คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 36
เอาจากกระทู้เก่าแล้วกัน เผื่อคนยังไม่เห็น เริ่มจาก ระเบียบของกลาโหม
เรามาดูกันว่าแต่ละวัน ทหารหนึ่งคนหนึ่งวันควรจะได้กินอาหารเท่าไหร่
จากรูปจะเห็นนะครับว่าแต่ละวันทหารควรได้รับอาหารดังนี้ (เอาตัวเลขสูงสุดเลยนะ)
ข้าว 800 กรัม
เนื้อ 200 กรัม (หรือโปรตีนอื่นๆ)
ผัก 600 กรัม
น้ำมันหมู 25-30 กรัม
เครื่องปรุง
คราวนี้เราลองมาเช็กราคาวัตถุดิบกัน ราคาผักมาจากตลาดไท ราคาเนื้อ และข้าว มาจากกรมการค้าภายใน
สมมติเราจะทำอาหารสักอย่างที่ได้สารอาหารตามกำหนดของกลาโหม เรามาดูว่าต้นทุนต่อวันจะเป็นเท่าไหร่
ข้าว 800 กรัม 9.44 บาท
เนื้อแดงหมู 200 กรัม 20.90 บาท
ผักเอาที่แพงที่สุด
แขนงคะน้า 600 กรัม 24.00 บาท
รวม 54.34 บาท
เอาล่ะราคานี้เกินงบไปหน่อย เปลี่ยนผักให้ถูกลงเอาเป็นถั่วฝักยาวละกัน 12 บาท
รวมแล้ว 44.34 บาท
ลองดูราคาวัตถุดิบได้เลยครับที่ผมเอามาลง หรือจะไปเช็กเองก็ได้ที่เวบกรมการค้าภายใน
จะเห็นว่าเราสามารถทำอาหารได้ ในปริมาณตามที่กำหนด ภายในงบประมาณด้วย
ผมไม่ได้ลืมค่าเครื่องปรุงและแก๊สนะครับ บวกเพิ่มจากราคาวัตถุดิบไปอีก 15%-20% ก็แล้วกัน
จากตัวเลขจะเห็นว่าเหตุผลที่ว่างบมื้อละ 18 บาทนั้นไม่เพียงพอ มันไม่มีน้ำหนักสักเท่าไหร่ นอกจากว่าจะหาซื้อวัตถุดิบในราคาที่สูงมากกว่าราคาตลาด ซึ่งผมเชื่อว่าการที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ซื้อของประจำ ควรจะมีอำนาจต่อรองที่สูงกว่าชาวบ้านร้านตลาดทั่วไป
สรุป ถ้าทำไม่ได้ ก็เอาเงินแจกให้พลทหารหากินเอง หรือไปจ้างเอกชนมาจัด Catering ให้ดีกว่าครับ
เรามาดูกันว่าแต่ละวัน ทหารหนึ่งคนหนึ่งวันควรจะได้กินอาหารเท่าไหร่
จากรูปจะเห็นนะครับว่าแต่ละวันทหารควรได้รับอาหารดังนี้ (เอาตัวเลขสูงสุดเลยนะ)
ข้าว 800 กรัม
เนื้อ 200 กรัม (หรือโปรตีนอื่นๆ)
ผัก 600 กรัม
น้ำมันหมู 25-30 กรัม
เครื่องปรุง
คราวนี้เราลองมาเช็กราคาวัตถุดิบกัน ราคาผักมาจากตลาดไท ราคาเนื้อ และข้าว มาจากกรมการค้าภายใน
สมมติเราจะทำอาหารสักอย่างที่ได้สารอาหารตามกำหนดของกลาโหม เรามาดูว่าต้นทุนต่อวันจะเป็นเท่าไหร่
ข้าว 800 กรัม 9.44 บาท
เนื้อแดงหมู 200 กรัม 20.90 บาท
ผักเอาที่แพงที่สุด
แขนงคะน้า 600 กรัม 24.00 บาท
รวม 54.34 บาท
เอาล่ะราคานี้เกินงบไปหน่อย เปลี่ยนผักให้ถูกลงเอาเป็นถั่วฝักยาวละกัน 12 บาท
รวมแล้ว 44.34 บาท
ลองดูราคาวัตถุดิบได้เลยครับที่ผมเอามาลง หรือจะไปเช็กเองก็ได้ที่เวบกรมการค้าภายใน
จะเห็นว่าเราสามารถทำอาหารได้ ในปริมาณตามที่กำหนด ภายในงบประมาณด้วย
ผมไม่ได้ลืมค่าเครื่องปรุงและแก๊สนะครับ บวกเพิ่มจากราคาวัตถุดิบไปอีก 15%-20% ก็แล้วกัน
จากตัวเลขจะเห็นว่าเหตุผลที่ว่างบมื้อละ 18 บาทนั้นไม่เพียงพอ มันไม่มีน้ำหนักสักเท่าไหร่ นอกจากว่าจะหาซื้อวัตถุดิบในราคาที่สูงมากกว่าราคาตลาด ซึ่งผมเชื่อว่าการที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ซื้อของประจำ ควรจะมีอำนาจต่อรองที่สูงกว่าชาวบ้านร้านตลาดทั่วไป
สรุป ถ้าทำไม่ได้ ก็เอาเงินแจกให้พลทหารหากินเอง หรือไปจ้างเอกชนมาจัด Catering ให้ดีกว่าครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
จขกท. ฝังใจกับอาหารอร่อย ๆ ในค่ายมาก จนเอามาตั้งกระทู้ 3 กระทู้แล้ว
แถมยังเอาข้าวแกงคุณป้านอกค่ายจานละ 20 บาท มาโชว์ จนผมอยากกินซะแล้วนี่
ผมขอเล่าเรื่อง อาหารในเรือรบ ให้อ่านกันอีกครั้ง (ขอโทษที่บ่อยหน่อยนะครับ)
ทุกอย่างอยู่ที่ความตั้งใจครับ ตัดมื้อละ 18 บาท ก็อร่อยได้ หากจะทำจริง ๆ
พลทหาร ทร. ที่ลงเรือทุกคนจะได้กินแบบนี้ เพราะอาหารในเรือรบนั้นจะเหมือนกันตั้งแต่พลทหาร ยัน ผู้บังคับการเรือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แถมยังเอาข้าวแกงคุณป้านอกค่ายจานละ 20 บาท มาโชว์ จนผมอยากกินซะแล้วนี่
ผมขอเล่าเรื่อง อาหารในเรือรบ ให้อ่านกันอีกครั้ง (ขอโทษที่บ่อยหน่อยนะครับ)
ทุกอย่างอยู่ที่ความตั้งใจครับ ตัดมื้อละ 18 บาท ก็อร่อยได้ หากจะทำจริง ๆ
พลทหาร ทร. ที่ลงเรือทุกคนจะได้กินแบบนี้ เพราะอาหารในเรือรบนั้นจะเหมือนกันตั้งแต่พลทหาร ยัน ผู้บังคับการเรือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความคิดเห็นที่ 4
ทำงานก็หนัก ประเทศชาติเกิดวิกฤตอะไรทหารชั้นผู้น้อยไปช่วยทั้งนั้น กะอีแค่อาหารอะ ทำให้เค้ากินดีๆไม่ได้หรอ อะไรจะประหยัดขนาดนั้น เกินไปมั๊ย ขนาดโรฮิงญายังได้กินดีกว่านี้เลย ทหารยศใหญ่ๆเห็นพาลูกเมียไปกินโรงแรมหรูๆ อันนี้ไม่ได้เรียกฝึกความอดทนหรอก มันคือการเอาเปรียบ เอางบมาอ้างมากกว่า จะให้เค้าไปรบไปยิงใครเสื้อเกราะยังไม่มี บ้าไปแล้ว
ความคิดเห็นที่ 35
เรื่องนี้น่าเป็ห่วงกว่าเรื่ออาหารครับ
http://ppantip.com/topic/34382712
ครูฝึกทหารใหม่รวม ๑๐ นาย ลงโทษซ้อมทรมานพลทหารเกณฑ์ป.โทจนเสียชีวิต กองทัพบกต้องชดเชยสินไหมทดแทนคดีแพ่งกว่า ๗ ล้านบาท
หลังจากรายการสปริงรีพอร์ต ได้นำเสนอเรื่องราวเหตุการณ์ตอนซ้อมพลทหารใหม่ ซึ่งออกอากาศเมื่อวันอังคารที่ ๒๗ เดือนตุลาคม ๒๕๕๘ เวลา ๒๑.๑๐ น.เป็นต้นไป ทางช่องสปริงนิวส์ ไปแล้วนั้น
สามารถกดชมโปรโมทไตเติ้ลรายการสปริงรีพอร์ต ตอน ซ้อมทรมานพลทหารใหม่ ได้จากลิงก์https://www.facebook.com/577088152399483/videos/861365303971765/ นี้ และสามารถชมเทปเต็มของรายการสปริงรีพอร์ต ตอน ซ้อมทรมานพลทหารใหม่ ได้จากลิงก์ http://www.springnews.co.th/program/documentary/springreport/249093 นี้ ซึ่งยังสามารถติดตามชมรีรันในวันเสาร์ที่ ๓๑ ตุลาคมนี้ เวลา ๒๐.๐๐ - ๒๑.๐๐ น. และวันอาทิตย์ที่ ๑ พฤศจิกายนนี้ เวลา ๑๖.๐๐ - ๑๗.๐๐ น. ทางสถานีข่าวสปริงนิวส์ ดิจิตอลทีวีช่อง ๑๙ รวมถึงสามารถทราบข้อเท็จจริงรายละเอียดได้ปรากฎในรายการคุยกับแพะ ตอน ทารุณกรรมในค่ายทหาร ออกอากาศเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ระหว่างช่วงเวลา ๒๑.๓๐ - ๒๒.๓๐ น. ตามลิงก์http://youtu.be/PuW4RZShmg0 นี้
กระทู้นี้ตั้งขึ้นมาเพื่อต้องการนำเสนอและแชร์ข้อเท็จจริงความรุนแรงในค่ายทหารอีกด้านหนึ่งที่ถูกปกปิดซ่อนเล้นอยู่ ให้เกิดการแก้ไขเปลี่ยนแปลง และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก เพราะหากตราบใดที่ประชาชนยังไม่รู้สิทธิในเรื่องนี้ การละเมิดสิทธิมนุษยชนในลักษณะนี้ก็ยังคงที่จะเกิดขึ้นได้อีกเสมอ
โดยวัตถุประสงค์ของการขอนำเสนอไม่ได้ต้องการโจมตีหรือทำให้หน่วยงานของรัฐเสื่อมเสียงชื่อเสียงแต่ประการใด แต่เพื่อให้ประชาชนในสังคมไทยได้รับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และเป็นกรณีตัวอย่างให้กับผู้ที่ถูกละเมิด หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมกล้าที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรมให้กับตนเองต่อไป
สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องการให้สังคมมีส่วนรู้เห็น เพื่อมีส่วนร่วมในการป้องกันเหตุการณ์ไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำรอยได้อีก โดยนำเสนอข่าวเพื่อสะท้อนให้กับสังคมได้ทราบถึงเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชนในสังคมช่วยกันเป็นหูเป็นตา เพราะตราบใดที่สังคม โดยเฉพาะบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นทหารกองประจำการ ผลัดต่างๆ ของแต่ละประจำปียังไม่ทราบสิทธิของตน ที่ทางต้นสังกัด คือ กองทัพบก มีคำสั่งออกเป็นหนังสือระบุชัดเจนเรื่องการฝึกทหารใหม่ แต่ละรุ่นปีแต่ละผลัด ระบุไว้ชัดเจนว่า ห้ามปรับปรุงทหารใหม่จนเกินกว่าเหตุ ห้ามถูกเนื้อต้องตัวทหาร ห้ามทำร้ายร่างกาย ห้ามถือไม้เรียวโดยเด็ดขาด เน้นกำลังให้ฝึกตามระเบียบของหน่วยเหนืออย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนจะลงโทษสถานหนัก เพราะเป็นการฝ่าฝืนนโยบายของผู้บังคับบัญชา รวมทั้งให้ดูแลทหารใหม่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้มาโดยตลอด
แต่ท้ายสุดก็เกิดเหตุขึ้นกับพลทหารวิเชียร เผือกสมแม้จะมีคำสั่งเข้มงวดเรื่องการฝึกทหารใหม่ข้างต้นแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเกิดการลงโทษของครูฝึกทหารใหม่ที่ซ้อมทรมานพลทหารเกณฑ์จนเสียชีวิตเกิดขึ้น
และบัดนี้ก็เป็นเวลา ๔ ปีกว่าแล้วที่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตยังคงต้องต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนในครอบครัวที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับลำแข้งของครูฝึกทหารร่วม ๑๐ นาย ในกรณีที่พลทหารวิเชียร เผือกสม ทหารเกณฑ์ สังกัดกองพลพัฒนาที่ ๔ ค่ายนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ผู้มีศักดิ์เป็นน้าชาย ซึ่งถูกรุมทำร้ายร่างกาย โดยครูฝึกทหารใหม่จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๔
เรื่องราวเหล่านี้ยังคงเด่นชัดอยู่ในความทรงจำของคนในครอบครัวได้เป็นอย่างดี หน้ำซ้ำครูฝึกทหารใหม่ที่กระทำต่อพลทหารวิเชียร เผือกสม ยังคงลอยนวลไม่ถูกลงโทษทางอาญาตามความผิดที่ได้กระทำ บางนายยังคงเป็นครูฝึกทหารใหม่ บางนายปลดประจำการแล้ว และบางนายได้เลื่อนชั้นยศที่สูงขึ้น คือร้อยโท ซึ่งมีพ่อเป็นพลตรี **เพราะยังต้องรอกระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอนของกฎหมายไทย**
ทั้งนี้จึงตั้งกระทู้ขึ้นมาก็เพื่อปกป้องสิทธิให้กับคนอื่น โดยไม่ต้องการให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับใครอีก เพราะการลงโทษโดยทำร้ายร่างกายด้วยวิธีการทารุณโหดร้าย นอกจากจะเป็นความผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่งแล้ว ยังเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒๕๔๐ มาตรา ๓๒ ว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายของบุคคล และละเมิดอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติ หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีและมีพันธกรณีให้ปฏิบัติตามอนุสัญญาฯดังกล่าวด้วย
ข้อเท็จจริงตามเอกสารหนังสือรายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกองทัพภาคที่ ๔ ที่ กห ๐๔๔๘/๒๔๖๓ ฉบับลงวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ มีดังนี้
พลทหารวิเชียร เผือกสม ได้ลาสิขาบทมาเมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ และได้สมัครเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ผลัดที่ ๑/๕๔ เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ แต่ในวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ พลทหารวิเชียร เผือกสม กลับถูกครูฝึกทหารลงโทษรุมทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมทารุณจนได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุเพราะหลบหนีจากหน่วยฝึก ๒ ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔ และได้ตัวกลับมาในวันเดียวกัน ครั้งที่ ๒ เมื่อ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ทางหน่วยฝึกได้ไปรับตัวกลับหน่วยเมื่อ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ ก่อนเที่ยง ร้อยตรีให้การว่าได้ตบหน้าพลทหารวิเชียรฯ ๒ ครั้ง เพื่อเตือนสติให้สำนึกที่หลบหนี ให้กินพริกสดจำนวน ๓-๔ เม็ด เพื่อทำโทษและให้กินข้าวเปล่าจำนวน ๑ จาน ประมาณ ๑๒.๔๐ น. ได้สั่งให้พลทหารผู้ช่วยครูฝึก ๒ นาย นำพลทหารวิเชียรฯ ไปบริเวณหลังหน่วยฝึกหน้าห้องน้ำเพื่อปรับปรุงวินัย โดยให้ออกกำลังท่ากายบริหาร เช่น ท่ากระโดดกบ แองการู ท่ายุบสะโพก ฯลฯ โดยในครั้งแรกให้สวมใส่ชุดทหารใหม่และต่อมาให้ถอดเสื้อผ้าออกคงเหลือกางเกงในเพียงตัวเดียว โดยมีร้อยตรีนั่งกำกับอยู่ด้วย จากนั้นได้พาไปพบร้อยโทผู้ฝึกที่หน้าหน่วยฝึก ร้อยโทผู้ฝึกได้มีการว่ากล่าวพลทหารวิเชียรฯ และได้สั่งให้พาไปด้านหลังหน่วยฝึกเพื่อปรับปรุงวินัยต่อ มีผู้ให้การหลายรายยืนยันว่า ได้เห็นพลทหารผู้ช่วยครูจับขาพลวิเชียรฯ คนละข้างลากไปกับพื้นปูนบริเวณที่รวมพลหน้าหน่วยฝึกประมาณ ๒-๓ เมตร พลทหารวิเชียรฯ ได้ร้องด้วยความเจ็บปวด
ต่อจากนั้นได้พาไปปรับปรุงวินัยที่เดิม ซึ่งขณะนั้นร้อยตรีอีกนายได้เข้ามาพบเห็นพลทหารผู้ช่วยครูได้รุมกันใช้เท้าเตะกระทืบที่ขาและลำตัวของพลทหารวิเชียรฯ ซึ่งขณะนั้นร้อยตรีที่ถูกกล่าวหาได้กำกับอยู่ โดยสั่งให้ตัดกำลังขาอย่าไปทำอะไรส่วนบน ต่อจากนั้นได้ใช้เกลือทาบริเวณแผลและใช้เท้าเหยียบขึ้นไปที่หน้าอก หลังจากใช้เวลาซ่อมประมาณ ๒ ชั่วโมง ได้นำตัวพลทหารวิเชียรฯ ไปอาบน้ำและพาไปที่ห้องพยาบาล เพื่อทายารอยแผลขีดข่วนและให้นอนพักบนเตียงผ้าใบในห้องพยาบาล ขณะนั้นมีครูทหารใหม่และผู้ช่วยครูหลายนาย ซึ่งที่ห้องพยาบาลนั้นจ่าสิบเอกให้การว่า เห็นพลวิเชียรวิเชียรฯ ถูกสิบเอก ๓ นาย และสิบโท ๒ นายสลับกันรุมเตะด้วยหัวรองเท้าคอมแบค โดยมีร้อยตรีผู้ช่วยผู้ฝึก นั่งอยู่ที่เตียงพยาบาล
เวลาประมาณ ๑๗.๔๕ น. สิบเอกได้เรียกรวมพลทั้งหมดเพื่อไปรับประทานอาหารเย็น โดยสิบเอกอีกนายได้เรียกทหารใหม่ประมาณ ๕-๖ นาย ให้แบกพลทหารวิเชียรฯจากห้องพยาบาลไปยังโรงเลี้ยง โดยใช้ผ้าขาวห่อตัวเหลือแต่ใบหน้าพร้อมมัดตราสังข์ในลักษณะเหมือนศพ พร้อมตั้งขบวนแห่และพูดไว้อาลัยเหมือนกับการแห่ศพ และที่โรงเลี้ยงมีพยานยืนยันว่า เห็นพลทหารวิเชียรฯ ถูกสั่งให้นั่งกินข้าวบนก้อนน้ำแข็งประมาณ ๑๐ นาที โดยให้นั่งท่าขัดสมาธิ ก้นสัมผัสผิวน้ำแข็งประมาณ ๑ ใน ๓ และสวมกางเกงในตัวเดียว และร้อยโทผู้ฝึกได้เดินมาที่พลทหารวิเชียรฯ ร้อยตรีผู้ช่วยครูฝึกได้บอกให้เอาน้ำแข็งประคบ เพื่อบาดแผลจะได้หายเร็วขึ้นและได้ให้รับประทานกระเทียมประมาณ ๓–๔ กลีบ ต่อมาสิบเอกได้นำกำลังพลชุดเดิมแบกพลทหารวิเชียรฯ กลับมาวางด้านหน้าหน่วยฝึกและมีก้อนน้ำแข็งวางทับบนหน้าอก ที่หน้าหน่วยฝึก
เวลาประมาณ ๑๘.๔๕ น. สิบเอกได้สั่งให้พลทหารวิเชียรฯ หมอบ-ลุก เมื่อเห็นว่า ทำช้าไม่เป็นที่พอใจจึงได้ไม้ไผ่ขนาดเท่านิ้วชี้ตีที่บริเวณลำตัว แผ่นหลัง ก้น ขาจนถึงปลายเท้า และใช้เท้าเตะบริเวณชายโครง หน้าอก และกระทืบไปที่ท้ายทอยเป็นเหตุให้คางกระทบกับพื้นเป็นแผลแตกขนาดปลายนิ้วก้อย ใช้เท้าเตะไปที่บริเวณใบหน้าเป็นเหตุให้มีเลือดออกจากปากแล้วพลทหารวิเชียรฯ ได้ก้มลงกราบพร้อมร้องบอกว่า "ผมเจ็บและจะไม่ทำอีกแล้ว" แต่สิบเอกก็ยังไม่หยุดกระทำ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดสลับกับการถูกเตะและกระทืบดังมากจนทำให้ร้อยโทผู้ฝึกได้ชะโงกมาจากชั้นบนของอาคารหน่วยฝึก พร้อมสั่งให้ร้อยตรีผู้ช่วยผู้ฝึกอย่าทำให้แรงเกินไปนัก สิบเอกจึงได้ย้ายสถานที่ซ่อมไปด้านข้างของแถว ยังคงใช้ไม้ตีสลับกับการเตะเหมือนเดิมจนกระทั่งร้อยตรีอีกนายได้เข้ามาแย่งไม้ในมือสิบเอกทิ้งอีกครั้ง สิบเอกได้พูดว่า "ไม่มีไม้ใช้มือใช้เท้าแทนก็ได้" และได้ประกาศท้าทายให้ไปฟ้อง ผบ.ทบ.ต่อหน้ากำลังทหารใหม่ประมาน ๒๐๐ นาย
จนเวลา ๒๓.๐๐ น. ร้อยตรีได้พาพลทหารวิเชียรฯ ไปคุยต่อจนถึงเวลา ๐๑.๐๐ น.เศษ ได้สั่งให้พลทหารวิเชียรฯ ขึ้นโรงนอน ต่อมาวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๔ มีพยานหลายคนเห็น พลทหารวิเชียรฯ นอนพักอยู่ในห้องพยาบาลบริเวณร่างกายและขามีรอยช้ำบวมหลายแห่งใต้คางมีแผลลึกมีน้ำเหลืองไหลย้อยรอบปากปรากฏคราบเลือด พยานบางคนได้ถามอาการเจ็บป่วยได้รับคำตอบว่า เจ็บปวดไปทั่วร่างกาย ได้ร้องขอให้นำตัวไปส่งโรงพยาบาลเนื่องจากทนความเจ็บปวดไม่ไหว ถึงขั้นมีการสั่งเสียกับเพื่อนพลทหารด้วยกันว่า หากเสียชีวิตลงให้ช่วยแจ้งกับมารดาด้วย แต่ไม่มีผู้ใดสนใจและดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น
กระทั่งวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ จึงได้ส่งตัวไปโรงพยาบาลเจาะไอร้อง ทางโรงพยาบาลเห็นพลทหารวิเชียรฯ มีอาการหนักเกินขีดความสามารถของแพทย์ที่จะรักษาเยียวยาได้ จึงส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ต่อทันที และหน่วยได้สั่งให้ร้อยตรีที่ไม่ได้ร่วมกระทำไปดูอาการของพลทหารวิเชียรฯ
ในวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๔ เห็นพลทหารวิเชียรฯ อยู่ในห้องไอซียูพร้อมญาติ บริเวณทั่วทั้งลำตัวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ามีแต่บาดแผลและรอยช้ำบวม สอบถามแพทย์ได้รับคำตอบว่า ชีพจรต่ำมาก การตอบสนองของร่างกายไม่มี อาการอยู่ในขั้นโคม่า ท้ายสุดเมื่อวันที่ ๕ เดือนมิถุนายน ๒๕๕๔ เวลา ๒๓.๐๕ น. ณ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ จังหวัดนราธิวาส พลทหารวิเชียร เผือกสม ต้องจบชีวิตด้วยวัยเพียง ๒๖ ปีเท่านั้น โดยที่สาเหตุการตายมาจากไตวายเฉียบพลันจากกล้ามเนื้อได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจากการถูกรุมซ้อมทำรายร่างกายโดยฝีมือของครูฝึกในหน่วยฝึกของค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในสังกัด ร.๑๕๑ พัน.๓ ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส
สภาพศพของพลทหารวิเชียร เผือกสม ถ่ายเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๔ เวลาประมาณ ๒๑.๕๐ น. หลังเสียชีวิตเพียง ๒๓ ชั่วโมง ซึ่งถูกครูฝึกทหารใหม่จำนวน ๑๐ นาย ตั้งแต่ยศร้อยโท ร้อยตรี จ่าสิบเอก สิบเอก และพลทหารผู้ช่วยครูฝึกลงโทษซ้อมทรมานตามรายเอียดข้างต้นที่กล่าวไว้ เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๔ เวลา ๒๓.๑๕ น. **ส่วนปี ค.ศ.ในภาพต้องเป็น ๒๐๑๑ ซึ่งคือ พ.ศ.๒๕๕๔ กล้องถ่ายรูปตั้งเวลาผิดค่ะ
http://ppantip.com/topic/34382712
ครูฝึกทหารใหม่รวม ๑๐ นาย ลงโทษซ้อมทรมานพลทหารเกณฑ์ป.โทจนเสียชีวิต กองทัพบกต้องชดเชยสินไหมทดแทนคดีแพ่งกว่า ๗ ล้านบาท
หลังจากรายการสปริงรีพอร์ต ได้นำเสนอเรื่องราวเหตุการณ์ตอนซ้อมพลทหารใหม่ ซึ่งออกอากาศเมื่อวันอังคารที่ ๒๗ เดือนตุลาคม ๒๕๕๘ เวลา ๒๑.๑๐ น.เป็นต้นไป ทางช่องสปริงนิวส์ ไปแล้วนั้น
สามารถกดชมโปรโมทไตเติ้ลรายการสปริงรีพอร์ต ตอน ซ้อมทรมานพลทหารใหม่ ได้จากลิงก์https://www.facebook.com/577088152399483/videos/861365303971765/ นี้ และสามารถชมเทปเต็มของรายการสปริงรีพอร์ต ตอน ซ้อมทรมานพลทหารใหม่ ได้จากลิงก์ http://www.springnews.co.th/program/documentary/springreport/249093 นี้ ซึ่งยังสามารถติดตามชมรีรันในวันเสาร์ที่ ๓๑ ตุลาคมนี้ เวลา ๒๐.๐๐ - ๒๑.๐๐ น. และวันอาทิตย์ที่ ๑ พฤศจิกายนนี้ เวลา ๑๖.๐๐ - ๑๗.๐๐ น. ทางสถานีข่าวสปริงนิวส์ ดิจิตอลทีวีช่อง ๑๙ รวมถึงสามารถทราบข้อเท็จจริงรายละเอียดได้ปรากฎในรายการคุยกับแพะ ตอน ทารุณกรรมในค่ายทหาร ออกอากาศเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ระหว่างช่วงเวลา ๒๑.๓๐ - ๒๒.๓๐ น. ตามลิงก์http://youtu.be/PuW4RZShmg0 นี้
กระทู้นี้ตั้งขึ้นมาเพื่อต้องการนำเสนอและแชร์ข้อเท็จจริงความรุนแรงในค่ายทหารอีกด้านหนึ่งที่ถูกปกปิดซ่อนเล้นอยู่ ให้เกิดการแก้ไขเปลี่ยนแปลง และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก เพราะหากตราบใดที่ประชาชนยังไม่รู้สิทธิในเรื่องนี้ การละเมิดสิทธิมนุษยชนในลักษณะนี้ก็ยังคงที่จะเกิดขึ้นได้อีกเสมอ
โดยวัตถุประสงค์ของการขอนำเสนอไม่ได้ต้องการโจมตีหรือทำให้หน่วยงานของรัฐเสื่อมเสียงชื่อเสียงแต่ประการใด แต่เพื่อให้ประชาชนในสังคมไทยได้รับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และเป็นกรณีตัวอย่างให้กับผู้ที่ถูกละเมิด หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมกล้าที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรมให้กับตนเองต่อไป
สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องการให้สังคมมีส่วนรู้เห็น เพื่อมีส่วนร่วมในการป้องกันเหตุการณ์ไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำรอยได้อีก โดยนำเสนอข่าวเพื่อสะท้อนให้กับสังคมได้ทราบถึงเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชนในสังคมช่วยกันเป็นหูเป็นตา เพราะตราบใดที่สังคม โดยเฉพาะบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นทหารกองประจำการ ผลัดต่างๆ ของแต่ละประจำปียังไม่ทราบสิทธิของตน ที่ทางต้นสังกัด คือ กองทัพบก มีคำสั่งออกเป็นหนังสือระบุชัดเจนเรื่องการฝึกทหารใหม่ แต่ละรุ่นปีแต่ละผลัด ระบุไว้ชัดเจนว่า ห้ามปรับปรุงทหารใหม่จนเกินกว่าเหตุ ห้ามถูกเนื้อต้องตัวทหาร ห้ามทำร้ายร่างกาย ห้ามถือไม้เรียวโดยเด็ดขาด เน้นกำลังให้ฝึกตามระเบียบของหน่วยเหนืออย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนจะลงโทษสถานหนัก เพราะเป็นการฝ่าฝืนนโยบายของผู้บังคับบัญชา รวมทั้งให้ดูแลทหารใหม่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้มาโดยตลอด
แต่ท้ายสุดก็เกิดเหตุขึ้นกับพลทหารวิเชียร เผือกสมแม้จะมีคำสั่งเข้มงวดเรื่องการฝึกทหารใหม่ข้างต้นแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเกิดการลงโทษของครูฝึกทหารใหม่ที่ซ้อมทรมานพลทหารเกณฑ์จนเสียชีวิตเกิดขึ้น
และบัดนี้ก็เป็นเวลา ๔ ปีกว่าแล้วที่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตยังคงต้องต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนในครอบครัวที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับลำแข้งของครูฝึกทหารร่วม ๑๐ นาย ในกรณีที่พลทหารวิเชียร เผือกสม ทหารเกณฑ์ สังกัดกองพลพัฒนาที่ ๔ ค่ายนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ผู้มีศักดิ์เป็นน้าชาย ซึ่งถูกรุมทำร้ายร่างกาย โดยครูฝึกทหารใหม่จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๔
เรื่องราวเหล่านี้ยังคงเด่นชัดอยู่ในความทรงจำของคนในครอบครัวได้เป็นอย่างดี หน้ำซ้ำครูฝึกทหารใหม่ที่กระทำต่อพลทหารวิเชียร เผือกสม ยังคงลอยนวลไม่ถูกลงโทษทางอาญาตามความผิดที่ได้กระทำ บางนายยังคงเป็นครูฝึกทหารใหม่ บางนายปลดประจำการแล้ว และบางนายได้เลื่อนชั้นยศที่สูงขึ้น คือร้อยโท ซึ่งมีพ่อเป็นพลตรี **เพราะยังต้องรอกระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอนของกฎหมายไทย**
ทั้งนี้จึงตั้งกระทู้ขึ้นมาก็เพื่อปกป้องสิทธิให้กับคนอื่น โดยไม่ต้องการให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับใครอีก เพราะการลงโทษโดยทำร้ายร่างกายด้วยวิธีการทารุณโหดร้าย นอกจากจะเป็นความผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่งแล้ว ยังเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒๕๔๐ มาตรา ๓๒ ว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายของบุคคล และละเมิดอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติ หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีและมีพันธกรณีให้ปฏิบัติตามอนุสัญญาฯดังกล่าวด้วย
ข้อเท็จจริงตามเอกสารหนังสือรายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกองทัพภาคที่ ๔ ที่ กห ๐๔๔๘/๒๔๖๓ ฉบับลงวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ มีดังนี้
พลทหารวิเชียร เผือกสม ได้ลาสิขาบทมาเมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ และได้สมัครเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ผลัดที่ ๑/๕๔ เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ แต่ในวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ พลทหารวิเชียร เผือกสม กลับถูกครูฝึกทหารลงโทษรุมทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมทารุณจนได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุเพราะหลบหนีจากหน่วยฝึก ๒ ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔ และได้ตัวกลับมาในวันเดียวกัน ครั้งที่ ๒ เมื่อ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ทางหน่วยฝึกได้ไปรับตัวกลับหน่วยเมื่อ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ ก่อนเที่ยง ร้อยตรีให้การว่าได้ตบหน้าพลทหารวิเชียรฯ ๒ ครั้ง เพื่อเตือนสติให้สำนึกที่หลบหนี ให้กินพริกสดจำนวน ๓-๔ เม็ด เพื่อทำโทษและให้กินข้าวเปล่าจำนวน ๑ จาน ประมาณ ๑๒.๔๐ น. ได้สั่งให้พลทหารผู้ช่วยครูฝึก ๒ นาย นำพลทหารวิเชียรฯ ไปบริเวณหลังหน่วยฝึกหน้าห้องน้ำเพื่อปรับปรุงวินัย โดยให้ออกกำลังท่ากายบริหาร เช่น ท่ากระโดดกบ แองการู ท่ายุบสะโพก ฯลฯ โดยในครั้งแรกให้สวมใส่ชุดทหารใหม่และต่อมาให้ถอดเสื้อผ้าออกคงเหลือกางเกงในเพียงตัวเดียว โดยมีร้อยตรีนั่งกำกับอยู่ด้วย จากนั้นได้พาไปพบร้อยโทผู้ฝึกที่หน้าหน่วยฝึก ร้อยโทผู้ฝึกได้มีการว่ากล่าวพลทหารวิเชียรฯ และได้สั่งให้พาไปด้านหลังหน่วยฝึกเพื่อปรับปรุงวินัยต่อ มีผู้ให้การหลายรายยืนยันว่า ได้เห็นพลทหารผู้ช่วยครูจับขาพลวิเชียรฯ คนละข้างลากไปกับพื้นปูนบริเวณที่รวมพลหน้าหน่วยฝึกประมาณ ๒-๓ เมตร พลทหารวิเชียรฯ ได้ร้องด้วยความเจ็บปวด
ต่อจากนั้นได้พาไปปรับปรุงวินัยที่เดิม ซึ่งขณะนั้นร้อยตรีอีกนายได้เข้ามาพบเห็นพลทหารผู้ช่วยครูได้รุมกันใช้เท้าเตะกระทืบที่ขาและลำตัวของพลทหารวิเชียรฯ ซึ่งขณะนั้นร้อยตรีที่ถูกกล่าวหาได้กำกับอยู่ โดยสั่งให้ตัดกำลังขาอย่าไปทำอะไรส่วนบน ต่อจากนั้นได้ใช้เกลือทาบริเวณแผลและใช้เท้าเหยียบขึ้นไปที่หน้าอก หลังจากใช้เวลาซ่อมประมาณ ๒ ชั่วโมง ได้นำตัวพลทหารวิเชียรฯ ไปอาบน้ำและพาไปที่ห้องพยาบาล เพื่อทายารอยแผลขีดข่วนและให้นอนพักบนเตียงผ้าใบในห้องพยาบาล ขณะนั้นมีครูทหารใหม่และผู้ช่วยครูหลายนาย ซึ่งที่ห้องพยาบาลนั้นจ่าสิบเอกให้การว่า เห็นพลวิเชียรวิเชียรฯ ถูกสิบเอก ๓ นาย และสิบโท ๒ นายสลับกันรุมเตะด้วยหัวรองเท้าคอมแบค โดยมีร้อยตรีผู้ช่วยผู้ฝึก นั่งอยู่ที่เตียงพยาบาล
เวลาประมาณ ๑๗.๔๕ น. สิบเอกได้เรียกรวมพลทั้งหมดเพื่อไปรับประทานอาหารเย็น โดยสิบเอกอีกนายได้เรียกทหารใหม่ประมาณ ๕-๖ นาย ให้แบกพลทหารวิเชียรฯจากห้องพยาบาลไปยังโรงเลี้ยง โดยใช้ผ้าขาวห่อตัวเหลือแต่ใบหน้าพร้อมมัดตราสังข์ในลักษณะเหมือนศพ พร้อมตั้งขบวนแห่และพูดไว้อาลัยเหมือนกับการแห่ศพ และที่โรงเลี้ยงมีพยานยืนยันว่า เห็นพลทหารวิเชียรฯ ถูกสั่งให้นั่งกินข้าวบนก้อนน้ำแข็งประมาณ ๑๐ นาที โดยให้นั่งท่าขัดสมาธิ ก้นสัมผัสผิวน้ำแข็งประมาณ ๑ ใน ๓ และสวมกางเกงในตัวเดียว และร้อยโทผู้ฝึกได้เดินมาที่พลทหารวิเชียรฯ ร้อยตรีผู้ช่วยครูฝึกได้บอกให้เอาน้ำแข็งประคบ เพื่อบาดแผลจะได้หายเร็วขึ้นและได้ให้รับประทานกระเทียมประมาณ ๓–๔ กลีบ ต่อมาสิบเอกได้นำกำลังพลชุดเดิมแบกพลทหารวิเชียรฯ กลับมาวางด้านหน้าหน่วยฝึกและมีก้อนน้ำแข็งวางทับบนหน้าอก ที่หน้าหน่วยฝึก
เวลาประมาณ ๑๘.๔๕ น. สิบเอกได้สั่งให้พลทหารวิเชียรฯ หมอบ-ลุก เมื่อเห็นว่า ทำช้าไม่เป็นที่พอใจจึงได้ไม้ไผ่ขนาดเท่านิ้วชี้ตีที่บริเวณลำตัว แผ่นหลัง ก้น ขาจนถึงปลายเท้า และใช้เท้าเตะบริเวณชายโครง หน้าอก และกระทืบไปที่ท้ายทอยเป็นเหตุให้คางกระทบกับพื้นเป็นแผลแตกขนาดปลายนิ้วก้อย ใช้เท้าเตะไปที่บริเวณใบหน้าเป็นเหตุให้มีเลือดออกจากปากแล้วพลทหารวิเชียรฯ ได้ก้มลงกราบพร้อมร้องบอกว่า "ผมเจ็บและจะไม่ทำอีกแล้ว" แต่สิบเอกก็ยังไม่หยุดกระทำ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดสลับกับการถูกเตะและกระทืบดังมากจนทำให้ร้อยโทผู้ฝึกได้ชะโงกมาจากชั้นบนของอาคารหน่วยฝึก พร้อมสั่งให้ร้อยตรีผู้ช่วยผู้ฝึกอย่าทำให้แรงเกินไปนัก สิบเอกจึงได้ย้ายสถานที่ซ่อมไปด้านข้างของแถว ยังคงใช้ไม้ตีสลับกับการเตะเหมือนเดิมจนกระทั่งร้อยตรีอีกนายได้เข้ามาแย่งไม้ในมือสิบเอกทิ้งอีกครั้ง สิบเอกได้พูดว่า "ไม่มีไม้ใช้มือใช้เท้าแทนก็ได้" และได้ประกาศท้าทายให้ไปฟ้อง ผบ.ทบ.ต่อหน้ากำลังทหารใหม่ประมาน ๒๐๐ นาย
จนเวลา ๒๓.๐๐ น. ร้อยตรีได้พาพลทหารวิเชียรฯ ไปคุยต่อจนถึงเวลา ๐๑.๐๐ น.เศษ ได้สั่งให้พลทหารวิเชียรฯ ขึ้นโรงนอน ต่อมาวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๔ มีพยานหลายคนเห็น พลทหารวิเชียรฯ นอนพักอยู่ในห้องพยาบาลบริเวณร่างกายและขามีรอยช้ำบวมหลายแห่งใต้คางมีแผลลึกมีน้ำเหลืองไหลย้อยรอบปากปรากฏคราบเลือด พยานบางคนได้ถามอาการเจ็บป่วยได้รับคำตอบว่า เจ็บปวดไปทั่วร่างกาย ได้ร้องขอให้นำตัวไปส่งโรงพยาบาลเนื่องจากทนความเจ็บปวดไม่ไหว ถึงขั้นมีการสั่งเสียกับเพื่อนพลทหารด้วยกันว่า หากเสียชีวิตลงให้ช่วยแจ้งกับมารดาด้วย แต่ไม่มีผู้ใดสนใจและดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น
กระทั่งวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ จึงได้ส่งตัวไปโรงพยาบาลเจาะไอร้อง ทางโรงพยาบาลเห็นพลทหารวิเชียรฯ มีอาการหนักเกินขีดความสามารถของแพทย์ที่จะรักษาเยียวยาได้ จึงส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ต่อทันที และหน่วยได้สั่งให้ร้อยตรีที่ไม่ได้ร่วมกระทำไปดูอาการของพลทหารวิเชียรฯ
ในวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๔ เห็นพลทหารวิเชียรฯ อยู่ในห้องไอซียูพร้อมญาติ บริเวณทั่วทั้งลำตัวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ามีแต่บาดแผลและรอยช้ำบวม สอบถามแพทย์ได้รับคำตอบว่า ชีพจรต่ำมาก การตอบสนองของร่างกายไม่มี อาการอยู่ในขั้นโคม่า ท้ายสุดเมื่อวันที่ ๕ เดือนมิถุนายน ๒๕๕๔ เวลา ๒๓.๐๕ น. ณ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ จังหวัดนราธิวาส พลทหารวิเชียร เผือกสม ต้องจบชีวิตด้วยวัยเพียง ๒๖ ปีเท่านั้น โดยที่สาเหตุการตายมาจากไตวายเฉียบพลันจากกล้ามเนื้อได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจากการถูกรุมซ้อมทำรายร่างกายโดยฝีมือของครูฝึกในหน่วยฝึกของค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในสังกัด ร.๑๕๑ พัน.๓ ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส
สภาพศพของพลทหารวิเชียร เผือกสม ถ่ายเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๔ เวลาประมาณ ๒๑.๕๐ น. หลังเสียชีวิตเพียง ๒๓ ชั่วโมง ซึ่งถูกครูฝึกทหารใหม่จำนวน ๑๐ นาย ตั้งแต่ยศร้อยโท ร้อยตรี จ่าสิบเอก สิบเอก และพลทหารผู้ช่วยครูฝึกลงโทษซ้อมทรมานตามรายเอียดข้างต้นที่กล่าวไว้ เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๔ เวลา ๒๓.๑๕ น. **ส่วนปี ค.ศ.ในภาพต้องเป็น ๒๐๑๑ ซึ่งคือ พ.ศ.๒๕๕๔ กล้องถ่ายรูปตั้งเวลาผิดค่ะ
ความคิดเห็นที่ 32
คนที่บอกฝึกความอดทน มั่นใจหรือเปล่าครับ ว่าเป็นนโยบายของกองทัพ ที่ตั้งไว้ว่า จะทำให้อาหารสำหรับทหารเกณฑ์ มีปริมาณน้อย และขาดสารอาหารที่เหมาะสม เพื่อฝึกความอดทน (การขาดสารอาหาร ) ไม่ใช่สาเหตุอื่น คือจะให้มันเยอะกว่า ดีกว่านี้ ครบถ้วนกว่านี้ก็ได้ แต่เจตนาให้เป็นอย่างนี้เพื่อฝึกความอดทน
คือผมว่า ถ้าจะฝึกความอดทน ก็ให้ไปวิ่ง ไปฝึกกลางแดด หรือไปทำงานบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ก็ฝึกความอดทนได้ ดีกว่าด้วย แล้วทำไมไม่งดน้ำด้วยล่ะครับ ให้วันละ 750 ซีซี ห้ามดื่มเกินไปกว่านี้ ก็ฝึกความอดทนได้เหมือนกัน หรือเห็นว่าในสงครามยังไงๆทหารก็ไม่มีทางขาดน้ำ
หรือเคยไปฟังทหารระดับนายพลเขาคุยกัน แล้วเขาบอกว่า จงใจฝึกความอดทน หรืออย่างไร อยากทราบสาเหตุที่ทำให้คิดอย่างนี้ครับ ถ้ามันมีเหตุผลดีๆ ผมจะได้เชื่อยังงั้นด้วยคน
คือผมว่า ถ้าจะฝึกความอดทน ก็ให้ไปวิ่ง ไปฝึกกลางแดด หรือไปทำงานบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ก็ฝึกความอดทนได้ ดีกว่าด้วย แล้วทำไมไม่งดน้ำด้วยล่ะครับ ให้วันละ 750 ซีซี ห้ามดื่มเกินไปกว่านี้ ก็ฝึกความอดทนได้เหมือนกัน หรือเห็นว่าในสงครามยังไงๆทหารก็ไม่มีทางขาดน้ำ
หรือเคยไปฟังทหารระดับนายพลเขาคุยกัน แล้วเขาบอกว่า จงใจฝึกความอดทน หรืออย่างไร อยากทราบสาเหตุที่ทำให้คิดอย่างนี้ครับ ถ้ามันมีเหตุผลดีๆ ผมจะได้เชื่อยังงั้นด้วยคน
แสดงความคิดเห็น
กับข้าวพลทหาร รั้วของชาติควรกินอาหารแบบนี้ทุกวันๆเลยหรือ? งบ 5400/100คน/3มื้อ จะทำเมนูอะไรที่มีสารอาหารได้บ้าง ระดม คคห.
ตามหลักโภชนาการแล้ว ทหารหนุ่มวัยฉกรรณ์ต้องการโปรตีนวันละกี่กรัมกัน ได้แบบที่เห็นต่อไปนี้สารอาหารดีไหม
(รูปรวบรวมมาจากที่พลทหารแชร์กัน)
ข้อเท็จจริง : หักตังค์พลทหารไปมื้อละ 18 บาท ซึ่งเป็นต้นทุนวัตถุดิบ ค่าแก๊ส ค่าข้าว ไม่เสียค่าเช่าที่ ไม่เสียค่าคนล้างจาน
อาหารที่ได้ ตามภาพ
________________________________________________________________________
ส่วนนี้ จานละ 20 บาทในวิทยาลัยแห่งหนึ่ง(ตจว.) ย้ำนะครับว่า 20 บาท
20 บาทคิดกำไร(แม่ค้าขายในโรงเรียน) ทำไมมันต่างจาก 18 บาทไม่คิดกำไรยิ่งนัก
กระทู้นี้อยากชวนเพื่อนๆสมาชิก ร่วมแสดงความคิดเห็นกัน โดนงบแค่มื้อละ 18/คน/มื้อ จะทำเมนูอะไรที่มีคุณค่าสารอาหารให้พลทหารได้กิน
ย้ำนะครับ ว่าเน้นสารอาหาร ไม่ต้องเน้นความอร่อย .. อย่างขนมหวานไม่ต้องก็ได้ เปลืองงบ ดูไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย
เป็นทหารอยู่ง่ายกินง่าย แต่สารอาหารต้องถึง ไม่งั้นจะมีแรงไปออกรบสู้ทหารชาติอื่นได้อย่างไร
งบ 18 บาทต่อคนต่อมื้อ ตกวันละ 18*3 = 54 บาทต่อคนต่อวัน
สมมติกองร้อยนึงมี 100 คน จะได้งบทำอาหารเลี้ยงทหารในหนึ่งวัน 54*100 = 5,400.-
ด้วยงบนี้สามารถทำอะไรเลี้ยงทหารได้บ้างครับ
สำหรับอดีตทหารอย่างผม นึกถึงวัตถุดิบอย่าง อกไก่ โลละ 60-70 บาท กับ ไข่ไก่เบอร์ 3
นมสักคนละกล่องต่อวัน ก็น่าจะดี ...
เพื่อนๆท่านใดมีความรู้ หรือเคยทำอาหารขาย ลองเสนอเมนูช่วยบำรุงรั้วของชาติครับ
เพราะดูจาก คคห.นี้ ทหารชาติอื่นเขานำเราไปโขเลย ถ้าเปรียบเป็นนักกีฬาเราจะเอาแรงที่ไหนไปสู้
http://ppantip.com/topic/34366084/comment50
ใจสู้ แต่สารอาหารไม่ถึง ร่างกายไม่ดีมันก็ชนะเขาไม่ได้นะ