วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13:55 น. ข่าวสดออนไลน์
อัยการสั่งฟ้อง 9 แกนพันธมิตรฯ ชุมนุมปี 51 มั่วสุมก่อความวุ่นวาย-เป็นกบฏแผ่นดิน โทษถึงประหาร
เวลา 09.30 น. วันที่ 29 ส.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 นัดสั่งคดี ที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายพิภพ ธงไชย, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำ พธม., นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อดีตแกนนำ พธม.,นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน และอดีตผู้ประสานงาน พธม., นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน, นายอมร อมรรัตนานนท์ และนายเทิดภูมิ ใจดี แนวร่วม พธม. ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 1-9 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ กระทำการให้ปรากฏด้วยวาจาให้ประชาชนละเมิดกฎหมายแผ่นดิน โดยมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไป ซึ่งเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 ,116, 215 และ 216 กรณีกลุ่มพันธมิตรฯได้ชุมนุมทางการเมืองเพื่อต่อต้านรัฐบาล เมื่อ ปี 2551
โดยวันนี้นายจันทพงษ์ ซาบานาตีลา ทนายความ รับมอบอำนาจจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้เดินทางมายื่นคำร้องเพื่อขอเลื่อนนัดฟังการสั่งคดี เนื่องจากผู้ต้องหาติดภารกิจ ประกอบกับผู้ต้องหาที่เป็นแกนนำ พธม.ถูกยื่นฟ้องคดีอื่นอีกหลายคดี ซึ่งเป็นภาระในการหาหลักทรัพย์มาประกันตัว
อัยการพิจารณาแล้ว อนุญาตให้เลื่อนฟังคำสั่งออกไป โดยนัดผู้ต้องพบอัยการอีกครั้งวันที่ 27 ก.ย.นี้ เวลา 10.00 น.
โดยนายธีรพัฒน์ ทะไกรราช อัยการประจำฝ่ายคดีอาญา 5 เจ้าของสำนวน เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้พนักงานอัยการมีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้องในบางข้อหา พร้อมกับทำความเห็นส่งไปให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) พิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ได้ส่งความเห็นกลับมายังอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 และได้ข้อยุติแล้ว โดยขั้นตอนอยู่ระหว่างรอผู้ต้องหาทั้ง 9 คนมารายงานตัว เพื่อฟังคำสั่งที่อัยการให้ฟ้องบางข้อหา ซึ่งจะได้นำตัวยื่นฟ้องศาลอาญาต่อไป
ด้านนายจันทพงษ์ ทนายความ กล่าวว่า คดีนี้อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ ตาม มาตรา 113 และมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ซึ่งเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก มาตรา 215 และ 216 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักทรัพย์เพื่อใช้ประกันตัวหากนัดส่งตัวฟ้องศาล อย่างไรก็ตามยังติดปัญหาหลักทรัพย์ คาดว่านัดหน้าอาจจะต้องขอเลื่อนนัดอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ มาตรา 113 ฐานร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายอันเป็นกระทำกบฏนั้น ตามกฎหมายระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต , มาตรา 116 ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีการอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาลโดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน วางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี
มาตรา 215 ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ เป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรั้บ และมาตรา 216 ฐานเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกไปแต่ไม่เลิก ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM056YzFPVFExTWc9PQ%3D%3D&subcatid
อัยการสั่งฟ้อง 9 แกนพันธมิตรฯ ชุมนุมปี 51 มั่วสุมก่อความวุ่นวาย-เป็นกบฏแผ่นดิน โทษถึงประหาร..........คิดว่าคดีนี้ ล้มปะ?
วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13:55 น. ข่าวสดออนไลน์
อัยการสั่งฟ้อง 9 แกนพันธมิตรฯ ชุมนุมปี 51 มั่วสุมก่อความวุ่นวาย-เป็นกบฏแผ่นดิน โทษถึงประหาร
เวลา 09.30 น. วันที่ 29 ส.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 นัดสั่งคดี ที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายพิภพ ธงไชย, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำ พธม., นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อดีตแกนนำ พธม.,นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน และอดีตผู้ประสานงาน พธม., นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน, นายอมร อมรรัตนานนท์ และนายเทิดภูมิ ใจดี แนวร่วม พธม. ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 1-9 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ กระทำการให้ปรากฏด้วยวาจาให้ประชาชนละเมิดกฎหมายแผ่นดิน โดยมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไป ซึ่งเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 ,116, 215 และ 216 กรณีกลุ่มพันธมิตรฯได้ชุมนุมทางการเมืองเพื่อต่อต้านรัฐบาล เมื่อ ปี 2551
โดยวันนี้นายจันทพงษ์ ซาบานาตีลา ทนายความ รับมอบอำนาจจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้เดินทางมายื่นคำร้องเพื่อขอเลื่อนนัดฟังการสั่งคดี เนื่องจากผู้ต้องหาติดภารกิจ ประกอบกับผู้ต้องหาที่เป็นแกนนำ พธม.ถูกยื่นฟ้องคดีอื่นอีกหลายคดี ซึ่งเป็นภาระในการหาหลักทรัพย์มาประกันตัว
อัยการพิจารณาแล้ว อนุญาตให้เลื่อนฟังคำสั่งออกไป โดยนัดผู้ต้องพบอัยการอีกครั้งวันที่ 27 ก.ย.นี้ เวลา 10.00 น.
โดยนายธีรพัฒน์ ทะไกรราช อัยการประจำฝ่ายคดีอาญา 5 เจ้าของสำนวน เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้พนักงานอัยการมีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้องในบางข้อหา พร้อมกับทำความเห็นส่งไปให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) พิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ได้ส่งความเห็นกลับมายังอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 และได้ข้อยุติแล้ว โดยขั้นตอนอยู่ระหว่างรอผู้ต้องหาทั้ง 9 คนมารายงานตัว เพื่อฟังคำสั่งที่อัยการให้ฟ้องบางข้อหา ซึ่งจะได้นำตัวยื่นฟ้องศาลอาญาต่อไป
ด้านนายจันทพงษ์ ทนายความ กล่าวว่า คดีนี้อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ ตาม มาตรา 113 และมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ซึ่งเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก มาตรา 215 และ 216 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักทรัพย์เพื่อใช้ประกันตัวหากนัดส่งตัวฟ้องศาล อย่างไรก็ตามยังติดปัญหาหลักทรัพย์ คาดว่านัดหน้าอาจจะต้องขอเลื่อนนัดอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ มาตรา 113 ฐานร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายอันเป็นกระทำกบฏนั้น ตามกฎหมายระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต , มาตรา 116 ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีการอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาลโดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน วางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี
มาตรา 215 ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ เป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรั้บ และมาตรา 216 ฐานเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกไปแต่ไม่เลิก ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM056YzFPVFExTWc9PQ%3D%3D&subcatid