สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 21
มหาลัยปี1 มีแฟน หลังจากใช้เงินพ่อแม่ให้มาอย่างหนักหน่วง เริ่มคิดที่จะหาเงินเอง เริ่มจาก ขายเสื้อยืด ผู้หญิงตามตลาดนัด
- ขายของทออด ขายน้ำ ตามงานต่างๆ ไม่ไหวขายไ่ดีกำไรไม่เหลือ เลิก
มหาลัยปี2 เริ่ม คิดว่าไม่อยากเคลื่อนที่ไปขายที่อื่น ประจวบกับทำเลบ้านแม่ยายอยู่แหล่งชุมชน เลยเริ่มลงทุนขายเสื้อผ้าแฟชั้น ผู้หญิง ขายเจ้าแรก เจ้าเดียว ขายดีมากได้กำไรวันละ3000-4000 ขายเย็นถึงคำ่อย่างเดียว แต่สุดท้ายต้องเลิกเพราะคู่เเข่งเพิ่มเป็นสิบร้านแย่งกันขาย ระหว่างขายเสื้อผ้า ได้สูตรไอศครีมกะทิมา อร่อยมาก ขายไปด้วยกัน ได้กำไรวันนึง 500 บาทต่ำๆ แต่แถวร้านเป็นไงไม่รู้ลูกค้าหน้าเดิมๆไม่หมุนเวียน ยอดตกๆลงเรื่อยๆ จนเลิก
มหาลัยปี3 ติดว่าอยากเปลี่ยนทำเลบ้าง และหาประสบการณ์ข้างนอก เลยเริ่มจากขายแฟชั่นเนี่ยเเหละ ไปเช่าบูทจัดงานที่ในห้าง แพงมาก 10วัน 40000บาท เริ่มก็แย่เลยขายไม่ดี เลยขยับขยาย ไปเช่าที่ขายเสื้อผ้า หลังเซ็นทรัลลาดพร้าว เริ่มขายดี อยากขยายกิจการ ก็เลยไปขายส่งในสวนจตุจักร โอ้!!! ดวงขึ้นจริงๆขายดี สมัยก่อนเคยไปรับของแล้วเค้าขายดี คนขายบอกเป็นเสื้อผ้าฮ่องกง ก็ไปฮ่องกงบ้าง ไป 2 รอบไม่เห็นมีตลาดขายส่งสักร้าน แต่ก็อย่างว่าดวงมันกำลังดีไปเหมาเสื้อมาร้านนึงในฮ่องกง เอากลับมาขายที่สวนจตุจักร ขายดีมาก ดารามาซื้อกันเพียบ และส่วนใหญ่ที่เอางานผมไปคนฮ่องกงทั้งนั้น อิอิ แต่สุดท้าย ต้องมาเลิก เพราะเราไปเอาของไม่ได้ เพราะฮ่องกงมี โรคซาร์ส เลยหันมาทำงานไทย โดนช่างเย็บฟันค่าเย็บซะต้องถอย ต้องเจ็บตัวออกมาขาย เสื้อผ้าที่เรามีค้างสต๊อคมาขายเอาทุน จนเวลานั้นมีการริเริ่มขาย หวยบนดิน ผมก็ไม่หามาขายบ้าง ได้กำไรจาก เจ้าของรหัส 10%ต่องวด เดือนนึงมี 2 งวด ขายเองเขียนกันเองหน้าบ้านแม่ยาย ขายได้กำไร 30000 ต่องวด เดือนนึงมี 2 งวด ได้60000 เดือนนึง ขายแค่ 5 วัน มันสบายเหลือเกิน ...แต่ความสบายมันก็ได้จบ พอเปลี่ยนรัฐบาล หวยบนดินก็ต้องเลิก ทีแรกผมกะรับหวยไว้เอง เป็นหวยใต้ดิน คิดไปคิดมาไม่เอาดีกว่า ไม่คุ้ม สุดท้ายต้องขอเงินจากผู้ปกครองเหมือนเดิม
มหาลัยปี4 ผมไปเช่าบ้าน หลังหนึ่งในหมู่บ้าน เปิดร้านอินเตอร์เนตและเกมส์ ps2 รายได้พอไปวัดไปวา แต่เพราะบ้านที่เช่า อยู่ห่างจากบ้านตัวเอง ก็เลยต้องจ้างเด็กมาเ้ก็บเงิน รั่วๆๆคุมไม่ได้ เจ๊ง เริ่มกลับมาตายรังที่บ้านแม่ยายเหมือนเดิม จับมือกับแฟนเปลี่ยนสินค้าลองมาขาย น้ำปั่นเพื่อสุขภาพ ดูบ้าง ขายไม่ดี เลยเลิก
จบจากมหาลัย ได้เงินทุนมาหนึ่งก้อนลงทุนเปลี่ยนตึกบ้านแม่ยายเป็นร้านอินเตอร์เนต ลงเครื่องคอม 35 เครื่อง ลูกค้าเยอะมากได้เงินง่ายจากชั่วโมงเนต ขนมในร้าน และถ่ายเอกสาร ส่งแฟกซ์ ทำรายงาน ตกแล้ว 5000ต่อวัน ทำมาได้ 2 ปีต้องเลิก เครื่องเริ่มพัง เยอะขึ้น และปัญหาต่างๆนานาของคนมาเล่น ตีกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง จนตัองปิดตัวลงในที่สุด
พ่อผมเป็นมะเร็ง พ่อตาเส้นเลือดในสมองแตก ใช้เงินเยอะ งานก็ผ่านมาเยอะเหลือเกิน ญาติๆ เริ่มด่า หาว่าทำอะไรไม่จริง ทำๆเดี๋ยวเลิก ด้วยเงินก้อนสุดท้าย ลงทุนผลิตเครื่องสำอางค์ แบรนด์ตัวเอง ยังไม่ทันได้ขายเลย น้ำท้วม พังหมด หมดตัวหมดทุน
ช่วงนั้นมีลูกแล้ว มีแม่ และแม่ยายที่ต้องเลี้ยงดู ก็ดิ้นรน ไปขายของที่ตลาดเมืองทอง ขายเป็นแฟชั่นเหมือนเดิมตามที่แฟนผมถนัด ด้วยความบังเอิญ ไปรับของมาขายจากประตูน้ำ เห็นป้าย ให้เช่าที่รายวัน วัน ละ3500 ทำเลดี ผมไม่มีเงินเลยไปชวนเพื่อนมาร่วม แต่ได้รับคำปฏิเสธ แถมยังได้คำถามมาว่าต้องขายอะไรถึงได้ค่าที่ 3500 ไม่เป็นไรผมทำเองก็ได้ ไปรวบรวมเงินในกระปุกลูกชายมาได้ 4000 เอามาจ่ายค่าที่ โจทย์ต่อไปคือ เอาของที่ไหนขายละ ผมค่อยๆนอนคิด "ทำเลเราดี" ลองลงโฟสต์ไปในเวปแฟชั่นดูว่า เรามีทำเลดี รับฝากของขาย โม้นิดๆ ว่าเราขายดีโน้นนี่นั่น ผมได้ของมาขายมูลค่า 90000 วันแรกผมขายได้ 70000 (เป็นไงล่ะขายอะไรละถึงได้ค่าที่รู้คำตอบยัง) ผมได้เครดิตจากการรับฝากขาย 1 อาทิตย์ ก็เอาเงินนั่น แหละมาหมุนซื้อของมาขายได้อีกหลายรอบ จนมีทุนมาก้อนนึง เริ่มบินไปเอาของที่จีนมาขาย(ที่เนี่ยเเหละที่คนไทยชอบพูดว่าเป็นของฮ่องกง) ขายดีมากๆ ตี5-8โมงเช้า เงินต้องมีอยู่ในกระเป๋าแน่นอน 2แสน-3แสน แต่สุดท้ายด้วยประสบการณ์เพียงน้อยนิด ชีวิตผมต้องพังลงอีกครั้ง เพราะตรุษจีน ผมไม่เคยมีประสบการณ์ในการสั่งของตุนของ ของที่ผมได้มาจึงเเพงกว่าชาวบ้าน สุดท้าย ทุนหมด เงินหมด หนี้สินเพิ่ม ผมเริ่มมองหากู้นอกระบบ ผมมีรายจ่ายกับเจ้าหนี้นอกระบบ วันละ 1หมื่น
ตลาดเริ่มแย่ลงเพราะขายไม่ได้ ค่าที่ก็ต้องจ่าย นอกระบบก็ต้องจ่าย บางวันผมต้องนั้งป้ายรถเมล์กับแฟนเพื่อคิดหาหยิบยืม เงินจากเพื่อนฝูง เพื่อนบางคนเห็นเบอร์เราโทรเข้าไปก็ไม่รับ รู้ว่าจะยืมเงิน โธ่ไอ้เพื่อนรัก !!! ตอนมีมาหาเราเช้าถึงเย็นถึง เอาอะไรหาให้ อยากได้อะไรบอก ไม่ช่วยอย่าเดียว กระทืบเราอีก หน่อเพื่อน ร้ายแรงสุดเคยจับมือกับแฟนฆ่าตัวตาย แต่เพราะลูกคิดถึงลูกและคนที่รักเรา ที่คอยให้กำลังใจที่อยู่ข้างหลัง โดนทวงหนี้ต่างๆนานา จนเวลานี้ผมปลดหนี้เกือบหมดแล้ว ยอดขายถึงแม้ไม่ได้ดีเท่าเดิมแต่ผมว่า ผมูอยู่ได้และกิจการผมมั่นคงแน่นอน (แต่ไม่เคยประมาท) ทุกวันเนี้ยเจ้าหนี้นอกระบบของผมทั้งหลายต้องโทรมาชวนให้กู้ และงานที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้น่าจะทำให้ชีวิตผมอยู่ได้ สร้างครอบครัวได้ และทุกวันนี้ผม "ไม่มีเพื่อนตายเลยครับ" สู้ๆนะครับ
- ขายของทออด ขายน้ำ ตามงานต่างๆ ไม่ไหวขายไ่ดีกำไรไม่เหลือ เลิก
มหาลัยปี2 เริ่ม คิดว่าไม่อยากเคลื่อนที่ไปขายที่อื่น ประจวบกับทำเลบ้านแม่ยายอยู่แหล่งชุมชน เลยเริ่มลงทุนขายเสื้อผ้าแฟชั้น ผู้หญิง ขายเจ้าแรก เจ้าเดียว ขายดีมากได้กำไรวันละ3000-4000 ขายเย็นถึงคำ่อย่างเดียว แต่สุดท้ายต้องเลิกเพราะคู่เเข่งเพิ่มเป็นสิบร้านแย่งกันขาย ระหว่างขายเสื้อผ้า ได้สูตรไอศครีมกะทิมา อร่อยมาก ขายไปด้วยกัน ได้กำไรวันนึง 500 บาทต่ำๆ แต่แถวร้านเป็นไงไม่รู้ลูกค้าหน้าเดิมๆไม่หมุนเวียน ยอดตกๆลงเรื่อยๆ จนเลิก
มหาลัยปี3 ติดว่าอยากเปลี่ยนทำเลบ้าง และหาประสบการณ์ข้างนอก เลยเริ่มจากขายแฟชั่นเนี่ยเเหละ ไปเช่าบูทจัดงานที่ในห้าง แพงมาก 10วัน 40000บาท เริ่มก็แย่เลยขายไม่ดี เลยขยับขยาย ไปเช่าที่ขายเสื้อผ้า หลังเซ็นทรัลลาดพร้าว เริ่มขายดี อยากขยายกิจการ ก็เลยไปขายส่งในสวนจตุจักร โอ้!!! ดวงขึ้นจริงๆขายดี สมัยก่อนเคยไปรับของแล้วเค้าขายดี คนขายบอกเป็นเสื้อผ้าฮ่องกง ก็ไปฮ่องกงบ้าง ไป 2 รอบไม่เห็นมีตลาดขายส่งสักร้าน แต่ก็อย่างว่าดวงมันกำลังดีไปเหมาเสื้อมาร้านนึงในฮ่องกง เอากลับมาขายที่สวนจตุจักร ขายดีมาก ดารามาซื้อกันเพียบ และส่วนใหญ่ที่เอางานผมไปคนฮ่องกงทั้งนั้น อิอิ แต่สุดท้าย ต้องมาเลิก เพราะเราไปเอาของไม่ได้ เพราะฮ่องกงมี โรคซาร์ส เลยหันมาทำงานไทย โดนช่างเย็บฟันค่าเย็บซะต้องถอย ต้องเจ็บตัวออกมาขาย เสื้อผ้าที่เรามีค้างสต๊อคมาขายเอาทุน จนเวลานั้นมีการริเริ่มขาย หวยบนดิน ผมก็ไม่หามาขายบ้าง ได้กำไรจาก เจ้าของรหัส 10%ต่องวด เดือนนึงมี 2 งวด ขายเองเขียนกันเองหน้าบ้านแม่ยาย ขายได้กำไร 30000 ต่องวด เดือนนึงมี 2 งวด ได้60000 เดือนนึง ขายแค่ 5 วัน มันสบายเหลือเกิน ...แต่ความสบายมันก็ได้จบ พอเปลี่ยนรัฐบาล หวยบนดินก็ต้องเลิก ทีแรกผมกะรับหวยไว้เอง เป็นหวยใต้ดิน คิดไปคิดมาไม่เอาดีกว่า ไม่คุ้ม สุดท้ายต้องขอเงินจากผู้ปกครองเหมือนเดิม
มหาลัยปี4 ผมไปเช่าบ้าน หลังหนึ่งในหมู่บ้าน เปิดร้านอินเตอร์เนตและเกมส์ ps2 รายได้พอไปวัดไปวา แต่เพราะบ้านที่เช่า อยู่ห่างจากบ้านตัวเอง ก็เลยต้องจ้างเด็กมาเ้ก็บเงิน รั่วๆๆคุมไม่ได้ เจ๊ง เริ่มกลับมาตายรังที่บ้านแม่ยายเหมือนเดิม จับมือกับแฟนเปลี่ยนสินค้าลองมาขาย น้ำปั่นเพื่อสุขภาพ ดูบ้าง ขายไม่ดี เลยเลิก
จบจากมหาลัย ได้เงินทุนมาหนึ่งก้อนลงทุนเปลี่ยนตึกบ้านแม่ยายเป็นร้านอินเตอร์เนต ลงเครื่องคอม 35 เครื่อง ลูกค้าเยอะมากได้เงินง่ายจากชั่วโมงเนต ขนมในร้าน และถ่ายเอกสาร ส่งแฟกซ์ ทำรายงาน ตกแล้ว 5000ต่อวัน ทำมาได้ 2 ปีต้องเลิก เครื่องเริ่มพัง เยอะขึ้น และปัญหาต่างๆนานาของคนมาเล่น ตีกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง จนตัองปิดตัวลงในที่สุด
พ่อผมเป็นมะเร็ง พ่อตาเส้นเลือดในสมองแตก ใช้เงินเยอะ งานก็ผ่านมาเยอะเหลือเกิน ญาติๆ เริ่มด่า หาว่าทำอะไรไม่จริง ทำๆเดี๋ยวเลิก ด้วยเงินก้อนสุดท้าย ลงทุนผลิตเครื่องสำอางค์ แบรนด์ตัวเอง ยังไม่ทันได้ขายเลย น้ำท้วม พังหมด หมดตัวหมดทุน
ช่วงนั้นมีลูกแล้ว มีแม่ และแม่ยายที่ต้องเลี้ยงดู ก็ดิ้นรน ไปขายของที่ตลาดเมืองทอง ขายเป็นแฟชั่นเหมือนเดิมตามที่แฟนผมถนัด ด้วยความบังเอิญ ไปรับของมาขายจากประตูน้ำ เห็นป้าย ให้เช่าที่รายวัน วัน ละ3500 ทำเลดี ผมไม่มีเงินเลยไปชวนเพื่อนมาร่วม แต่ได้รับคำปฏิเสธ แถมยังได้คำถามมาว่าต้องขายอะไรถึงได้ค่าที่ 3500 ไม่เป็นไรผมทำเองก็ได้ ไปรวบรวมเงินในกระปุกลูกชายมาได้ 4000 เอามาจ่ายค่าที่ โจทย์ต่อไปคือ เอาของที่ไหนขายละ ผมค่อยๆนอนคิด "ทำเลเราดี" ลองลงโฟสต์ไปในเวปแฟชั่นดูว่า เรามีทำเลดี รับฝากของขาย โม้นิดๆ ว่าเราขายดีโน้นนี่นั่น ผมได้ของมาขายมูลค่า 90000 วันแรกผมขายได้ 70000 (เป็นไงล่ะขายอะไรละถึงได้ค่าที่รู้คำตอบยัง) ผมได้เครดิตจากการรับฝากขาย 1 อาทิตย์ ก็เอาเงินนั่น แหละมาหมุนซื้อของมาขายได้อีกหลายรอบ จนมีทุนมาก้อนนึง เริ่มบินไปเอาของที่จีนมาขาย(ที่เนี่ยเเหละที่คนไทยชอบพูดว่าเป็นของฮ่องกง) ขายดีมากๆ ตี5-8โมงเช้า เงินต้องมีอยู่ในกระเป๋าแน่นอน 2แสน-3แสน แต่สุดท้ายด้วยประสบการณ์เพียงน้อยนิด ชีวิตผมต้องพังลงอีกครั้ง เพราะตรุษจีน ผมไม่เคยมีประสบการณ์ในการสั่งของตุนของ ของที่ผมได้มาจึงเเพงกว่าชาวบ้าน สุดท้าย ทุนหมด เงินหมด หนี้สินเพิ่ม ผมเริ่มมองหากู้นอกระบบ ผมมีรายจ่ายกับเจ้าหนี้นอกระบบ วันละ 1หมื่น
ตลาดเริ่มแย่ลงเพราะขายไม่ได้ ค่าที่ก็ต้องจ่าย นอกระบบก็ต้องจ่าย บางวันผมต้องนั้งป้ายรถเมล์กับแฟนเพื่อคิดหาหยิบยืม เงินจากเพื่อนฝูง เพื่อนบางคนเห็นเบอร์เราโทรเข้าไปก็ไม่รับ รู้ว่าจะยืมเงิน โธ่ไอ้เพื่อนรัก !!! ตอนมีมาหาเราเช้าถึงเย็นถึง เอาอะไรหาให้ อยากได้อะไรบอก ไม่ช่วยอย่าเดียว กระทืบเราอีก หน่อเพื่อน ร้ายแรงสุดเคยจับมือกับแฟนฆ่าตัวตาย แต่เพราะลูกคิดถึงลูกและคนที่รักเรา ที่คอยให้กำลังใจที่อยู่ข้างหลัง โดนทวงหนี้ต่างๆนานา จนเวลานี้ผมปลดหนี้เกือบหมดแล้ว ยอดขายถึงแม้ไม่ได้ดีเท่าเดิมแต่ผมว่า ผมูอยู่ได้และกิจการผมมั่นคงแน่นอน (แต่ไม่เคยประมาท) ทุกวันเนี้ยเจ้าหนี้นอกระบบของผมทั้งหลายต้องโทรมาชวนให้กู้ และงานที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้น่าจะทำให้ชีวิตผมอยู่ได้ สร้างครอบครัวได้ และทุกวันนี้ผม "ไม่มีเพื่อนตายเลยครับ" สู้ๆนะครับ
ความคิดเห็นที่ 15
อายุ ตั้งแต่เด็ก-15 ช่วยแม่ขายผลไม้
อายุ 16-18 เป็นลูกน้องร้านประดับยนต์ 2000/เดือน
อายุ 18-20 เกเรไร้จุดหมาย 0/เดือน
อายุ 20 บวช 1พรรษา 0/เดือน
อายุ 21-23 พลทหาร 2000-2400/เดือน
อายุ 23-29 ไฟแนนท์รถ 0-20000/เดือน
อายุ 29-32 ปัจจุบัน มีโรงงานเย็บผ้าของตัวเอง 40000-100000/เดือน แต่ไม่มีเงินเก็บ เพราะหมุนสุดๆ เงินที่ซื้อจักรเรื่อยๆ+สร้างโรงงาน มีทั้งในระบบ และนอกระบบ ส่งดอกเดือนละ 10000กว่าๆ มาตลอด
และมีร้านถ่ายเอกสาร(ที่ของตัวเองไม่ได้เช่า) ขาดทุน 3-4000/เดือน บางเดือนก็ได้กำไรนิดหน่อย จำเป็นต้องเปิด จ้างหลานเฝ้าร้าน ให้ช่วยดูบ้านเพราะมีพ่อพิการ 1 คน
..จุดมุ่งหมาย อยากหมดหนี้เร็วๆ แต่งานรับจ้างเย็บประกอบตัวแฟชั่น กำลังปั่นป่วน เพราะยอดขายของประตูน้ำคนที่จ้างเรา ยอดเขาตก ยอดมาจ้างเราก็ตกตาม ก็พยายามจะสร้างแบรนด์ เมดอินไทยแลนด์ของตัวเอง ไส้สู้กับงานจีน(ลูกเล่นเยอะเหลือเกิน ถูกอีกตะหาก) อยากมีชีวิตนิ่งๆได้ เหมือน จขกท จังครับ
สู้ๆครับทุกๆคน
อายุ 16-18 เป็นลูกน้องร้านประดับยนต์ 2000/เดือน
อายุ 18-20 เกเรไร้จุดหมาย 0/เดือน
อายุ 20 บวช 1พรรษา 0/เดือน
อายุ 21-23 พลทหาร 2000-2400/เดือน
อายุ 23-29 ไฟแนนท์รถ 0-20000/เดือน
อายุ 29-32 ปัจจุบัน มีโรงงานเย็บผ้าของตัวเอง 40000-100000/เดือน แต่ไม่มีเงินเก็บ เพราะหมุนสุดๆ เงินที่ซื้อจักรเรื่อยๆ+สร้างโรงงาน มีทั้งในระบบ และนอกระบบ ส่งดอกเดือนละ 10000กว่าๆ มาตลอด
และมีร้านถ่ายเอกสาร(ที่ของตัวเองไม่ได้เช่า) ขาดทุน 3-4000/เดือน บางเดือนก็ได้กำไรนิดหน่อย จำเป็นต้องเปิด จ้างหลานเฝ้าร้าน ให้ช่วยดูบ้านเพราะมีพ่อพิการ 1 คน
..จุดมุ่งหมาย อยากหมดหนี้เร็วๆ แต่งานรับจ้างเย็บประกอบตัวแฟชั่น กำลังปั่นป่วน เพราะยอดขายของประตูน้ำคนที่จ้างเรา ยอดเขาตก ยอดมาจ้างเราก็ตกตาม ก็พยายามจะสร้างแบรนด์ เมดอินไทยแลนด์ของตัวเอง ไส้สู้กับงานจีน(ลูกเล่นเยอะเหลือเกิน ถูกอีกตะหาก) อยากมีชีวิตนิ่งๆได้ เหมือน จขกท จังครับ
สู้ๆครับทุกๆคน
ความคิดเห็นที่ 7
" เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ " ผมว่าประโยคนี้ มันใช้กับคนที่ทำอะไรไม่เป็น หรือวันๆ ไม่ทำอะไร มากกว่านะ
ชีวิตผมเหยียบมันทุกอย่าง ชีวิตก็ยังไม่ไปไหนเลย
ตอนเด็กๆ วัยรุ่น 12-15 เข็นผักใส่ล้อเข็นไปขายตามหมู่บ้านอื่น สมัยนั้นไม่มีรถ
ขายไป อายไป เวลามีเด็กสาวรุ่นๆ มาซื้อ ต้องเอาผ้ามาปิดหน้า อายเค้า 555++
มีแต่คนแก่ๆ มาอุดหนุน เพราะเค้าสงสาร
เรียนจบ มาต่อมหาลัย ก็เป็นเด็กเสริ์ฟ พ่อครัว เด็กล้างจาน ทำแมร่งทุกอย่าง
ให้มีเงินซื้อข้าวกิน มีค่าเทอม มีเงินไปเรียน
มีเพื่อนมาชวนไปเป็นเด็กส่งยา แถวๆห้วยขวาง (สมัยนั้นยาบ้าชุกชุม) ก็เกือบหลงไปทำกะเค้า
โชคดี ที่จำคำสอนของแม่ได้ ว่า " ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดีพร้อมหรอกลู่ก แค่ไม่เป็นคนเลว ก็พอแล้ว "
ทุกวันนี้ ทำงานตำแหน่ง Operation ธรรมดา ก็ไม่คิดอะไรมากมาย ใช้ชีวิตตามอัตภาพ
ประสบการณ์ชีวิต มันบอกว่า
" คนเราจะมีความสุข ไม่ใช่ดิ้นรนขนขวายให้เท่าคนอื่น แต่ควรจะมีความสุขกับสิ่งที่ได้มา เท่าที่เราหามาได้ "
แค่วิ่งอยู่ในลู่ของตัวเองก็พอแล้ว
ชีวิตคนเรามันก็หลากหลาย แบบนี้แหล่ะ
บางคนดิ้นรนมาทั้งชีวิตก็ใช่ว่าจะประสบผลสำเร็จ
บางคนไม่ต้องทำอะไร ความสำเร็จก็รออยู่ตรงหน้า
" ใช้ชีวิตต่อไป.... หายใจต่อไป... ใครจะรู้..... ว่าพรุ่งนี้ กระแสน้ำจะพัดพาอะไรเข้ามา "
ชีวิตผมเหยียบมันทุกอย่าง ชีวิตก็ยังไม่ไปไหนเลย
ตอนเด็กๆ วัยรุ่น 12-15 เข็นผักใส่ล้อเข็นไปขายตามหมู่บ้านอื่น สมัยนั้นไม่มีรถ
ขายไป อายไป เวลามีเด็กสาวรุ่นๆ มาซื้อ ต้องเอาผ้ามาปิดหน้า อายเค้า 555++
มีแต่คนแก่ๆ มาอุดหนุน เพราะเค้าสงสาร
เรียนจบ มาต่อมหาลัย ก็เป็นเด็กเสริ์ฟ พ่อครัว เด็กล้างจาน ทำแมร่งทุกอย่าง
ให้มีเงินซื้อข้าวกิน มีค่าเทอม มีเงินไปเรียน
มีเพื่อนมาชวนไปเป็นเด็กส่งยา แถวๆห้วยขวาง (สมัยนั้นยาบ้าชุกชุม) ก็เกือบหลงไปทำกะเค้า
โชคดี ที่จำคำสอนของแม่ได้ ว่า " ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดีพร้อมหรอกลู่ก แค่ไม่เป็นคนเลว ก็พอแล้ว "
ทุกวันนี้ ทำงานตำแหน่ง Operation ธรรมดา ก็ไม่คิดอะไรมากมาย ใช้ชีวิตตามอัตภาพ
ประสบการณ์ชีวิต มันบอกว่า
" คนเราจะมีความสุข ไม่ใช่ดิ้นรนขนขวายให้เท่าคนอื่น แต่ควรจะมีความสุขกับสิ่งที่ได้มา เท่าที่เราหามาได้ "
แค่วิ่งอยู่ในลู่ของตัวเองก็พอแล้ว
ชีวิตคนเรามันก็หลากหลาย แบบนี้แหล่ะ
บางคนดิ้นรนมาทั้งชีวิตก็ใช่ว่าจะประสบผลสำเร็จ
บางคนไม่ต้องทำอะไร ความสำเร็จก็รออยู่ตรงหน้า
" ใช้ชีวิตต่อไป.... หายใจต่อไป... ใครจะรู้..... ว่าพรุ่งนี้ กระแสน้ำจะพัดพาอะไรเข้ามา "
แสดงความคิดเห็น
+++คุณเคยทำมากี่ "อาชีพ" ค้าขาย "มากี่อย่าง" เปลี่ยนงาน "มากี่ที่"..++
1. อายุ 15 เป็น ลูกจ้างชั่วคราว ใน ขนส่ง ประจำอำเภอ.. (ช่วยรับเรื่องต่อทะเบียนรถ) เงินเดือน 3000 บาท ทำได้ 3เดือน..เขาให้ออก..
2. อายุ 17 ขายข้าวเกรียบปากหม้อ กับหมูย่าง ลูกชิ้น.. ทำอยู่ เกือบปี..
3. อายุ 19 ขาย ข้าวหมูแดง ก๋วยเตี๋ยว.. ทำอยุ่ 3เดือน.. ขายไม่ดี..
4 อายุ 20 ขาย ซิงค์เกอร์ สินค้าผ่อน.. ทำอยู่ 6เดือน.. ขายไม่ได้เลย..
5. อายุ 21 ขายน้ำปั่น ชานมไข่มุก ขายได้ 2เดือน.. ย้ายที่อยู่ใหม่ ที่เก่าทำเลไม่ดี ..หาทำเลไม่ได้ก็เลิกขาย..
6. อายุ 22 เป็นเซลล์ขายหนังสือเข้าห้องสมุดโรงเรียน.. ทำได้ เกือบปี.. เขาปิดกิจการ.. โดนค้างค่าจ้าง...
7. อายุ 23 เป็นลูกมือ ในร้าน อะไหล่รถ มอเตอร์ไซค์ อยู่หลังร้าน ช่วยเขา คว้านเครื่อง ตีปลอก กลึงเหล็ก เกือบตาบอด เพราะเหล็กมันดีด. ลาออก เพราะ ฝุ่นเหล็ก กลัวตาย... ทำได้ 2เดือน
8. อายุ 24 เป็นเด็กเสริฟ ร้านอาหาร เงินน้อย นอนดึก ทิปก็น้อย สู้เด็กเสริฟสาวๆไม่ได้.. ทำได้ 3เดือน..
9. อายุ 25 เป็นเด็กขายซีดีเถื่อนใน ตลาดมืด.. งานสนุกตื่นเต้น.. กลัววิ่งไม่ทัน ทำได้ 4เดือน..ออก..
10. อายุ 26 ลงทุนขาย กาแฟ รถเข็น ทำเลไม่ดีขายได้น้อย.. ขายไปเรื่อยๆ..ครบปี..
11. อายุ 27 ได้ทำเล ดี ขายอาหารตามสั่ง ไกล้หอ.. เงินดี เหนื่อยดี มีความสุขดี แต่ เจ้าของบ้าน ขอร้องให้ออก มีคนเสนอทำ ห้องคาราโอเกะ ให้เงินดีกว่าเรา.. เจ้าของบ้านขอร้อง.. เรา ก็ยอม.. ย้ายบ้านเก็บของกลับ ..
12. อายุ 27.5 ปีเดียวกัน เจ้าของร้านคาราโอเกะ ชวนทำงานเฝ้าร้าน เก็บเงิน รายได้ดี ขอเขาขายกาแฟด้วย เจ้านายใจดี รายได้สองทาง รวมแล้วได้ 2หมื่นกว่า ทำได้เกือบปี เจ้านาย ย้ายกิจการกลับบ้าน...
13. อายุ 28 ขาย เสื้อผ้ามือสอง ตามตลาดนัด.. ทำไปเรื่อยๆ เกือบปี.. ไม่ดีไม่แย่..ไม่รวย ..
14. อายุ 29 ขาย ทุกอย่าง20 พลาสติก ไม่ได้ขายตลาดนัด เช่าห้องเปิดร้าน.. ขายไม่ดี ทำเลไม่ดี.. ขายหมดก็เลิก (ไม่หมดด้วยซิ)
15. อายุ 30 รับจ้างนั่งเป็นเพื่อน คนส่งของข้ามฝั่ง พม่า ..คุ้มกันเงิน 2 ล้าน.. ทำไปกลัวไป.. แม่ให้ออก กลัวตาย..
16. อายุ 31 แต่งงาน อยู่บ้าน เมีย ช่วยแม่ยาย เข้าไร่ เก็บแตงกวา... เหนื่อย..เมื่อย.. ทำไปเรื่อยๆ..
17. อายุ 32 สุดท้ายลงทุน ปลูกบ้านทำร้านค้า ในหมู่บ้าน.. ที่ดินแม่ยาย ยกให้.. ทำเป็นร้านโชว์ห่วย.. ปักหลักแล้ว.. ขายดีมาก.. ไม่มีคู่แข่ง.. สบายดี ไม่ร้อนไม่เหนื่อย..
... อ่อลืมบอก .. ผมจบแค่ ป.6 ไปเรียน กศน. เลยทำงานตั้งแต่ อายุ 15 ผมเป็นลูกพ่อค้าแม่ค้า(ร้านโชว์ห่วย) ช่วงเวลาที่ไม่ทำงานก็กลับบ้านช่วยพ่อแม่ขายของ.. อาจจะดูว่า ผมทำอะไรไม่เป็น"ชิ้นเป็นอัน" คนแถวบ้านก็ว่าผม"เหยียบขี้ไก่"ไม่ฝ่อ.. แต่พ่อแม่ผมไม่เคยว่า.. เขาบอกว่า "หาทางให้เจอ หาอาชีพที่ใช่ ค้นหาตัวเองให้ได้.. สุดท้ายผมก็กลับมาทำในสิ่งที่ผม ถนัดที่สุดคือ.. ค้าขาย ที่ผ่านมา อาจไม่เป็น โล้เป็นพาย แต่ผมก็ได้ประสบการณ์ ... พึ่งจะมาได้ดีตอนอายุ 30 กว่านี่เอง..
.. แต่ยัง..ผมเป็นคนไม่นิ่ง.. ผมยังจะทำไปอีก .มีหลายอย่างที่ผมอยากจะทำ... แต่อายุมากแล้ว ต้องรัดกุม มั่นคง.. ใครเขาว่า ถ้าอายุ 30 แล้วยังตั้งตัวไม่ได้ ก็ไม่ได้ไปทั้งชีวิต.. ผมไม่เชื่อครับ..
... ชีวิตไม่สิ้น ก็ดิ้นกันไปครับ.. ทุกๆท่าน..
ปฐมบทของเรื่องราวผมมาจากกระทู้นี้ครับ http://ppantip.com/topic/30964168