นักวิทยาศาสตร์ผู้ไม่ได้ศึกษาพุทธศาสนา ย่อมเห็นว่างมงาย

กระทู้สนทนา
หัวใจของศาสนาพุทธคือยังประโยชน์สุขให้แก่มนุษย์
ดังพระพุทธเจ้าได้ตรัสแก่สาวก ว่า
ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเที่ยวจาริกไปเพื่อประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก
เพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

ความสุขที่ศานาพุทธสอนนั้น เป็นความสุขทางด้านจิตใจ ไม่ได้เป็นความสุขทางด้านร่างกาย
เป็นความสุขในปัจจุบัน ไม่ได้เน้นชาติหน้า  ไม่ได้เน้นนรกสวรรค์ แต่ประการใด
พระพุทธเจ้าสอนให้เข้าใจธรรมชาติอย่างแจ่มแจ้ง ว่าร่างกายและสรรพสิ่งที่เรายึดถือนี้ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ไม่เที่ยง โดนบีบคั้นจากสภาพแวดล้อม หาใช่ตัวใช่ตนไม่ เพราะเมื่อแยกร่างกายออกมาจะประกอบด้วยเซลล์ต่างๆ หาพบตัวตนที่แท้จริงไม่
เมื่อเข้าใจธรรมชาติอย่างแจ่มแจ้ง ก็จะไม่ยึดมั่นในตัวตน เป็นผู้ปราศจากกิเลส ย่อมเป็นสุข

ลองพิจารณาดู ที่คนเราเป็นทุกข์ เพราะยึดมั่นในตัวตน ยึดมั่นว่าตัวกูของกู แก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่น ฆ่าฟัน ฉกชิงวิ่งราว
และเพราะสิ่งต่างๆ เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง ทุกคนที่ยึดมั่นจึงเป็นทุกข์เสมอ
และเมื่อไม่ยึดมั่นในตัวตนแล้ว สามารถทำอะไรให้ดีได้ เพราะทำโดยปราศจากกิเลส ใช้ร่างกายนี้ให้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม
เช่น เมื่อนักวิทยาศาสตร์ต้องการสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมโดยไม่นึกถึงตัวเอง ย่อมทำได้ดีกว่าทำเพื่อเงิน

พระพุทธศาสนาเน้นเรื่องกรรมปัจจุบัน คือการกระทำของตัวเอง
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม คือการกระทำ ไม่ได้เกิดจากดวง หรือใครทำให้เป็น
ตั้งใจเรียน ย่อมเรียนเก่ง ขี้เกียจย่อมไม่เจริญ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่