พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีจนถึงพร้อมเพื่อตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
หลังจากได้รับคำพยากรณ์จากพระทีปังกรพุทธเจ้า นานถึง ๔ อสงไขยแสนกัปป์
พระบารมีที่ได้ทรงบำเพ็ญมานั้น ก็เพื่อการตรัสรู้และบรรลุความเป็นพระสัพพัญญู
เพื่อทรงแสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์ให้พ้นทุกข์เช่นเดียวกับพระองค์
เมื่อพระพุทธองค์ตรัสรู้สัจธรรมใหม่ๆ ทรงพระดำริว่า ...
ปาสราสิสูตร (บางส่วน)
[๓๒๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราได้มีความดำริดังนี้ว่า
ธรรมที่เราได้บรรลุนี้แล ลึก เห็นได้โดยยาก รู้ตามได้โดยยาก เป็นธรรมสงบ
ประณีต อันความตรึกหยั่งไม่ถึง ละเอียด รู้ได้แต่บัณฑิต
ส่วนประชาชนนี้ เป็นผู้ยินดี เพลิดเพลินใจในอาลัย เป็นผู้เห็นปฏิจจสมุปบาทที่เป็น
ปัจจัยแห่งธรรมเหล่านี้ได้โดยยาก และเห็นได้โดยยากซึ่งธรรมที่สงบสังขารทั้งปวง สลัดอุปธิ
ทั้งปวง เป็นที่สิ้นตัณหาเป็นที่สำรอก เป็นที่ดับ เป็นที่ออกจากตัณหา
ก็ถ้าเราพึงแสดงธรรมและคนอื่นไม่รู้ตามธรรมของเรา ก็จะเป็นความลำบาก
เหน็ดเหนื่อยแก่เราเปล่า.
ดูกรภิกษุทั้งหลายทั้งคาถาที่เป็นอัศจรรย์ยิ่งนัก ไม่เคยได้สดับมาแต่ก่อน
ก็ได้แจ่มแจ้งแก่เราดังนี้
ธรรมนี้เราบรรลุได้โดยยาก บัดนี้ ไม่ควรประกาศ ธรรมนี้ไม่เป็นธรรมที่ชน
ผู้มีราคะโทสะหนาแน่นตรัสรู้ได้โดยง่าย ชนผู้มีราคะกล้า ถูกกองความมืดหุ้มห่อ
ไว้ ย่อมไม่เห็น
ธรรมที่ยังสัตว์ให้ถึงที่ทวนกระแสโลก ละเอียด ลึก เห็นได้
โดยยากเป็นอณู.
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ บรรทัดที่ ๕๓๘๔ - ๕๗๖๒. หน้าที่ ๒๑๙ - ๒๓๓.
http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=12&A=5384&Z=5762&bgc=aliceblue&pagebreak=0
เนื้อความในอรรถกถา (บางส่วน)
เมื่อเป็นเช่นนั้น เมื่อพระองค์ทรงดำริว่า
สัตว์เหล่านี้แลเต็มไปด้วยกิเลสเศร้าหมองยิ่งหนัก ถูกราคะย้อม ถูกโทสะครอบงำ ลุ่มหลงไปด้วยโมหะ
ดุจน้ำเต้าเต็มไปด้วยน้ำส้ม ดุจถาดเต็มไปด้วยเปรียง ดุจผืนผ้าขี้ริ้วชุ่มไปด้วยมันเหลวและน้ำมัน
ดุจมือเปื้อนไปด้วยยาหยอดตา เขาเหล่านั้นจักรู้แจ้งแทงตลอดไปได้อย่างไร ดังนี้
จิตจึงน้อมไปอย่างนั้น ด้วยอานุภาพแห่งการยึดถือกิเลสและการพิจารณา.
อนึ่ง พระธรรมนี้ลึกซึ้งดุจลำน้ำหนุนแผ่นดินไว้ เห็นได้ยากดุจเมล็ดผักกาดที่ถูกภูเขากำบังไว้ ตั้งอยู่
และรู้ตามได้ยากดุจการแยกปลายด้วยปลายของขนสัตว์ที่ผ่าออก ๑๐๐ ส่วน.
จริงอยู่ เราพยายามเพื่อรู้แจ้งแทงตลอดธรรมนี้
ไม่มีทานที่ไม่ได้ให้
ไม่มีศีลที่ไม่ได้รักษา
ไม่มีบารมีที่ไม่ได้บำเพ็ญมิใช่หรือ
แม้เมื่อเรากำจัดมารและเสนามารดุจไร้ความอุตสาหะ แผ่นดินก็ไม่หวั่นไหว
แม้เมื่อเราระลึกถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในชาติก่อนในปฐมยามได้ก็ไม่หวั่นไหว
แม้เมื่อเราชำระทิพพจักษุในมัชฌิมยามก็ไม่หวั่นไหว
แต่เมื่อเรารู้แจ้งแทงตลอดปฏิจจสมุปบาทในปัจฉิมยาม แผ่นดินหมื่นโลกธาตุได้หวั่นไหวแล้ว ด้วยประการดังนี้
แม้ชนเช่นเรายังรู้แจ้งแทงตลอดธรรมนี้ด้วยญาณอันกล้าได้โดยยากถึงเพียงนี้แล้ว
มหาชนชาวโลกจักรู้แจ้งแทงตลอดธรรมนั้นได้อย่างไร
เพราะเหตุนั้น พึงทราบว่า จิตของพระองค์น้อมไปแล้วอย่างนั้น
แม้ด้วยอานุภาพแห่งความที่พระธรรมเป็นธรรมลึกซึ้งและด้วยการพิจารณาดังนี้.
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=12&i=312&bgc=aliceblue
แม้จะตระหนักพระทัยถึงความยากลำบาก แต่ด้วยพระกรุณาต่อสัตว์โลก และอุตสาหะอุปการะแก่สัตว์โลก
พระองค์ทรงแสดงธรรมอันจะนำสัตว์ออกจากทุกข์ทั้งปวง แม้ในเหล่าสัตว์ผู้มีความผิด เช่น ท่านพระเทวทัต เป็นต้น
กับการรอเวลาแก่กล้าแห่งอินทรีย์ของเวไนยสัตว์ผู้มีปัญญินทรีย์ยังไม่แก่กล้า
พระองค์ก็ทรงแสดงธรรมที่พระองค์ตรัสรู้เพื่ออนุเคราะห์สัตวโลก
ตั้งแต่สมัยตรัสรู้ ตราบจนถึงสมัยปรินิพพาน
ด้วยพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณ
ธรรมที่ยังสัตว์ให้ถึงที่ทวนกระแสโลก
พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีจนถึงพร้อมเพื่อตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
หลังจากได้รับคำพยากรณ์จากพระทีปังกรพุทธเจ้า นานถึง ๔ อสงไขยแสนกัปป์
พระบารมีที่ได้ทรงบำเพ็ญมานั้น ก็เพื่อการตรัสรู้และบรรลุความเป็นพระสัพพัญญู
เพื่อทรงแสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์ให้พ้นทุกข์เช่นเดียวกับพระองค์
เมื่อพระพุทธองค์ตรัสรู้สัจธรรมใหม่ๆ ทรงพระดำริว่า ...
ปาสราสิสูตร (บางส่วน)
[๓๒๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราได้มีความดำริดังนี้ว่า
ธรรมที่เราได้บรรลุนี้แล ลึก เห็นได้โดยยาก รู้ตามได้โดยยาก เป็นธรรมสงบ
ประณีต อันความตรึกหยั่งไม่ถึง ละเอียด รู้ได้แต่บัณฑิต
ส่วนประชาชนนี้ เป็นผู้ยินดี เพลิดเพลินใจในอาลัย เป็นผู้เห็นปฏิจจสมุปบาทที่เป็น
ปัจจัยแห่งธรรมเหล่านี้ได้โดยยาก และเห็นได้โดยยากซึ่งธรรมที่สงบสังขารทั้งปวง สลัดอุปธิ
ทั้งปวง เป็นที่สิ้นตัณหาเป็นที่สำรอก เป็นที่ดับ เป็นที่ออกจากตัณหา
ก็ถ้าเราพึงแสดงธรรมและคนอื่นไม่รู้ตามธรรมของเรา ก็จะเป็นความลำบาก
เหน็ดเหนื่อยแก่เราเปล่า.
ดูกรภิกษุทั้งหลายทั้งคาถาที่เป็นอัศจรรย์ยิ่งนัก ไม่เคยได้สดับมาแต่ก่อน
ก็ได้แจ่มแจ้งแก่เราดังนี้
ธรรมนี้เราบรรลุได้โดยยาก บัดนี้ ไม่ควรประกาศ ธรรมนี้ไม่เป็นธรรมที่ชน
ผู้มีราคะโทสะหนาแน่นตรัสรู้ได้โดยง่าย ชนผู้มีราคะกล้า ถูกกองความมืดหุ้มห่อ
ไว้ ย่อมไม่เห็นธรรมที่ยังสัตว์ให้ถึงที่ทวนกระแสโลก ละเอียด ลึก เห็นได้
โดยยากเป็นอณู.
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ บรรทัดที่ ๕๓๘๔ - ๕๗๖๒. หน้าที่ ๒๑๙ - ๒๓๓.
http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=12&A=5384&Z=5762&bgc=aliceblue&pagebreak=0
เนื้อความในอรรถกถา (บางส่วน)
เมื่อเป็นเช่นนั้น เมื่อพระองค์ทรงดำริว่า
สัตว์เหล่านี้แลเต็มไปด้วยกิเลสเศร้าหมองยิ่งหนัก ถูกราคะย้อม ถูกโทสะครอบงำ ลุ่มหลงไปด้วยโมหะ
ดุจน้ำเต้าเต็มไปด้วยน้ำส้ม ดุจถาดเต็มไปด้วยเปรียง ดุจผืนผ้าขี้ริ้วชุ่มไปด้วยมันเหลวและน้ำมัน
ดุจมือเปื้อนไปด้วยยาหยอดตา เขาเหล่านั้นจักรู้แจ้งแทงตลอดไปได้อย่างไร ดังนี้
จิตจึงน้อมไปอย่างนั้น ด้วยอานุภาพแห่งการยึดถือกิเลสและการพิจารณา.
อนึ่ง พระธรรมนี้ลึกซึ้งดุจลำน้ำหนุนแผ่นดินไว้ เห็นได้ยากดุจเมล็ดผักกาดที่ถูกภูเขากำบังไว้ ตั้งอยู่
และรู้ตามได้ยากดุจการแยกปลายด้วยปลายของขนสัตว์ที่ผ่าออก ๑๐๐ ส่วน.
จริงอยู่ เราพยายามเพื่อรู้แจ้งแทงตลอดธรรมนี้
ไม่มีทานที่ไม่ได้ให้
ไม่มีศีลที่ไม่ได้รักษา
ไม่มีบารมีที่ไม่ได้บำเพ็ญมิใช่หรือ
แม้เมื่อเรากำจัดมารและเสนามารดุจไร้ความอุตสาหะ แผ่นดินก็ไม่หวั่นไหว
แม้เมื่อเราระลึกถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในชาติก่อนในปฐมยามได้ก็ไม่หวั่นไหว
แม้เมื่อเราชำระทิพพจักษุในมัชฌิมยามก็ไม่หวั่นไหว
แต่เมื่อเรารู้แจ้งแทงตลอดปฏิจจสมุปบาทในปัจฉิมยาม แผ่นดินหมื่นโลกธาตุได้หวั่นไหวแล้ว ด้วยประการดังนี้
แม้ชนเช่นเรายังรู้แจ้งแทงตลอดธรรมนี้ด้วยญาณอันกล้าได้โดยยากถึงเพียงนี้แล้ว
มหาชนชาวโลกจักรู้แจ้งแทงตลอดธรรมนั้นได้อย่างไร
เพราะเหตุนั้น พึงทราบว่า จิตของพระองค์น้อมไปแล้วอย่างนั้น
แม้ด้วยอานุภาพแห่งความที่พระธรรมเป็นธรรมลึกซึ้งและด้วยการพิจารณาดังนี้.
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=12&i=312&bgc=aliceblue
แม้จะตระหนักพระทัยถึงความยากลำบาก แต่ด้วยพระกรุณาต่อสัตว์โลก และอุตสาหะอุปการะแก่สัตว์โลก
พระองค์ทรงแสดงธรรมอันจะนำสัตว์ออกจากทุกข์ทั้งปวง แม้ในเหล่าสัตว์ผู้มีความผิด เช่น ท่านพระเทวทัต เป็นต้น
กับการรอเวลาแก่กล้าแห่งอินทรีย์ของเวไนยสัตว์ผู้มีปัญญินทรีย์ยังไม่แก่กล้า
พระองค์ก็ทรงแสดงธรรมที่พระองค์ตรัสรู้เพื่ออนุเคราะห์สัตวโลก
ตั้งแต่สมัยตรัสรู้ ตราบจนถึงสมัยปรินิพพาน
ด้วยพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณ