เคยได้ยินแต่หุ้นปั่น ไฉนวันนี้มีข้าวแกงปั่น

กระทู้สนทนา
55555 ยุคนี้ข้าวแกงก้อปั่นได้นะ
หุ้นปั่นกลับน้อยลงไปทุกวัน

เข้ากระทู้ดีกว่า(มันเกี่ยวข้องกับปากท้องคนเล่นหุ้น และเศรษฐกิจ ชัวร์)

ราคาวัตถุดิบก่อนปรุงเป็นอาหาร...เมื่อ 2-3 ปีก่อน(ปี 53-54)มีดังนี้
หมู โลละ 120-140
ปลากระพง โลละ 130-160
ไข่ไก่ฟองละ 3-4 บาท(ตามฤดู)
ถั่วฟักยาว-มะระ โลละ 25-60 บาท(ตามฤดู)
ผักทุกชนิดราคาขึ้นลงตามฤดู (ตามฤดู)
กระเทียมใหญ่ 50-90 บาท(ตามฤดู)


ข้าวหอมมะลิถุงละ 5 โล 130-160(ตามยี่ห้อ)
น้ำมันพืชขวดลิตร 30-40(ตามยี่ห้อ ตามช่วงเวลา)

ปัจจุบันช่วงนี้(2556)
หมู โลละ 130-150...ขึ้นมาประมาณ 5 %
ปลากระพง โลละ 130-150...ราคาไม่ต่างกัน
ไข่ไก่ฟองละ 3-4 บาท(ตามฤดู)...ไม่ต่างกัน (ช่วงสั้นๆนี้แพงขึ้นจริงประมาณ 4.20)
ถั่วฟักยาว-มะระ โลละ 25-60 บาท(ตามฤดู)...ราคาไม่ต่างกัน
ผักทุกชนิดราคาขึ้นลงตามฤดู....(แต่บางอย่างก็ขึ้นมาเฉลี่ย 0 – 10% ในบางฤดู)
กระเทียมกลีบใหญ่ 50-70 บาท(ตามฤดู)...เฉลี่ยแล้วถูกลง 10%
ข้าวหอมมะลิถุงละ 5 โล 160-190(ตามยี่ห้อ)....ขึ้นมาประมาณ 20%
น้ำมันพืชขวดลิตร 30-40 บาท(ตามยี่ห้อ ตามช่วงเวลา)....ราคาไม่ต่างกันมาก

ค่าเช่าบ้านเฉลี่ยขึ้นมา 0-10% (ขึ้นอยู่กับบางท้องที่-ทำเล)
ค่าแก๊ส..ขึ้นมาเฉลี่ย 3% (ระหว่างปี 53-54 กับวันนี้)
น้ำมันเบนซินโซฮอล 95...ขึ้นมาเฉลี่ย 3% (ระหว่างปี 53-54 กับวันนี้)
ดีเซล....ขึ้นมาเฉลี่ย 2% (ระหว่างปี 53-54 กับวันนี้)

สรุป.....ราคาวัตถุดิบก่อนปรุงอาหารเฉลี่ยขึ้นมา 5 % จาก 2-3 ปี ก่อน
ยกเว้นข้าวถุง 5 กก. ที่ขึ้นมาเฉลี่ย 20% (แล้วแต่ยี่ห้อ)
(แต่ข้าวถ้วยที่วางข้าวตามทาง ขายกันถ้วยละ 5 บาทปริมาณไม่น้อยกว่า1 จาน)
ที่ขึ้นมามากคือค่าแรง เฉลี่ยจาก 200 มาเป็น 300 บาท
เท่ากับค่าแรงขึ้นมา 100 บาทต่อ 1 แรงงาน
เฉพาะค่าแรงส่วนนี้ขึ้นมาประมาณ 3-4% (ต่อ 100 จาน)
ขึ้นอยู่กับร้านที่ขายมาก หรือขายน้อย(ขายน้อยส่วนใหญ่ไม่ได้จ้างคน)
ถ้าร้านเล็กขายน้อย...ขายได้วันละ 100 จาน
(ถ้ามีลูกจ้าง 1 คน)เท่ากับต้นทุนค่าแรงเพิ่มขึ้น 1 บาทต่อจาน(ถ้าขายจานละ 30 บาท)
(บวกค่าแรงลงในอาหารจานละ 1 บาท...100 จาน=100บาท...ชดเชยค่าแรง)
ถ้าร้านใหญ่ขึ้นมา...ขายได้วันละ 300 จาน
จ้างคน 3 คน ก็ใช้วิธีใกล้เคียงกัน โดยบวกไปจานละ 1 บาท
300 จานก็ได้ 300 บาท....ชดเชยค่าแรง 3 คนที่เพิ่มขึ้นมา
///แต่จะขายมากหรือน้อย(โดยเอาเกณฑ์ 100 จานต่อวัน)
ค่าแรงต่อจานขึ้นมาเฉลี่ย 3-4%...เอาเป็นว่าไม่เกิน 5% (ตัวเลขกลมๆ)///

ถ้าจะเฉลี่ยรวมทุกอย่างแล้วขึ้นอาหารสัก 10-20% ต่อจาน...น่าจะพอไหวนะ
แต่บางร้าน(หลายๆร้าน)บวกถึงจานละ 40-50%ใน1ปีที่ผ่านมา(ในบางท้องที่)
โดยไม่คำนึงต้นทุนของวัตถุดิบที่แท้จริง
....แต่คำนึงถึงกระแสปั่นราคาเหมือนปั่นหุ้นที่กรอกเข้าหูทุกวัน
จึงทำให้พ่อค้าแม่ขายบางรายที่อยากกำไรมากๆ...เหมือนเล่นหุ้น
...อดใจไม่ไหว ฉวยโอกาสปรับราคาขึ้น...ตามกระแส
หุหุ...ไม่อยากตกเทรน...น้ำขึ้นให้รีบตัก...เพราะมันเป็นของชอบด้วยว่ะ
เงินไม่เข้าใครออกใไว้ก่อน “ห้องสินธร”สอนไว้
หุหุ...ยุคนี้พ่อค้าแม่ขายบางรายนอกจากชอบหวย
...หลายคนยังหันมาจับคอมเล่นหุ้นด้วยแหละ
เพราะยุคนี้เป็นยุคทองของพ่อค้าแม่ขายอาหาร

แต่....ทั้งหลายทั้งปวง
///ไม่ว่าอาหารจานด่วนหรือจานสั่ง...ในบางร้านหรือหลายๆร้าน
จะขึ้นมามากเกินราคาวัตถุดิบ เกินความจริง...ในหลายๆท้องที่
หรือไม่ว่า “จะเกิดเพราะต้นเหตุอันใด”
ย่อมเป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องเข้ามาดูแลและควบคุมในส่วนนี้อย่างจริงจัง///
เพราะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องรับผิดชอบโดยตาง...จริงไหม

(ตัวเลขทั้งหมดไม่อาจตรงกันแด๊กๆ...แต่ใกล้เคียงกันมาก โดยยึด % เฉลี่ยเป็นที่ตั้ง)
ที่สำคัญ....กระทู้นี้เพื่อเบรคร้านอาหารบางร้านที่คิดจะฉวยโอกาสขึ้นราคากันอีก
“ประชาชนทั้งทำงานออฟฟิท-คนที่ใช้แรงงาน-คนตกงานคอตก และอาชีพอื่นๆ
ในอนาคตอันใกล้....จะได้ไม่ต้องกินข้าวริมทางจานละ 50-60 บาท
...เหอะๆ แพงฉิบบ๋งเลยนะขอบอก”

ฉะนั้นกระทู้นี้ เพื่อคนส่วนใหญ่
และคนส่วนใหญ่ร้อยละ 90....คงไม่มีใครเสียผลประโยชน์
ฉะนั้นถูกผิดเล็กน้อย ต้องขออภัยนะครับ

ที่ลืมไม่ได้คือ...ชาวหุ้น
ฝากให้เป็นของขวัญพิเศษ...
...ในยามหุ้นตกต้องแวะกินข้าวแกงริมทาง...55555
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่