Reign of the Lost : The Twin Diamonds (ภาค 1) ตอนที่ 5

กระทู้สนทนา
อ่านตอนที่แล้ว

http://ppantip.com/topic/30993194

5
อเล็กซ์
Apollo กับ Artemis



“แม้ปลายทาง ผู้กล้า จักวายชนม์” ผมว่ามันเป็นการจบบทกลอนที่น่ากลัวที่สุดในโลก แถมท้ายด้วยการเลือกคำที่น่ากลัวที่สุดในจักรวาลมาเป็นการจบบทได้อย่างอลังการจริงๆ จนทำให้ผมอยากจะคืนชีพ เช็คสเปียร์ ติดต่อ เจ.เค. โรว์ลิ่ง หรือ บีโทเฟ่น อะไรทำนองนั้น มาช่วยสอนภาษาที่สวยงามให้แก่เฮลก้า โพรมีทีอุสบ้าง เผื่อเขาจะรู้จักคำว่า “ความรื่นหูและอารยธรรมในการแต่งบทกวี” (อาธีน่าบอกผมว่า บีโทเฟ่น เป็นนักประพันธ์เพลง ไม่ใช่นักประพันธ์กวีหรือนิยาย บลา บลา บลา… ก็ผมไม่ใช่นักกวีนี่)

ผมยอมรับว่าพอจับต้นชนปลายได้บ้างแล้ว เราทั้ง 4 คนคือทายาทผู้พลัดหลงอยู่บนโลกของพวก Mortal นั่นคือเหตุผลของอาการและความรู้สึกแปลกๆกับ สิงโต หมาป่า และนกอินทรีย์เมื่อตอนพวกเราทั้ง 4 คนอยู่ที่สวนสัตว์ แต่ไอ้ ผู้กล้าจักวายชนม์เนี่ย คงไม่ได้หมายถึงพวกเราล่ะมั้ง เพราะนอกจากผมจะไม่อยากให้ตัวเองและพี่น้องต้องวายชนม์แล้ว ผมเองก็ไม่ใช่ผู้กล้าอะไรมากมายด้วย ผมเป็นแค่เด็กหนุ่มที่กลัวลวดหนามเท่านั้นเอง

ครูเกรมอสให้เราจัดโต๊ะอาหารเย็นซึ่งประกอบด้วย ขนมปังแข็งๆ จำนวนหนึ่ง ชีส 1 ก้อนใหญ่และแอปเปิ้ลน่ากิน 4-5 ผล เราจัดวางพวกมันอยู่บนเสื่อไม้ไผ่ซึ่งปูลงบนพื้นหญ้าผืนนุ่มอีกที ถึงมันจะไม่ได้หรูหราอะไรมากนัก แต่ผมว่ามันก็ดีกว่าอาหารมื้อเย็นที่โรงเรียนดัดสันดานที่ผมและพี่น้องเคยอาศัยอยู่เป็นไหนๆ ครูเกรมอสสั่งให้เรานั่งอยู่ใกล้ริมแม่น้ำ เพราะสัตว์น้ำทั้งหลายยังวางตัวเป็นกลางในสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ครั้งนี้ (ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนคุณผู้อ่านนั่นแหละครับว่าครูเกรมอสหมายความว่าอย่างไร) และเมื่ออาหารเริ่มตกถึงท้อง ครูเกรมอสก็เริ่มการบรรยาย เมค-อัพ คลาส ต่อ

“หลังจากได้รับคำพยากรณ์แล้ว หายนะก็บังเกิดขึ้น พระเจ้ามูชาราฟ เชคานผู้เป็นอนุชาขององค์กษัตริย์ได้ก่อการกบฏต่อพี่ชายตนเอง เขาเชื่อสนิทใจว่าคำพยากรณ์ได้หมายความว่าการล้างแค้นของเราต่อพวกมนุษย์ได้มาถึงแล้ว และสิ่งเดียวที่จะหยุดยั้งเขาได้คือทายาทผู้ชอบธรรมทั้ง 4  เชคานเลือกที่จะไม่สนใจคำพยากรณ์ส่วนที่เหลือเลยว่าทั้งมนุษย์และอมนุษย์จะพินาศจนสิ้นทั้ง 2 ฝ่าย จากสงครามในครั้งนี้

อันที่จริงเขาเลือกที่จะบิดเบือนคำพยากรณ์ด้วยซ้ำตอนที่เขาปลุกระดมเหล่าทหาร ขุนนาง และประชาชนให้กลายมาเป็นพรรคพวกของเขา เขาวางแผนกับเวลาที่เหลืออยู่อีก 1 ปีก่อนเหตุการณ์ของคำพยากรณ์จะเกิดขึ้นจริง โดยเริ่มจากสังหารพระเจ้าเฮลิออส เดอ สวอร์นพี่ชายของตนเองอย่างเลือดเย็น ตามด้วยผู้นำของหมาป่า อินทรีย์ และม้าน้ำตามลำดับ ความโกลาหลและป่าเถื่อนปกคลุมไปทั่วอาณาจักรของพวกเรา เชคานไล่ล่าสังหารสายพันธุ์สิงโตซึ่งเป็นพี่น้องของเขาเอง หมาป่า อินทรีย์และสัตว์น้ำทุกชนิดที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้อย่างโหดเหี้ยม จนไม่มี Half-caste เผ่าพันธุ์สิงโตเหลืออยู่แม้แต่ตนเดียวนอกจากตัวเขาเอง ส่วนพวกหมาป่าหลบหนีเข้าไปในป่าลึก ล่าสุดข้าได้ข่าวร้ายมาว่าผู้นำคนใหม่ของพวกหมาป่าตอนนี้สาบานว่าจะรับใช้   เชคานตลอดไป และกลายมาเป็นกลุ่มนักฆ่ารับจ้างให้กับกองทัพของเขาไปแล้ว     ส่วนฝูงนกส่วนมากก็หลบหนีไปเช่นเดียวกัน ไม่มีผู้ใดพบเห็นพวกเขามานานแล้ว และในส่วนของเหล่าสัตว์น้ำประกาศตัวเป็นกลางและปิดตายอาณาจักรของตนเองลง….

มีเพียงองค์หญิง ซิลเวีย  เดอ สวอร์น ธิดาเพียงองค์เดียวของกษัติย์เฮลิออสเท่านั้น ที่ยังคงต่อสู้ เธอรวบรวมเหล่าทหาร ขุนนาง และประชาชนที่ยังซื่อสัตย์ต่อองค์กษัตริย์องค์ก่อน ก่อตั้งกองกำลังกบฏและหาทางต่อต้านอวสานของโลกด้วยทุกวิถีทางที่พวกเราพอจะสามารถทำได้ ”

ดูเหมือนอาหารเย็นมื้อนี้จะไม่อร่อยเท่าที่ควรซะแล้ว ยิ่งผมรับรู้เรื่องราวต่างๆมากเท่าไหร่ ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีขึ้นเลยแม้เพียงอย่างเดียว มันเหมือนเรื่องราวกำลังดิ่งลงสู่เหวที่เหมือนไม่มีปลายทาง ดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ แย่ลงเรื่อยๆ น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ และต่อให้สามารถเดินทางจนถึงสุดปลายทางของเหวนี้จริงมันก็คงจะจบไม่สวยเท่าไหร่นัก

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังแอบประทับใจตัวองค์หญิง สวอร์นคนนี้ไม่น้อย ผมจินตนาการว่าเธอคงเป็น สาวล่ำบึ้ก ตัวสูงใหญ่ หน้าตาดุดันน่ากลัว และทักทายผู้คนด้วยคำว่า “สวัสดี วันนี้ได้ฆ่าคนตายแล้วรึยัง”พร้อมควงกระบองหนามไปมาด้วยความสะใจ และหัวเราะเสียงดัง ฮาๆๆ  แต่ก็นะ…ถึงเธอจะน่ากลัวอย่างนั้นก็เถอะ ผมก็อดชื่นชมความกล้าหาญของผู้หญิงตัวคนเดียวที่ลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ถูกต้องไม่ได้จริงๆ

“แต่เรื่องราวมันซับซ้อนกว่านั้น” ครูเกรมอสเริ่มต่อไป “เชคานตระหนักได้ว่า การล้างเผ่าพันธุ์ของทายาทผู้ชอบธรรมในอาณาจักรแห่งนี้จนหมดสิ้นแล้ว ยังไม่เพียงพอต่อการทำลายล้างมวลมนุษย์และยึดครองโลกคืน เขาเริ่มคิดถึงคำพยากรณ์บทที่ว่าทายาทผู้พลัดหลงและก็เข้าใจความหมายของมันในทันทีว่า ยังคงมีทายาทผู้ชอบธรรมหลงเหลืออยู่ในดินแดนของพวก Mortal”

ทุกคนต่างนิ่งเงียบเหมือนหุ่นขี้ผึ้งเมื่อครูเกรมอสพูดถึงจุดนี้ ไม่มีใครขยับแม้แต่สายตาหรือเพียงลมหายใจผมก็แทบจะไม่สัมผัสถึงมันเลย

“เป็นอย่างที่พวกเธอคิด….… เด็กน้อยพวกเธอคือทายาทผู้ชอบธรรมทั้ง 4 กลุ่มสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ บรรพบุรุษของพวกเธอคงหลบหนีมายังอาณาจักรแห่งผู้พ่ายแพ้ไม่ทัน และได้ให้กำเนิดลูกหลานบนโลกมนุษย์ ใช้ชีวิตหลบซ่อนโดยไม่ให้พวกมนุษย์สังเกตเห็น” ครูเกรมอสเล่าต่อไป

“มันเป็นไปได้เหรอคะ ที่มนุษย์จะไม่สังเกตเห็นเอ่อ….บรรพบุรุษของพวกเราว่าไม่ใช่พวกเดียวกับเขา” อาธีน่าถามขึ้นอย่างรวดเร็ว

“แน่นอนแม่หนูน้อย…รู้ไหมว่าพวกเรา Half-Caste ยังขึ้นมาที่โลกมนุษย์บ้างเป็นครั้งคราวผ่านต้นไม้แห่งกาลเวลา เพื่อแสวงหาลูกหลานของพวกเราที่หลงเหลืออยู่ที่นั่น มันเป็นภารกิจอย่างหนึ่งของพวกเรา เราพาหลายคนกลับมาที่นี่ และอีกหลายคนที่ไม่ยอมกลับลงมา เราสอนวิธีการใช้พลังให้พวกเขา สอนวิธีการดำรงชีวิตอยู่กับพวก Mortal โดยไม่เป็นที่สังเกต….จะให้ยกตัวอย่างไหมล่ะ อืมมม เอาพวกลูกศิษย์คนโปรดของชั้นละกันนะ ชั้นคิดว่า วงเดอะ บีเทิลแท้จริงแล้วควรจะชื่อ เดอะ ไนติงเกลมากกว่า พวกเขาเป็นเชื้อสายของนกไนติงเกลทั้งวงเลยล่ะ นั่นทำให้พวกเขามีทั้งเสียงที่ไพเราะและพรสวรรค์ด้านดนตรีอย่างเต็มเปี่ยม อืม.. มีใครอีกน้า อ้อใช่ ! เธซีอุสน่ะ (อาธีน่าอมยิ้ม) คุยโม้ไปเป็นอาทิตย์เลยล่ะ เมื่อเขารู้ว่า เดวิด เบ็คแฮมเป็นเชื้อสายเดียวกันกับเขา (อาธีน่าอมยิ้มมากขึ้น) เสือขาวน่ะหล่อเหลาทุกคนแหละ นั่นเป็นหนึ่งในพรสวรรค์ของพวกเขา (ผมอิจฉาชมัด) และชั้นเดาว่าพวกเธอคงไม่อยากจะรู้หรอกนะว่า บารัค โอบาม่าน่ะเป็นเชื้อสายของสัตว์อะไร”

ผมเดาว่าผมคงไม่อยากรู้จริงๆนั่นแหละ ผมแอบนึกในใจว่าผมเป็นญาติกับคนดังคนไหนในโลกมนุษย์รึเปล่า ถ้าฮิตเล่อร์เป็นหนึ่งใน Half-caste เชื้อสายสิงโตเหมือนผมล่ะ ผมคงเกลียดการถูกเรียกออกมาบรรยายหน้าห้องเรียนในหัวข้อ “บรรพบุรุษที่ชั้นภาคภูมิใจ” มากแน่ๆ

ขณะที่ครูเกรมอสบรรยาย อาธีน่าดูยังมีข้อสงสัยอยู่เต็มหัวของเธอเหมือนเคย ขณะที่เอโทสดูใจลอยเล็กน้อย จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเค้ากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ มันเหมือนจิตใจของเขาถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนและอยู่กับพวกเราแค่ส่วนเดียวเท่านั้น ส่วนแอสตร้าน้องชายจอมซนของผมดูเหมือนจะมีความสุขกับการพยายามสร้างHalf-caste สายพันธุ์ใหม่ระหว่างเปลือกแอ็ปเปิ้ล ชีส และเศษขนมปัง

“ยังมีอะไรที่สำคัญแต่คุณยังไม่ได้บอกพวกเราใช่ไหมคะครูเกรมอส…องค์หญิงซิลเวียร์ สวอร์น มีแผนในการหยุดยั้งเชคานแล้วใช่ไหมคะ เชคานยังขาดอะไรบางสิ่ง…บางสิ่งที่จำเป็นมากๆในการยึดครองโลกมนุษย์คืน” อาธีน่าสบตาเขม็งกับครูเกรมอสซึ่งจ้องกลับลึกลงไปที่เธอเหมือนกำลังอ่านตัวหนังสือจากใบหน้าของเธออยู่ ผมค่อนข้างแน่ใจว่าครูเกรมอสก็รู้สึกเหมือนกันกับพวกเราที่เหลือคือยังกังวลเรื่องที่อาธีน่ายังไม่สามารถค้นพบตัวเองว่าเป็น Half-caste สายพันธุ์อะไร

หลังจากเงียบกันไปพักหนึ่งครูเกรมอสจึงค่อยๆมีรอยยิ้มออกมาก่อนจะตอบเบาๆ “อาธีน่าเป็นชื่อของเทพแห่งสติปัญญาและกลยุทธ์ที่ได้รับความเคารพอย่างสูงของชาวกรีกโบราณ…ชั้นว่าเธอสมแล้วที่ได้รับชื่อนี้ไปนะหนูน้อย..เธอพูดถูก ยังมีปัจจัยสำคัญอีกประการที่ขัดขวางแผนการของเชคานอยู่ นั่นคือสิ่งที่องค์หญิงและกองกำลังของพวกเรากำลังดำเนินการเพื่อหยุดยั้งวันอวสานแห่งโลกทั้งสอง

ขอเล่าย้อนกลับไปเมื่อองค์รัชทายาทของกษัตริย์บรูตัสได้พบกับเฮลก้า โพรมีทีอุสเป็นครั้งแรกเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว เขาได้รับของวิเศษมาอย่างหนึ่งจากเฮลก้า โพรมีทีอุสและสัญญาว่าจะไม่บอกผู้ใดยกเว้นผู้นำร่วมที่ชอบธรรมอีก 3 พระองค์ที่เหลือเท่านั้น ของวิเศษที่กษัตริย์บรูตัสและเชื่อพระวงศ์ทั้ง 3 สายพันธุ์ใช้สร้างต้นไม้แห่งกาลเวลาและส่งพวกเราอพยพมาที่อาณาจักรแห่งนี้…

มันคือ The Twin Diamonds หรือคู่แฝดแห่งอัญมณี  ของวิเศษที่ทรงพลังที่สุดของอาณาจักรแห่งนี้”

“ทำไมมันถึงถูกเรียกว่าคู่แฝดล่ะครับ” เอโทสถาม อย่างใคร่รู้

“เพราะมันมีด้วยกัน 2 เม็ดน่ะสิพ่อหนุ่ม…เม็ดแรกถูกขนานนามว่า Apollo (เทพแห่งดวงอาทิตย์) มันมีความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆทั้งปวงบนโลกใบนี้ ส่วนอีกเม็ดถูกขนานนามว่า Artemis (เทพีแห่งดวงจันทร์) ซึ่งมีความสามารถตรงกันข้ามกัน กล่าวคือมันสามารถลบล้างทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้เช่นเดียวกัน เมื่อทั้ง 2 เม็ดถูกนำมาใช้ร่วมกันจะเกิดพลังมหาศาล และนั่นคือพลังที่กษัตริย์บรูตัสใช้อพยพพวกเรามาอาณาจักรนี้”

อาธีน่าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะทำหน้าแบบเด็กเนิร์ดที่เพิ่งหาคำตอบจากโจทย์เลขยากๆได้ เธอยกมือขึ้นสูงเหมือนจะขอตอบคำถามนี้ ซึ่งก็ไม่มีความจำเป็นต้องยกเลย เนื่องจากพวกเราทั้ง 3 คนที่เหลือยังนั่งงงและคิดสิ่งใดไม่ออก

“เชคานจะใช้มันในการเคลื่อนกองทัพของเขาผ่านต้นไม้แห่งกาลเวลาเพื่อกลับขึ้นไปยังโลกมนุษย์ใช่ไหมคะ….เพราะ…เพราะ…ใช่แล้ว เพราะปกติต้นไม้แห่งกาลเวลาจะไม่สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา และการขนส่งคนข้ามมิติก็ทำได้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น นี่คือเหตุผลที่ครูให้พวกเราจัดเป็นแถวตอนเรียงหนึ่งเพื่อข้ามมายังดินแดนแห่งนี้ !!”

ผมเห็นครูเกรมอสยิ้มจนแก้มบานทีเดียว “ถูกต้องอาธีน่า ฉลาดมาก ฉลาดมากหนูน้อย อย่างที่เธอบอก เชคานต้องใช้อัญมณีทั้ง 2 เม็ดนี้แผนกายึดครองโลกของเขาจึงจะสำฤทธิ์ผล เพราะหากเชคานเคลื่อนกองทัพของเขาได้แค่ทีละคนและได้เฉพาะบางเวลาที่ต้นไม้แห่งการเวลาสามารถใช้งานได้ เขาต้องใช้เวลาเป็น 10 ปีกว่าจะเคลื่อนพลของเขาได้หมด นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เชคานต้องประสบปัญหาที่แก้ไม่ตกมาตลอด เพราะเรื่องของ Twin Diamonds นี้ถูกเก็บเป็นความลับ ผู้ที่รู้เรื่องนี้จึงมีเพียงผู้นำทั้ง 4 ในแต่ละยุคแต่ละสมัยเท่านั้น และการจะทำให้ Twin Diamonds แสดงอิทธิฤทธิ์ได้นั้น มันจะต้องได้อาบเลือดของผู้นำที่ชอบธรรมจากสายพันธุ์ทั้ง 4 คนก่อน จึงจะสามารถใช้ความสามารถจากมันได้….ปัญหาอยู่ตรงนี้ เชคานทราบเรื่องนี้หลังจากที่เขากวาดล้างบรรดาเชื้อพระวงศ์ของผู้นำทั้ง 4 ไปจนหมด อย่างที่เธอรู้เชคานสามารถใช้เลือดของตนเองและฝูงหมาป่าที่เข้าไปสมคบกับเขาได้ แต่เขาก็ขาดเลือดของผู้นำแห่งท้องนภาและผู้นำแห่งวารีอยู่ดี”

ผมเกลียดสมองตัวเอง บางครั้งมันก็ทำงานดีเกินไปในเวลาที่ผมไม่ต้องการ ผมเข้าใจเรื่องราวในทันที

“นั่นคือเหตุผลที่เชคานส่งฟรอสมาตามล่าเราใช่ไหมครับ เขารู้เช่นกันว่าทายาทผู้ชอบธรรมทั้ง 4 ยังมีหลงเหลืออยู่บนโลกมนุษย์ เขาจะฆ่าพวกเราเพื่อป้องกันไม่ให้คำทำนายที่ว่าทายาทผู้ผลัดหลงทั้ง 4 จะเป็นผู้กอบกู้สถานการณ์และขัดขวางแผนของเขา จากนั้นจึงใช้เลือดจากพวกเราเพื่อทำให้ Twin Diamonds สามารถใช้การได้อีกครั้ง” ปากและสมองของผมอ่านข้อมูลออกมาไม่หยุด

“และครูรวมถึงองค์หญิงอะไรสักอย่างนั่นก็ทราบเรื่องนี้เช่นกัน ครูถึงไปช่วยพวกเราก่อนที่ฟรอสจะหาเราเจอ พวกเราคือกุญแจสำคัญของการหยุดยั้งอวสานโลกครั้งนี้” เอโทสกล่าวอย่างตระหนก จิตใจส่วนที่ล่องลอยของเขาเหมือนเพิ่งกลับมาจากการไปพักร้อนครั้งใหญ่

(ต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่