คำอธิบายว่า ทำไม กสทช.ถึงออกมาตรการห้ามซิมคลื่น1800 ดับ

สัมปทานมือถือบนคลื่นความถี่ 1800 MHz ระหว่างบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT กับ บริษัท ทรูมูฟ จำกัดและ บริษัท ดิจิตอล โฟน จำกัด (ดีพีซี) ที่จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในวันที่ 15 กันยายน 2556 นี้ แม้ว่าลูกค้า 17 ล้านราย ไม่ต้องกังวลเรื่อง“ซิมดับ”แต่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ที่เดินหน้ามาตรการ คุ้มครองผู้ใช้บริการ ก็ยังคงถูกตั้งคำถาม ถูกโจมตีจากคนอีกฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการเยียวยาผู้ใช้บริการของ กสทช.

ซึ่งทุกคนในกสทช.ที่ผลักดันมาตรการเยียวยาฯก็ช่วยกันตอบคำถามหลายครั้งหลายหนและก็ไม่เหนื่อยที่จะตอบและอธิบายให้สังคมได้เข้าใจถึงเหตุของกสทช. ในการออกมาตรการเยียวยาฯ ที่ว่านี้ และคราวนี้ ฐากร ตันฑสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) จะเป็นผู้ที่มาตอบคำถาม

แนวหน้า : กรณีคลื่น 1800 MHz จะหมดอายุสัมปทาน 15 ก.ย.นี้แต่ทำไมกสทช.ไม่ประมูลคลื่นก่อน

ฐากร : เหตุผลหลัก 2-3 ข้อคือ หลังจากกสทช.ได้มีการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง 7 ต.ค. 2554 ซึ่งได้แต่งตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่าง กระทรวงไอซีทีกับกสทช. หารือหาทางออกคลื่นความถี่ที่จะหมดอายุในปี’56 ว่าคลื่นจะคืนไปที่ใครในปี’55 มีการตั้งคณะอนุทำงาน โดยมีปลัดกระทรวงไอซีทีเป็นประธาน แต่การเจรจายังไม่สามารถหาข้อยุติได้ ขณะที่กสทช.ได้ข้อยุติแล้ว ว่า คลื่นจะต้องคืนกลับมาที่กสทช. เพื่อให้เปิดประมูลใหม่ แต่ไอซีทีมองว่า คลื่นจะต้องกลับไปที่ผู้ให้สัมปทานคือ บมจ.กสท โทรคมนาคมซึ่งก็มีบทพิสูจน์ โดยไอซีทีนำเรื่องเสนอครม. เพื่อใช้อำนาจมาตรา 74 คือ กสทช.จะต้องปฏิบัติตามที่ครม.แถลงต่อรัฐสภา ซึ่งในวันนั้นตนได้มีโอกาสไปชี้แจงต่อคณะกรรมการกลั่นกรองที่มีคุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังเป็นประธานว่า คลื่น 1800 ยังไงจะไม่สามารถขยายเวลาสัมปทานได้ ถ้าสิ้นสุดจะต้องกลับมาที่กสทช.เพื่อประมูลใหม่ ซึ่งก็ไม่เป็นไรและในวันที่ 29 ส.ค. 2556 ที่ผ่านมาน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที ได้มาพบบอร์ดกทค. บอร์ดโทรคมนาคม พร้อมประธานกสทช.พูดหาทางออกในเรื่องนี้ โดยในเบื้องต้นรมว.ไอซีทีเห็นด้วยในหลักการที่กสทช.ออกมาตรการเยียวยาหลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทานคลื่น1800)

แนวหน้า : แล้วแนวทางแก้ปัญหาหลังคลื่น 1800 สิ้นสุดสัญญาสัมปทานเป็นอย่างไร

ฐากร : กสทช.มีแนวทางในเรื่องนี้ชัดเจนคือ 1.คลื่นที่หมดอายุสัมปทาน จะต้องกลับมาที่กสทช. แต่คลื่นที่ยังไม่ครบสัญญาสัมปทาน เช่น ดีแทค ยังเหลือเวลา 5 ปี จะปรับปรุงสัญญาณขยายต่อไปได้หรือไม่ เป็นมติครม.ที่ไอซีทีขอมติเพื่อจะมาหาทางออกอย่างไร ตอนนี้มันซ้อนกันอยู่ คือ 1800 ที่เป็นทรูมูฟ จะสิ้นสุด 15 ก.ย.นี้ เราจะคืนมาที่กสทช. เป็นสมบัติชาติ เรายืนยันว่าจะต้องประมูลใหม่ แต่ของดีแทคที่จะหมดอายุใน 5 ปีข้างหน้า ทางไอซีทีจะมาคุยกับเราว่าจะขอปรับปรุง เพื่อนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้หรือไม่

แนวหน้า : มีคำถามว่า ก่อนหน้านี้ทำไมกสทช.ไม่รีบโอนย้ายคลื่น 1800

ฐากร : การที่สัญญายังไม่หมดอายุ เราจะไปบังคับประชาชนให้โอนย้ายไม่ได้ เราเพียงแต่ทำการประชาสัมพันธ์แค่นั้นเอง สมมุติว่า ถ้าลูกค้าใช้ทรูมูฟอยู่ สัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดลง 15 ก.ย. 2556 จะไปบอกให้โอนย้ายไปคลื่นอื่นยังทำไม่ได้
จะทำได้ก็ต่อเมื่อสัญญาสิ้นสุดแล้วคือ 15 ก.ย. 2556 เราจึงมีมาตรการเยียวยาออกมา การโอนย้ายเป็นสิทธิของลูกค้า ไม่ใช่ว่าผู้ให้บริการจะบังคับว่าสัญญาจะสิ้นสุด คุณต้องย้ายไปอยู่กลุ่มผมนะ เป็นการตัดสินใจของลูกค้า

นอกจากนี้ กรณีที่กสทช.ไม่สามารถจัดการประมูลก่อนได้ โดยมีเหตุผลสนับสนุน 3 เรื่องคือ1.เรื่องการคืนคลื่น ต้องคืนมาที่กสทช. หรือคืนกระทรวงไอซีที 2.เรื่องสภาพความจำเป็นในการใช้คลื่น อย่างปีที่แล้ว(ปี 2555) ที่เปิดใช้คลื่น 2.1 ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมาก เนื่องจากคลื่นขาดแคลนในตลาด จะเห็นว่า โทรศัพท์มีปัญหา แล้วคลื่น 2.1 เป็นคลื่นที่เหลืออยู่ที่กสทช. แต่คลื่น 1800 เป็นคลื่นที่ใช้งานอยู่ ซึ่งต่างกันในลักษณะการใช้งาน และ 3.ต้องดูสภาพเศรษฐกิจด้วย เราเพิ่งประมูล 2.1 ไป ขณะนี้ผู้ประกอบการกำลังลงทุน ขณะนี้ขยายโครงข่ายได้ 20-30% คาดว่าในสิ้นปีนี้จะขยายโครงข่ายได้50% ซึ่งปีหน้าคงจะครอบคลุมได้ 80% ก็เป็นเรื่องของโอกาสทางการตลาดที่เราจะต้องให้โอกาสที่เค้าลงทุนในส่วนนี้ถามว่าได้มีการเตรียมการประมูลมั้ย เตรียมแน่นอน ร่างประกาศจะเข้าที่ประชุมบอร์ดโทรคมนาคมวันพฤหัสบดีที่ 29 ส.ค. 2556 นี้ การประมูล 1800 ซึ่งก็คือ 4G ในอนาคต อาจจะปี 2557 เดือน เม.ย. หรือ ก.ค.เป็นต้น

แนวหน้า : กรณีสัญญาเช่าจะหมดใน 2 เดือน เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะสามารถคุยกับผู้เช่ารายใหม่ก่อน

ฐากร : เหตุผล คือ ผู้เช่ารายใหม่อาจจะให้ราคาถูกกว่า เพราะคิดว่าจะต้องไปฟ้องขับไล่
เพราะถ้าเค้าไม่ออก จะต้องมีกระบวนการ เช่น ฟ้องขับไล่ บางทีอาจจะหลายปี ตอนนี้เป็นการสิ้นสุดสัญญาสัมปทานครั้งแรกของประเทศ คือบทเรียนว่ากสทช.เดินหน้าเปิดประมูลใหม่แน่นอน นอกจากนั้น ยังไม่เคยมีการสิ้นสุดสัญญาสัมปทานมาก่อน คนที่เคยเป็นเจ้าของคลื่นก็บอกว่าเป็นของตัวเอง กสทช.ที่เข้ามาทำหน้าที่นี้ก็บอกว่าต้องคืนมา ก็โต้เถียงกันอยู่ ตั้งคณะกรรมการ 2 ปีแล้ว ยังทำอะไรกันไม่ได้

แนวหน้า : ยังมีคำถามถึงอำนาจตามกม. ในการออกมาตรการเยียวยา

ฐากร : เราตั้งคณะทำงาน มีอาจารย์ แก้วสรร อติโพธิ เป็นประธานคณะกรรมการชุดนี้ ได้พิจารณา 4 ประเด็น 1.กฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งกำหนดไว้ว่า คลื่นความถี่ในการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และวิทยุโทรคมนาคม ถือเป็นทรัพยากรของชาติ เพื่อประโยชน์สาธารณะ 2.พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ มาตรา 27(13) เขียนว่า เสรีภาพของบุคคลในการสื่อสารถึงกันด้านโทรคมนาคมจะต้องไม่สะดุดหยุดลง 3.พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม 2544 มาตรา 20 เขียนว่า ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม จะหยุดให้บริการทั้งหมดหรือบางส่วนไม่ได้ จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากกสทช. และ 4.มาตรา 15 วรรคสุดท้าย เขียนว่า ในกรณีที่เป็นเหตุแห่งการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ กสทช.มีอำนาจ ในการเพิ่มเงื่อนไขในการกำกับดูแล เพิ่มเติมได้ ถือเป็นการคุ้มครองผลประโยชน์สาธารณะ

เมื่อผนวกกันทั้ง 4 ประเด็นดังกล่าว เรายืนยันว่า รับฟังความคิดเห็นสาธารณะมาร้อยละ 90 เห็นด้วยกับการดำเนินการของกสทช.ถ้าอย่างนี้เราต้องคุ้มครองประโยชน์สูงสุด กสทช.เหมือนเดินมาบนทาง 2 แพร่ง ถ้าปล่อยให้ซิมดับ จะถูกฟ้องว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่ถ้าซิมไม่ดับ กสทช.อาจถูกฟ้องว่าปฏิบัติหน้าที่อันมิชอบกสทช.เลือกทางที่จะคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายทั้งหมดที่กล่าววมา ก็จะต้องไปอิงกับผลประโยชน์ ประชาชน ทำให้เราเลือกตัดสินมีมาตรการเยียวยา ออกมาเพื่อประโยชน์ของประชาชน หรือผู้ให้บริการ

แนวหน้า : รายได้หลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทานคลื่น 1800

ฐากร : ในร่างกฎหมายเดิมบอกว่าผู้ประกอบการจะต้องจ่าย 30% ให้ผู้ให้สัมปทาน หลังจากหักเหลือเท่าไรนำส่งรายได้เข้ารัฐ แต่ร่างกฎหมายใหม่ที่เรารับฟังความคิดเห็นสาธารณะมาคือเราได้รับคำปรึกษาจากผู้แทนกระทรวงการคลัง กสทช. และนักวิชาการ ว่าคลื่นความถี่ หลังจาก 15 ก.ย. 2556 นั้น พอวันที่ 16 ก.ย. 2556คลื่นจะเป็นสมบัติของชาติ กสทช.มีหน้าที่เปิดประมูลคลื่นความถี่นี้ใหม่ แต่ในระหว่างที่เรามีมาตรการเยียวยาคุ้มครองผู้บริโภคชั่วคราว ฉะนั้นรายได้ของคลื่นที่ไม่ใช่ของใครแล้ว ไม่ว่าจะกสท. ทรูมูฟ หรือดีพีซี รายได้นี้จะต้องเป็นของรัฐเท่านั้น เพราะเป็นสมบัติชาติ กสท.หักได้คือค่าเช่าโครงข่าย ในกรณีทรูมูฟ และดีพีซีเอง จะหักได้เฉพาะค่าบริหารจัดการ เท่าต้นทุนตัวเองเท่านั้น ที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมการ 5 คนประกอบด้วย กระทรวงการคลัง คือคนที่จะรับรายได้เป็นประธาน มีผู้แทนจากไอซีที ผู้แทนจากสนง.อัยการสูงสุด ผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีนักเศรษฐศาสตร์ ทั้ง 5 ท่านจะมาคิดต้นทุนจากไอซีทีทรูมูฟ และดีพีซี เพื่อหักค่าบริหารจัดการทั้งหมดเหลือเท่าไร เป็นของแผ่นดินทั้งหมด

แนวหน้า : รัฐจะเสียผลประโยชน์ไหม

ฐากร : รัฐได้ประโยชน์เต็มที่ คนเสียประโยชน์ คือ ผู้ให้สัมปทาน กับผู้รับสัมปทานเดิมที่สัญญาจะสิ้นสุดลง เพราะไม่ได้อะไรเลย การทำอยู่ในช่วงมาตรการเยียวยา จะกดดัน 2 เรื่อง 1.การทำในช่วง 1 ปีนี้ที่ีไม่มีประโยชน์อะไรเกิดขึ้นผู้ให้บริการจะต้องโอนย้ายลูกค้าให้เสร็จโดยเร็ว เพราะไม่มีประโยชน์ 2.จะต้องทำอย่างไรให้รีบโอนย้าย เพราะถ้าปล่อยให้เค้ายังมีผลกำไร อาจจะเป็น 9 เดือน หรือ 1 ปี หรือมากกว่านั้นก็จะไม่รีบในการโอนย้ายให้เสร็จสิ้น การดำเนินการของเรา ยึดถือ 2 เรื่อง คือ 1.คุ้มครองผู้บริโภค 2.คุ้มครองประโยชน์รัฐ ซึ่งร่างทั้งหมด แก้ไขปรับปรุง เพื่อจะส่งให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

แนวหน้า : สุดท้าย ถ้ามีการฟ้องศาลขั้นตอนจะเป็นอย่างไร

ฐากร : แยกกันคนละประเด็น ถ้าจะฟ้องศาลก็ถือเป็นสิทธิที่จะทำ แต่ในส่วนของกสทช.ก็มีอำนาจ ตามกฎหมายที่จะต้องคุ้มครองประชาชนและประโยชน์ของรัฐ เราก็จะยอมรับในกระบวนการที่จะต้องเดินต่อไป เพียงแต่ยืนยันว่าซิมไม่ดับผู้ใช้บริการจะต้องใช้ได้ต่อไป คำสั่งของศาลออกมาอย่างไร กสทช.ยินดีน้อมรับ

ที่มา : http://www.naewna.com/business/66804
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่