ถอดเทป แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1
ไม่ทราบว่าท่านเคยน้อมระลึกถึงพระพุทธคุณบ้างไหม และระลึกถึงในลักษณะใด เพราะการที่จะน้อมระลึกถึงพระคุณของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น สามารถที่จะน้อมระลึกได้ทุกเหตุการณ์ คือเมื่อพระองค์ได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว จะน้อมระลึกถึงพระกรุณาคุณ ตั้งแต่พระองค์ได้ทรงแสดงปฐมเทศนาตลอดมา จนถึงใกล้จะปรินิพพานก็จะเห็นพระกรุณาคุณได้ หรือว่าจะน้อมระลึกถึงพระคุณก่อนที่พระองค์ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ คือระลึกถึงเมื่อครั้งพระองค์บำเพ็ญพระบารมี ๔ อสงขัยแสนกัปป์ ก็ย่อมจะเห็นความพากเพียรและพระมหากรุณา ที่ทรงปรารถนาที่จะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อที่จะเกื้อกูลแก่สัตว์โลก ขณะนั้นก็ระลึกถึงพระคุณได้ หรือเมื่อระลึกถึงการดำเนินชีวิตของพระองค์ในพระชาติสุดท้ายก่อนตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะเห็นพระคุณได้
เพราะว่าข้อความในพระไตรปิฏก แสดงไว้ทั้งหมดโดยครบถ้วน ซึ่งผู้ที่มีสัทธา มีวิริยะ ก็จะศึกษาฟังหรืออ่านด้วยความปิติโสมนัสที่ได้รู้เรื่องของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อที่จะให้ทุกท่านที่อ่าน หรือได้ฟัง ได้พิจารณา ก็เกิดสัทธา เกิดหิริ เกิดโอตตัปปะ เกิดวิริยะ เกิดสติ เมื่อเวลาที่ได้เข้าใจพระธรรมแล้ว จิตปิติโสมนัส ซาบซึ้ง อ่อนโยนควรแก่การที่จะอบรมเจริญกุศล หรืออาจจะระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ แม้ในขณะที่กำลังอ่านหรือกำลังฟังนั้นเอง
ชีวิตของพระผู้มีพระภาคในพระชาติสุดท้ายก่อนที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พิเศษวิจิตรน่าอัศจรรย์ต่างจากบุคคลอื่น เพราะถ้าได้เห็นชีวิตที่แตกต่างกันไปของแต่ละบุคคลมากเพียงใด ก็ยิ่งเห็นกรรม ซึ่งจำแนกกำเนิด จำแนกตระกูล จำแนกลาภ ยศ สติปัญญาต่างๆ กันออกไป แต่สำหรับผู้ที่อบรมบารมี ๔ อสงขัยแสนกัปป์เพื่อที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น แม้การบังเกิดของพระองค์ก็ต้องพิเศษกว่าบุคคลธรรมดา
ขอย้อนไปถึงก่อนที่พระผู้มีพระภาคจะเสด็จบังเกิดในโลกนี้ ตามข้อความใน มธุรัตถวิลาสินี อรรถกถา ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ ซึ่งมีข้อความว่า
ก่อนนั้น เมื่อพระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญทานบารมีในพระชาติที่เป็นพระเวสสันดร จุติแล้วก็ปฏิสนธิในสวรรค์ชั้นดุสิต เทพทั้งหลายพากันไปทูลว่าถึงเวลาที่ควรประสูติเพื่อตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยพระบารมีที่ได้ทรงบำเพ็ญแล้ว พระโพธิสัตว์ทรงพิจารณามหาวิโลกนะ (ความเหมาะสม) ๕ คือ กาล ๑ ทวีป ๑ ประเทศ (คือสถานที่ที่จะประสูติ) ๑ ตระกูล ๑ กำหนดพระชนมายุพระชนนี ๑
บรรดามหาวิโลกนะ ๕ นั้น พระโพธิสัตว์ทรงพิจารณากาลเป็นอันดับแรกว่าเป็นกาลสมควรหรือยัง คือถึงแม้ว่าจะได้ทรงบำเพ็ญบารมีพร้อมแล้ว แต่ถ้าไม่ใช่กาลที่สมควรบังเกิดก็จะไม่เป็นประโยชน์เลย เมื่อสัตว์โลกในกาลนั้นไม่พร้อมหรือไม่สมควรแก่การที่จะได้รับฟังพระธรรมเทศนา เพราะถ้าเป็นกาลที่คนอายุเกินแสนปี ก็ไม่ใช่กาลที่สมควร เพราะ ชาติ ชรา มรณะจะไม่ปรากฏแก่สัตว์ทั้งหลาย พระธรรมเทศนาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ไม่พ้นไปจากไตรลักษณ์ คือ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา
ฉะนั้น เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสว่า อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา สัตว์ทั้งหลายย่อมไม่สำคัญพระพุทธดำรัสที่ควรฟัง ที่ควรเชื่อ แต่นั้น อภิสมัยคือการตรัสรู้ของสัตว์ทั้งหลายก็จะไม่มี เมื่ออภิสมัยไม่มี คำสอนก็จะไม่นำสัตว์ออกจากทุกข์ กาลนั้นจึงไม่ใช่กาลที่สมควร แม้ในกาลที่อายุคนต่ำกว่า ๑๐๐ ปี ก็ยังไม่ใช่กาลที่สมควร เพราะว่าในกาลนั้นสัตว์ทั้งหลายมีกิเลสหนาแน่น และโอวาทที่ประทานแก่สัตว์ที่มีกิเลสหนาแน่น ก็จะไม่คงอยู่ในฐานะควรเป็นโอวาท จะขาดหายไปเร็วเหมือนรอยไม้ที่ขีดในน้ำ ฉะนั้นจึงไม่ใช่กาลที่สมควร
ถอยหลังไป ๒๕๐๐ กว่าปีเป็นกาลที่สมควรที่พระโพธิสัตว์จะพึงบังเกิดใน มนุษย์โลกนี้ กาลนั้น ที่พระโพธิสัตว์ทรงพิจารณา เป็นกาลที่คนมีอายุ ๑๐๐ ปี ดังนั้นพระโพธิสัตว์จึงทรงเห็นว่าเป็นกาล ที่ควรบังเกิด ลองคิดดูหลายท่านได้ฟังธรรมแล้วไม่สนใจเลยหรืออาจไม่เห็นคุณค่าเลย แม้จะเป็นพระโอวาทที่กว่าจะได้ตรัสรู้และทรงแสดง โดยบำเพ็ญพระบารมีถึง ๔ อสงขัยแสนกัปป์ แต่ว่าสัตว์ที่มีกิเลสหนาแน่นจะไม่สำคัญในโอวาทนั้น แม้ว่าฟังแล้วก็ไม่สนใจ จะขาดหายไปเร็วเหมือนรอยไม้ที่ขีดในน้ำ การที่แต่ละคนไม่มีความสนใจในพระธรรมก็ฉันนั้น ฉะนั้นก่อนที่จะถึงกาลอันตรธาน ควรที่พุทธบริษัทในครั้งนี้มีความรู้สึกเหมือนว่าฟังธรรมแล้ว จะขาดหายไปเร็วเหมือนรอยไม้ที่ขีดในน้ำไหม
จากนั้น เมื่อทรงพิจารณาถึงทวีปที่จะทรงบังเกิด ก็ทรงเห็นว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่ทรงบังเกิดในทวีปทั้ง ๓ ทรงบังเกิดแต่ในชมพูทวีปเท่านั้น โลกนี้ก็คือชมพูทวีป โลกอื่นก็มี แต่พระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่ทรงบังเกิดในทวีปอื่นคือโลกอื่น นอกจากชมพูทวีปนี้ เพราะฉะนั้น ผู้ที่เกิดในชมพูทวีปนี้ก็เป็นผู้ที่ได้สะสมบุญในอดีตมา โดยเฉพาะที่จะได้เกิดในกาลที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้และทรงแสดงธรรม หรือ ในกาลที่แม้จะทรงปรินิพพานไปแล้ว แต่พระธรรมก็ยังมีอยู่ ที่จะให้ได้ฟังได้พิจารณาได้เข้าใจ
แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1
ถอดเทป แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1
ไม่ทราบว่าท่านเคยน้อมระลึกถึงพระพุทธคุณบ้างไหม และระลึกถึงในลักษณะใด เพราะการที่จะน้อมระลึกถึงพระคุณของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น สามารถที่จะน้อมระลึกได้ทุกเหตุการณ์ คือเมื่อพระองค์ได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว จะน้อมระลึกถึงพระกรุณาคุณ ตั้งแต่พระองค์ได้ทรงแสดงปฐมเทศนาตลอดมา จนถึงใกล้จะปรินิพพานก็จะเห็นพระกรุณาคุณได้ หรือว่าจะน้อมระลึกถึงพระคุณก่อนที่พระองค์ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ คือระลึกถึงเมื่อครั้งพระองค์บำเพ็ญพระบารมี ๔ อสงขัยแสนกัปป์ ก็ย่อมจะเห็นความพากเพียรและพระมหากรุณา ที่ทรงปรารถนาที่จะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อที่จะเกื้อกูลแก่สัตว์โลก ขณะนั้นก็ระลึกถึงพระคุณได้ หรือเมื่อระลึกถึงการดำเนินชีวิตของพระองค์ในพระชาติสุดท้ายก่อนตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะเห็นพระคุณได้
เพราะว่าข้อความในพระไตรปิฏก แสดงไว้ทั้งหมดโดยครบถ้วน ซึ่งผู้ที่มีสัทธา มีวิริยะ ก็จะศึกษาฟังหรืออ่านด้วยความปิติโสมนัสที่ได้รู้เรื่องของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อที่จะให้ทุกท่านที่อ่าน หรือได้ฟัง ได้พิจารณา ก็เกิดสัทธา เกิดหิริ เกิดโอตตัปปะ เกิดวิริยะ เกิดสติ เมื่อเวลาที่ได้เข้าใจพระธรรมแล้ว จิตปิติโสมนัส ซาบซึ้ง อ่อนโยนควรแก่การที่จะอบรมเจริญกุศล หรืออาจจะระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ แม้ในขณะที่กำลังอ่านหรือกำลังฟังนั้นเอง
ชีวิตของพระผู้มีพระภาคในพระชาติสุดท้ายก่อนที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พิเศษวิจิตรน่าอัศจรรย์ต่างจากบุคคลอื่น เพราะถ้าได้เห็นชีวิตที่แตกต่างกันไปของแต่ละบุคคลมากเพียงใด ก็ยิ่งเห็นกรรม ซึ่งจำแนกกำเนิด จำแนกตระกูล จำแนกลาภ ยศ สติปัญญาต่างๆ กันออกไป แต่สำหรับผู้ที่อบรมบารมี ๔ อสงขัยแสนกัปป์เพื่อที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น แม้การบังเกิดของพระองค์ก็ต้องพิเศษกว่าบุคคลธรรมดา
ขอย้อนไปถึงก่อนที่พระผู้มีพระภาคจะเสด็จบังเกิดในโลกนี้ ตามข้อความใน มธุรัตถวิลาสินี อรรถกถา ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ ซึ่งมีข้อความว่า
ก่อนนั้น เมื่อพระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญทานบารมีในพระชาติที่เป็นพระเวสสันดร จุติแล้วก็ปฏิสนธิในสวรรค์ชั้นดุสิต เทพทั้งหลายพากันไปทูลว่าถึงเวลาที่ควรประสูติเพื่อตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยพระบารมีที่ได้ทรงบำเพ็ญแล้ว พระโพธิสัตว์ทรงพิจารณามหาวิโลกนะ (ความเหมาะสม) ๕ คือ กาล ๑ ทวีป ๑ ประเทศ (คือสถานที่ที่จะประสูติ) ๑ ตระกูล ๑ กำหนดพระชนมายุพระชนนี ๑
บรรดามหาวิโลกนะ ๕ นั้น พระโพธิสัตว์ทรงพิจารณากาลเป็นอันดับแรกว่าเป็นกาลสมควรหรือยัง คือถึงแม้ว่าจะได้ทรงบำเพ็ญบารมีพร้อมแล้ว แต่ถ้าไม่ใช่กาลที่สมควรบังเกิดก็จะไม่เป็นประโยชน์เลย เมื่อสัตว์โลกในกาลนั้นไม่พร้อมหรือไม่สมควรแก่การที่จะได้รับฟังพระธรรมเทศนา เพราะถ้าเป็นกาลที่คนอายุเกินแสนปี ก็ไม่ใช่กาลที่สมควร เพราะ ชาติ ชรา มรณะจะไม่ปรากฏแก่สัตว์ทั้งหลาย พระธรรมเทศนาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ไม่พ้นไปจากไตรลักษณ์ คือ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา
ฉะนั้น เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสว่า อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา สัตว์ทั้งหลายย่อมไม่สำคัญพระพุทธดำรัสที่ควรฟัง ที่ควรเชื่อ แต่นั้น อภิสมัยคือการตรัสรู้ของสัตว์ทั้งหลายก็จะไม่มี เมื่ออภิสมัยไม่มี คำสอนก็จะไม่นำสัตว์ออกจากทุกข์ กาลนั้นจึงไม่ใช่กาลที่สมควร แม้ในกาลที่อายุคนต่ำกว่า ๑๐๐ ปี ก็ยังไม่ใช่กาลที่สมควร เพราะว่าในกาลนั้นสัตว์ทั้งหลายมีกิเลสหนาแน่น และโอวาทที่ประทานแก่สัตว์ที่มีกิเลสหนาแน่น ก็จะไม่คงอยู่ในฐานะควรเป็นโอวาท จะขาดหายไปเร็วเหมือนรอยไม้ที่ขีดในน้ำ ฉะนั้นจึงไม่ใช่กาลที่สมควร
ถอยหลังไป ๒๕๐๐ กว่าปีเป็นกาลที่สมควรที่พระโพธิสัตว์จะพึงบังเกิดใน มนุษย์โลกนี้ กาลนั้น ที่พระโพธิสัตว์ทรงพิจารณา เป็นกาลที่คนมีอายุ ๑๐๐ ปี ดังนั้นพระโพธิสัตว์จึงทรงเห็นว่าเป็นกาล ที่ควรบังเกิด ลองคิดดูหลายท่านได้ฟังธรรมแล้วไม่สนใจเลยหรืออาจไม่เห็นคุณค่าเลย แม้จะเป็นพระโอวาทที่กว่าจะได้ตรัสรู้และทรงแสดง โดยบำเพ็ญพระบารมีถึง ๔ อสงขัยแสนกัปป์ แต่ว่าสัตว์ที่มีกิเลสหนาแน่นจะไม่สำคัญในโอวาทนั้น แม้ว่าฟังแล้วก็ไม่สนใจ จะขาดหายไปเร็วเหมือนรอยไม้ที่ขีดในน้ำ การที่แต่ละคนไม่มีความสนใจในพระธรรมก็ฉันนั้น ฉะนั้นก่อนที่จะถึงกาลอันตรธาน ควรที่พุทธบริษัทในครั้งนี้มีความรู้สึกเหมือนว่าฟังธรรมแล้ว จะขาดหายไปเร็วเหมือนรอยไม้ที่ขีดในน้ำไหม
จากนั้น เมื่อทรงพิจารณาถึงทวีปที่จะทรงบังเกิด ก็ทรงเห็นว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่ทรงบังเกิดในทวีปทั้ง ๓ ทรงบังเกิดแต่ในชมพูทวีปเท่านั้น โลกนี้ก็คือชมพูทวีป โลกอื่นก็มี แต่พระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่ทรงบังเกิดในทวีปอื่นคือโลกอื่น นอกจากชมพูทวีปนี้ เพราะฉะนั้น ผู้ที่เกิดในชมพูทวีปนี้ก็เป็นผู้ที่ได้สะสมบุญในอดีตมา โดยเฉพาะที่จะได้เกิดในกาลที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้และทรงแสดงธรรม หรือ ในกาลที่แม้จะทรงปรินิพพานไปแล้ว แต่พระธรรมก็ยังมีอยู่ ที่จะให้ได้ฟังได้พิจารณาได้เข้าใจ