลับไปทำหน้าที่ตัวเองต่อทันที เขาก้มมองไปที่ข้างๆแก้วกาแฟของเขา มีซองน้ำตาลทราย2-3ซองวางเอาไว้ในจานรองแก้ว
มันทำให้เขานึกถึงวัยรุ่นหรือคนรักทั่วไปที่เปรียบเสมือนกาแฟรสชาติขมปี๋ที่รอน้ำตาลทรายมาเพิ่มความหวานในชีวิต แต่ทุกอย่างย่อมมีความพอดี หากเติมมากไปความหวานอาจกลบความกลมกล่อมของกาแฟ หรือหากเติมน้อยไปความขมขื่นที่ต้องทนกินอย่างลำบากตรากตรำนั้นก็คงจะไม่สามารถทนกินต่อไปได้
แต่ความหวานของน้ำตาลทรายในมนุษย์เรานั้นมันไม่เหมือนกับน้ำตาลทรายทั่วไปที่ให้ความหวานได้ตลอด แต่มันเป็นความหวานที่มีวันจืดจาง เพียงแค่เวลาผ่านไปไม่นานนักน้ำตาลในมนุษย์เรานั้นก็จะหมดหวานลง ทำให้รักดูจืดจาง หากไม่คอยเติมความหวานด้วยน้ำตาลคงไปกันไม่รอด
ความคิดในใจของเขาโลดแล่นไปไกลมากนักจนเกือบลืมว่ากาแฟของเขาหากปล่อยไว้นานกว่านี้คงเย็นชืดไปหมด
เขารีบยกกาแฟรสขมเข้าปากทีเดียวหมดแก้วโดยไม่สนใจน้ำตาลทรายข้างๆแม้แต่นิดเดียว เพราะสำหรับเขาแล้วเขาเลือกที่จะดื่มขมๆดีกว่าความหวานที่มาเพียงไม่นานแล้วจางหายไป
เขาก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือ แล้วพึมพัมในใจ
มันเย็นมากแล้ว ท้องฟ้าไม่ใช่สีฟ้าอีกต่อไป มันเข้มคล้ายสีคราม
เม็ดฝนเล็กๆกระทบหน้าผากเขาเบาเบา
เขาไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอีกต่อไป
เขาแค่นั่งคิดในใจในห้องที่ว่างเปล่า
น้ำตาล [EDITED]
เขายืนครุ่นคิดอยู่นานว่าทำไมมนุษย์ในที่แห่งนี้ถึงหยิบยกโทรศัพท์ที่ใครๆต่างเรียกว่าสมาร์ทโฟนมานั่งหรือยืนจิ้มกันตลอดเวลา บางคนถึงขนาดที่ว่าลืมตัวว่าต้องลงจากรถไฟขบวนนี้ก็มี
มันคล้ายกับสถานที่แห่งนี้มีแต่มนุษย์ที่เป็นโรบอท ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ไม่สนใจว่าเพื่อนมนุษย์ที่ยืนข้างๆกันเป็นอย่างไร คงจะรู้เพียงแค่ว่าวันนี้ฉันจะโพสต์รูปอะไรมุมไหนดีหรือเช็คอินโชว์สถานที่ให้คนกดไลค์เยอะๆ
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญอะไรนักสำหรับตัวเขาที่ใช้เพียงโทรศัพท์ไว้โทรเข้าโทรออกกับไอพอดที่เปิดเพลงฟังเพื่อปิดเสียงรอบข้าง เขาเพียงอยากอยู่ในโลกส่วนตัวของเขาเท่านั้น
จุดประสงค์ที่เขาอุตส่าห์ลำบากนั่งรถเมล์มาต่อรถไฟฟ้าบีทีเอสจากสถานีหมอชิตไปถึงสถานีสยามเพียงเพื่อจะไปนั่งดื่มกาแฟที่ร้านประจำตรงข้ามกับตึกใหญ่ที่ขายของแบรนด์เนมระดับคนหาเช้ากินค่ำไม่ค่อยจะได้ลิ้มรสกับสิ่งของนั้นเท่าไหร่ มีเพียงแต่นักธุรกิจหรือกลุ่มวัยรุ่นที่ขอเงินพ่อแม่มาเดินซื้อของเท่านั้น
เขามาที่นี่เพียงแค่ต้องการดื่มด่ำกาแฟรสเข้มข้นกับบรรยากาศผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาเท่านั้น
เวลาผ่านไปไม่นานนักเขาก็มาถึงที่สถานีสยาม เขาเดินลงบันไดอย่างเชื่องช้าไม่เร่งรีบ
เมื่อมาถึงหน้าร้านเขาค่อยๆเดินเข้าไปและมองหาที่ว่าง เขาเลือกที่จะนั่งมุมในสุดหรือที่ที่ติดกำแพงและหันหน้าออกมา
เขาจึงรีบเดินไปยังที่นั่งสุดโปรดมุมในสุดที่ว่างอยู่แล้วนั่งทันที
หลังจากนั้นเขาจึงค่อยๆคิดว่าวันนี้จะดื่มอะไรดี แต่สุดท้ายเขาก็เลือกอเมริกาโนกาแฟดำเข้มๆเหมือนเดิม
ระหว่างที่เขานั่งรอกาแฟนั้นเขาสังเกตได้ว่าคนที่เข้ามานั่งในร้านนี้มีหลายรูปแบบ บางคนมาเพื่อดื่มกาแฟแบบเขา บางคนมานั่งถ่ายรูป บางคนเอาหนังสือหรือโน้ตบุคมาเปิดอ่านโต้งๆเลยก็มี
ซึ่งกินเวลานานพอสมควรสำหรับการนั่งจิบกาแฟที่น้ำแข็งละลายเป็นน้ำจืดเต็มแก้ว
และแล้วกาแฟที่เขาสั่งก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะของเขา เขายิ้มให้พนักงานด้วยรอยยิ้มมุมปากแล้วพนักงานก็รีบเดินกลับไปทำหน้าที่ตัวเองต่อทันที เขาก้มมองไปที่ข้างๆแก้วกาแฟของเขา มีซองน้ำตาลทราย2-3ซองวางเอาไว้ในจานรองแก้ว
มันทำให้เขานึกถึงวัยรุ่นหรือคนรักทั่วไปที่เปรียบเสมือนกาแฟรสชาติขมปี๋ที่รอน้ำตาลทรายมาเพิ่มความหวานในชีวิต แต่ทุกอย่างย่อมมีความพอดี หากเติมมากไปความหวานอาจกลบความกลมกล่อมของกาแฟ หรือหากเติมน้อยไปความขมขื่นที่ต้องทนกินอย่างลำบากตรากตรำนั้นก็คงจะไม่สามารถทนกินต่อไปได้
แต่ความหวานของน้ำตาลทรายในมนุษย์เรานั้นมันไม่เหมือนกับน้ำตาลทรายทั่วไปที่ให้ความหวานได้ตลอด แต่มันเป็นความหวานที่มีวันจืดจาง เพียงแค่เวลาผ่านไปไม่นานนักน้ำตาลในมนุษย์เรานั้นก็จะหมดหวานลง ทำให้รักดูจืดจาง หากไม่คอยเติมความหวานด้วยน้ำตาลคงไปกันไม่รอด
ความคิดในใจของเขาโลดแล่นไปไกลมากนักจนเกือบลืมว่ากาแฟของเขาหากปล่อยไว้นานกว่านี้คงเย็นชืดไปหมด
เขารีบยกกาแฟรสขมเข้าปากทีเดียวหมดแก้วโดยไม่สนใจน้ำตาลทรายข้างๆแม้แต่นิดเดียว เพราะสำหรับเขาแล้วเขาเลือกที่จะดื่มขมๆดีกว่าความหวานที่มาเพียงไม่นานแล้วจางหายไป
เขาก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือ แล้วพึมพัมในใจ
มันเย็นมากแล้ว ท้องฟ้าไม่ใช่สีฟ้าอีกต่อไป มันเข้มคล้ายสีคราม
เม็ดฝนเล็กๆกระทบหน้าผากเขาเบาเบา
เขาไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอีกต่อไป
เขาแค่นั่งคิดในใจในห้องที่ว่างเปล่า