[นิยาย] พักตร์อสูร : บทที่ 10

กระทู้สนทนา
อ่าน 'พักตร์อสูร' ตอนเดิมได้ตามลิงก์นี้เลยนะคะ

บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/30383088
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/30393758
บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/30934208
บทที่ 4 http://ppantip.com/topic/30938172
บทที่ 5 http://ppantip.com/topic/30943480
บทที่ 6-8 http://ppantip.com/topic/30955238
บทที่ 9 http://ppantip.com/topic/30960645

ตอบเม้นท์คุณ สมาชิกหมายเลข 957799 = ขอบพระคุณค่ะ ดีใจที่ชอบงานเขียนของอ้อยนะคะ มาลุ้นไปด้วยกันนะคะ o^,^o


---------------------------------------------------------------


บทที่ 10


    ความรู้และแบบแผนที่ได้เรียนจากท่านครูวัฑฒะโกนั้นทำให้อุษามันตราเข้าใจถึงวิถีชีวิตของคนในสังคมนี้มากขึ้น เธอเริ่มนำมาประยุกต์ใช้กับมนสิการ แต่ก็นำความรู้จากโลกเดิมมาใช้ด้วย ซึ่งเริ่มจากการทำระเบียนสำมะโนประชากร

    ‘นายท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้าเป็นบ่าวอยู่เรือนนี้แต่เกิด อยู่แต่รุ่นตาทวด ญาติฝ่ายพ่อก็มิรู้จัก เคยเห็นแต่หน้าตาคนในมนสิการ เยี่ยงนี้จักเรียกว่าอย่างใดดีเจ้าข้า’

    ‘นายท่านเจ้าข้า บ่าวทำครัว หุงหา แลหาของในตลาด เยี่ยงนี้จักต้องบอกว่ากระไรดีเจ้าข้า’

    ‘ทิดเขียว ลูกแม่ฝา หลานตาเฟื่อง เหลนตาก่อ ลื่อเทียด จุ้ย คือ... ก็อยู่แต่มนสิการนี่แลเจ้าข้า หาได้มีญาติอื่นใดเจ้าข้า’

    ‘เพลาเข้าออกงานคือกระไรรึเจ้าข้านายท่าน ใช่ว่ามาทำงานแล้วออกไป แล้วกลับมาใหม่ หรือว่าไปปลดทุกข์ก็ออกงาน กลับมาใหม่ก็เข้างาน แล้วก็ออกไปกินข้าว ไปอาบน้ำ ไปล้างตัว ก็คือออกงาน ต้องแจ้งทุกครั้ง เช่นนี้ใช่หรือไม่เจ้าข้า’

    และอีกสารพัดสารพันที่เกิดจากความไม่เข้าใจ แต่ทุกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีจนปัญหาทั้งหลายกลายเป็นความน่ารัก แม้จะต้องคอยอธิบายซ้ำๆ เพื่อปรับความเข้าใจหลังจากเรียกรวมหมู่ชี้แจงไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ทั้งหมดก็ถือว่าได้ผลลัพธ์เกินคาด โดยเฉพาะบ่าวและคนงานในโรงหล่อโลหะได้นับเวลาเข้างานและเวลาเลิกงานจนทำให้การ ‘อู้งาน’ หายไป รวมไปถึงบันทึกการเข้าออกมนสิการทุกครั้งไม่ว่าใครจะออกไปไหน โดยวางสายลับเพื่อช่วยสอดส่องให้ทุกอย่างเป็นไปตามระบบแบบแผนที่ต้องการ

    กระดาษ น้ำหมึก และปากไก่ กลายเป็นของขาดไม่ได้ของเรือนใหญ่ หลายคนสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น บ้างก็ไม่เข้าใจ แต่ในเมื่อเป็นสิ่งที่อุษามันตราต้องการ ท่านโชติระเสก็ไม่ขัดข้องแม้แต่นิดเดียว คำสั่งจากผู้เป็นใหญ่ในมนสิการไม่มีใครกล้าขัดขืน ส่วนมากพร้อมทำด้วยความเต็มใจ

    ชื่อเสียงที่ได้จากการไปเรียนกับท่านวัฑฒะโกทำให้ท่านโชติระเสภาคภูมิใจอย่างที่สุด การทำให้ท่านครูชื่นชมได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะท่านครูถึงกับออกปากชมไม่ขาดว่าอุษามันตราคือ ‘ศิษย์รักศิษย์เอก’ ของท่านอย่างไม่ต้องสงสัย ช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งปีที่ได้เรียนในสำนักท่านครูวัฑฒะโก เด็กน้อยวัยเจ็ดขวบปัจจุบัน สามารถเก็บความรู้ได้จนหมดสิ้น อีกทั้งยังมีแนวคิดใหม่ๆ ให้ท่านครูได้แลกเปลี่ยนศึกษา จนถึงกับออกปากขอโทษเมื่อครั้งปฏิเสธรับเข้าเรียน และชื่นชมกับสิ่งที่ท่านโชติระเสตัดสินใจกระทำ ว่ามองการณ์ไกล

    ตอนนี้... อุษามันตรากำลังขะมักเขม้นตระเตรียมสมุดขาวต่างๆ ในหอตำราที่ก่อนหน้านี้แทบไม่ได้เปิด แต่บัดนี้กลายเป็นห้องทำงานสลับกับหอนั่งที่ใช้ประจำ ในหอตำรานี้แสงแดดและลมลอดผ่านมากพอที่จะทำให้ไม่อึดอัด

    “คุณพ่อมาพอดีเลยเจ้าข้า” เธอทักทาย ขณะไล่เรียงสมุดบนโต๊ะไม้ตัวเตี้ยนี้

    ท่านโชติระเสเดินเข้ามา นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

    “เจ้าทำสิ่งใดอยู่หรืออุษามันตรา”

    “ลูกจัดเตรียมสมุดบันทึกค่าใช้จ่ายประจำวันของมนสิการเจ้าข้าคุณพ่อ ลูกจัดการเสร็จพอดีเจ้าข้า”

    เธอหมุน และเลื่อนสมุดตรงหน้าไปให้ท่านโชติระเส แววตาประหลาดใจของเขาปรากฏนิดหนึ่งเมื่อเห็นบางอย่าง ในสมุดขาวมีเส้นตารางตีเอาไว้ แต่ละช่องมีตัวอักษรเขียนกำกับเป็นระเบียบแบบแผน รอเพียงเขียนลงไปเท่านั้น

    “เพื่อสิ่งใดกันหรืออุษามันตรา เรามิจำเป็นต้องทำถึงเพียงนี้ก็ได้”

    “สำคัญนักเจ้าข้าคุณพ่อ จำเป็นต้องทำอย่างยิ่ง ถ้าไม่ทำ เรามิอาจรู้ว่ารับเบี้ยมาเท่าใด รับเป็นสินค้าแลกเปลี่ยนสิ่งใด จำนวนเท่าใด แลจ่ายสิ่งใดออกไปเท่าใด หากเราจดบันทึกไว้ ยังกลับย้อนมาดูใหม่เพื่อเปรียบเทียบ และจัดการได้รัดกุมมากขึ้น ถือว่าไม่ประมาท และเมื่อเราเริ่มทำการค้า เบี้ยอัฐ... กำไรมากน้อย ก็ขึ้นอยู่กับบันทึกนี้ทั้งสิ้นเจ้าข้าคุณพ่อ”

    โชติระเสพยักหน้าคล้ายว่าเข้าใจ แต่แววตานั้นไม่ใช่เลย

    “ส่วนเล่มนี้ เป็นบันทึกรายการรับจ่ายของโรงหล่อโลหะเจ้าข้า เหมือนกับบันทึกรับจ่ายประจำวันของมนสิการ แต่เน้นเพียงโรงหล่อเท่านั้นเจ้าข้า”

    โชติระเสรับมาดูเช่นเดียวกัน เขาดูเพื่อทำความเข้าใจ ลักษณะสมุดบันทึกที่อุษามันตราทำไว้นั้นไม่ยากนัก แต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี จนต้องวางสมุดทั้งสองลง คลี่เป็นแผ่นใหญ่ยาวเทียบกัน แล้วชี้ พร้อมกับถามลูกว่า

    “ช่องนี้คืออะไรหรือ ตัวย่อใช่วัน เดือน ปี หรือไม่”

    “ถูกต้องเจ้าข้า” อุษามันตรายิ้มกว้างให้ท่านโชติระเสที่เข้าใจได้ง่ายนัก

    “ส่วนอันนี้เล่า”

    “ช่องนี้เอาไว้เขียนชื่อของรายการที่จ่ายหรือรับมาเจ้าข้า”

    “ช่องนี้คือ” ท่านโชติระเสลากเสียงยาว คิ้วขมวดเข้าหากัน

    “อันนี้คือจำนวนของสิ่งนั้นๆ เจ้าข้า เช่น โคหนึ่งตัว ข้าวสารห้าเกวียน เจ้าข้า”

    “เช่นนั้น... ช่องนี้ก็คือมูลค่าของสินค้าใช่หรือไม่”

    “ถูกต้องเจ้าข้า”

    “แล้วช่องนี้เล่า” ท่านโชติระเสชี้ช่องด้านล่างสุด

    “เป็นรายการรวมของแต่ละเดือนที่เราจ่าย หรือรับมาเจ้าข้า”

    โชติระเสพยักหน้าว่าเข้าใจ และพูด “เช่นนั้น สมุดบันทึกเล่มนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน”

     “ถูกต้องเจ้าข้า” อุษามันตรายิ้ม และพูดต่อว่า “ตอนนี้ยังเหลือสมุดบันทึกรับจ่ายการค้าที่ลูกยังไม่ได้ทำ คงแล้วเสร็จเมื่อไปถึงเรือนคุณตาเจ้าข้า”

    ระหว่างที่อธิบายทิดศรก็มาคุกเข่าที่หน้าธรณีประตู

    “ขออภัยเจ้าข้านายท่าน แม่นายน้อยอุษามันตรา”

    “เข้ามาเถิด” โชติระเสอนุญาต

    ทิดศรขัดเข่าเข้ามานั่งข้างๆ รายงานว่า “สมุดบันทึกประวัติคนในมนสิการ แลสมุดบันทึกประวัติคนงานในโรงหล่อโลหะ ที่มิได้อาศัยอยู่ในมนสิการ ข้าพเจ้าได้จัดการแล้วเสร็จ จึงนำส่งนายท่าน แลแม่นายน้อยอุษามันตราเพื่อตรวจสอบเจ้าข้า”

    อุษามันตรายิ้มรับ แม้ทิดศรจะเคยบวชมาก่อน แต่ก็ไม่เคยได้เรียนเขียนอ่าน แต่หลังจากเธอขอร้องท่านโชติระเสว่าได้โปรดเล็งเห็นถึงความสำคัญของเรื่องนี้ อย่าปิดโอกาสใคร มนสิการต้องเตรียมความพร้อมไว้ทุกด้านโดยเฉพาะคน ด้วยสิ่งของใดก็ไม่อาจพัฒนาและสร้างมูลค่าได้เท่ากับมนุษย์อีกแล้ว และจำเป็นต้องใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ทิดศรที่ได้เรียนเขียนอ่านเท่านั้น แต่ทั้งพี่ศีลา ป้าจิตรา และคุณแม่ก็ได้เรียนด้วย ซึ่งในวันนี้ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นชัดว่าสิ่งที่ตัดสินใจถูกต้องอย่างที่สุด

    และที่มากกว่านั้นก็คือ... ความรัก ความภักดีของคนในมนสิการเพิ่มมากขึ้นต่อผู้เป็นนาย

    “สมุดบันทึกคนเข้าออกมนสิการ ที่แม่นายน้อยอุษามันตราสั่ง ข้าพเจ้ามิทราบว่าที่ได้ทำนั้น ถูกต้องหรือไม่ จึงนำส่งให้ตรวจสอบก่อนเจ้าข้า”

    อุษามันตรารับมา และเปิดดู ก่อนจะคลี่กางไว้บนโต๊ะ แล้วเอ่ยกับท่านโชติระเส “บันทึกนี้จะทำให้เราติดตามคนของเราได้เจ้าข้าคุณพ่อ เมื่อผู้ใดหายไป หรือหากเกิดเรื่องร้ายขึ้น หรือผู้ใดหลบเลี่ยง เราจักรู้ได้ว่าภัยใดหลบซ่อนในมนสิการเจ้าข้า” แล้วหันไปพูดกับทิดศรว่า “บันทึกนี้ ลุงศรทำได้ถูกต้องแล้วเจ้าข้า”

    ทิดศรยิ้มกว้างทันที เขายืดอกภูมิใจ แล้วพูดว่า “เช่นนั้นแม่นายน้อยอุษามันตราแลนายท่าน จักมีการใดใช้ข้าพเจ้าอีกหรือไม่เจ้าข้า”

    ท่านโชติระเสส่ายหน้า รอยยิ้มมีอยู่ตลอดเวลา

    “ไม่มีแล้วเจ้าข้า” อุษามันตราตอบย้ำ และเมื่อบ่าวคนสนิทของคุณพ่อขัดเข่าออกไป เธอจึงเข้าเรื่องว่า “ประวัติคู่ค้าของมนสิการที่ลูกทำไว้ เสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นกันเจ้าข้า”

    โชติระเสพยักหน้า คำพูดของลูกยังก้องอยู่ในหัวตอนที่บอกว่าจะทำ

    ‘เราทำเพื่อจักได้รู้ว่าคู่ค้าคนไหน เรือนไหน บ้านไหน แคว้นไหน ชอบแบบใด อุดหนุนเรามากหรือน้อย หรือผู้ใดมีปัญหา มนสิการต้องทำให้คู่ค้าประทับใจอย่างที่สุด หากคู่ค้าประทับใจแลนิยม ผลดีย่อมเกิดแก่มนสิการทั้งสิ้น จักเกิดภาพน่าเลื่อมใส อันมีผลดีในเบื้องหน้าแน่นอน แม้มนสิการจะทำการผูกขาดกับวังหลวง แต่เราก็จำต้องรักษาลูกค้าอื่นเพื่อเป็นการป้องกันคู่แข่งด้วยเจ้าข้า’

    ตอนนี้นายช่างใหญ่โชติระเสมองสมุดที่อุษามันตรากล่าวถึง ขณะหนึ่งเหลือบแลชั้นไม้หน้ากว้างสี่ชั้นติดกับฝาปะกนหรือผนังห้องตลอดฝั่งหนึ่งที่มีสมุดบันทึกอื่นๆ ถูกวางเรียงเป็นตั้งไว้มากมาย

    ครั้งแรกที่ได้ยินลูกสั่งให้ทำชั้นวางของก็นึกแปลกใจ ครั้นเมื่อเสร็จเรียบร้อยตามอุษามันตราสั่งการ เขากลับประหลาดใจยิ่งนัก ด้วยไม่เคยเห็นการวางของลักษณะนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรือนใดหรือแคว้นใด

    ‘หยิบง่าย และเป็นระบบระเบียบเจ้าข้าคุณพ่อ’

    ตอนนั้นอุษามันตราหันมาบอกและส่งยิ้มกว้างให้เขา โดยแต่ละจุดมีป้ายบอกตำแหน่งให้รู้ว่าช่วงไหนจัดเก็บบันทึกอะไร โดยใช้รหัสที่รู้กันตามที่อุษามันตรากำหนดมา ส่วนตำราเก่าๆ ในตู้ไม้ก็ย้ายไปไว้อีกฝั่งหนึ่งของหอตำรานี้

    ในห้องยังเก็บตำราเรียนขั้นพื้นฐานอย่างง่ายที่อุษามันตราทำขึ้นเพื่อสอนตยาวดี จิตรา ศีลา และทิดศร ซึ่งบุตรีของเขาเรียกว่ากลุ่มนำร่อง ด้วยมีโครงการจะสอนหนังสือให้กับบ่าวชายบ่าวหญิงที่ภักดีต่อมนสิการในเวลาต่อไป แต่ต้องรอหลังกลับมาจากไพศาลีและจัดการเรื่องการค้าให้เรียบร้อย โดยแบบเรียนขั้นตอนลัดนี้เป็นแบบเรียนง่ายๆ พอทำความเข้าใจ ถึงแม้ว่าแต่ละคนจะเรียนรู้ได้ไม่รวดเร็วนัก ก็ยังดีกว่าไม่มีคนรู้หนังสือเลย ซึ่งคงไม่ดีหากเขากับลูกไม่อยู่เรือน

    ทว่าสิ่งที่อุษามันตราคิดและได้ทำ สร้างความซาบซึ้งใจให้บ่าวแต่ละคนอย่างยิ่งโดยเฉพาะทิดศรที่ได้ป่าวประกาศคุณความดีนี้ไปทั่ว ว่าแม่นายน้อยอุษามันตราเมตตาบ่าวในมนสิการยิ่งนัก เล็งเห็นความสำคัญของผู้ต่ำต้อยโดยไม่ถือตน มีแต่ความเป็นห่วงให้คนของมนสิการอย่างน่าเลื่อมใส ซึ่งถ้าหากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ทิดศรก็จะทำหน้าที่สอนหนังสือให้บ่าวชายในมนสิการทุกคน ส่วนจิตราและศีลาก็จะทำหน้าที่สอนบ่าวหญิงทุกคนตามที่อุษามันตราสั่งไว้เช่นกัน จนสร้างความฮือฮา ตื้นตัน และภักดีจากคนในมนสิการยิ่งนัก

    ทว่า... ไม่ใช่ทั้งหมด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่