จริงๆ พระพุทธเจ้าคงแค่อยากบอกว่า "อย่าคิดมากเลยโยม" แต่บอกแค่นี้ญาติโยมคงไม่หยุดฟูมฟาย เลยต้องพูดอะไรให้คนฟังมึนๆ อืนๆ หายเศร้ากันไป
---------------------------------
แก้ไขเพิ่มเติม คิดว่าผมคงอธิบายไม่เคลียร์ คำตอบเลยไม่ตรงคำถาม
ผมมองว่าพระพุทธเจ้าคือจิตแพทย์ในยุคนั้น เป็นที่ปรึกษาให้คนที่มีทุกข์ สงสัยท่านคงเห็นว่าคนที่มีทุกข์ชอบไปพึ่งฤๅษีชีเปลือยให้เขาหลอกกิน ไม่ก็บูชายัญสิ้นเปลืองทรัพยากร แทนที่จะเอาแพะแกะเป็นร้อยเป็นพันไปเลี้ยงคน ดันเอาไปเผาไฟทิ้งซะนี่
ที่พระพุทธเจ้าตอนแรกไม่ออกโปรดสัตว์ ก็เห็นว่า เออ จริงๆ แล้วคนมีทุกข์เพราะคิดไปเอง ถ้าไม่อยากทุกข์ก็แค่อย่าคิดมาก แต่ให้บอกแค่นี้ใครที่ไหนมันจะยอมรับ พาลไม่ฟังเอาดื้อๆ สังเกตตอนนึงที่พระพุทธเจ้าเจอพราหมณ์แก่หลังบรรลุใหม่ๆ คิดว่าคงคุยกันถึงสิ่งที่ท่านค้นพบ แต่ตาแก่ไม่ฟัง พระพุทธเจ้าเลยคิดได้ว่า คนเราอีโก้มันเยอะ พูดง่ายๆ ไม่ฟัง พูดเรื่องยากๆ ไปเลย คนเรามันชอบนี่ ฟังอะไรที่ดูเหมือนจะมี ดูมีภูมิมีสิ่งยิ่งใหญ่ิ(สังเกตได้ คนเราชอบฟังเทพนิยาย) อธิบายจิตนั่นจิตนี่ คืออ้อมไปอ้อมมา ซึ่งจริงๆ ท่านคงแค่อยากบอกว่า เออ ไอ้ที่พวกโยมเอ็งทุกข์น่ะ คิดกันไปเองทั้งนั้น ก่อนจะทุกข์ให้ดูจิตดูใจตัวเองซะ คิดอะไรอยู่ ทุกข์ก็ทุกข์ที่ใจ ดับทุกข์ก็ให้ดับที่ใจ นั่นล่ะนิพพาน
แต่ทีนี้ไอ้นิพพานมันคือการดับทุกข์ถาวรไปตอนไหนไม่ทราบได้ ธรรมชาติของคนมันทุกข์เป็นระยะๆ ตราบยังไม่ตาย มันก็ทุกข์ทั้งชีวิตนั่นล่ะ ทุกข์แต่ละครั้ืงก็เปลี่ยนหัวข้อไป ที่คนทำได้คือรู้ทันตัวเอง ดับให้จบตรงนั้นเป็นเรื่องๆ ไป อย่าปล่อยไว้นานให้เป็นโรคซึมเศร้าเป็นจิตเภทไป
เวลาผ่านมา นิพพานกลายเป็นจิตว่างซะงั้น แล้วจิตว่างคืออะไร ศัพท์มันตกยุคไปแล้ว คนสมัยนี้ฟังแล้วแค่รู้สึกเท่ แต่ไม่เข้าใจสักนิด สำหรับผม นิพพานแปลง่ายๆ ว่า "ไม่คิดมาก" (อนาคตคำว่าไม่คิดมากก็อาจกลายเป็นคำตกยุคไปอีกทีนึง)
พ่วงอีกเรื่องนึง แล้วพระอรหันต์เป็นใคร ก็เป็นนักศึกษาแพทย์ที่จบหลักสูตรจิตเวชจากพระพุทธเจ้า บำบัดทุกข์เป็นที่ปรึกษาให้ชาวบ้านได้
นี่แหละคือการจาริกไปเพื่อประโยชน์สุขแก่พหูชน
นิพพานคืออะไร
---------------------------------
แก้ไขเพิ่มเติม คิดว่าผมคงอธิบายไม่เคลียร์ คำตอบเลยไม่ตรงคำถาม
ผมมองว่าพระพุทธเจ้าคือจิตแพทย์ในยุคนั้น เป็นที่ปรึกษาให้คนที่มีทุกข์ สงสัยท่านคงเห็นว่าคนที่มีทุกข์ชอบไปพึ่งฤๅษีชีเปลือยให้เขาหลอกกิน ไม่ก็บูชายัญสิ้นเปลืองทรัพยากร แทนที่จะเอาแพะแกะเป็นร้อยเป็นพันไปเลี้ยงคน ดันเอาไปเผาไฟทิ้งซะนี่
ที่พระพุทธเจ้าตอนแรกไม่ออกโปรดสัตว์ ก็เห็นว่า เออ จริงๆ แล้วคนมีทุกข์เพราะคิดไปเอง ถ้าไม่อยากทุกข์ก็แค่อย่าคิดมาก แต่ให้บอกแค่นี้ใครที่ไหนมันจะยอมรับ พาลไม่ฟังเอาดื้อๆ สังเกตตอนนึงที่พระพุทธเจ้าเจอพราหมณ์แก่หลังบรรลุใหม่ๆ คิดว่าคงคุยกันถึงสิ่งที่ท่านค้นพบ แต่ตาแก่ไม่ฟัง พระพุทธเจ้าเลยคิดได้ว่า คนเราอีโก้มันเยอะ พูดง่ายๆ ไม่ฟัง พูดเรื่องยากๆ ไปเลย คนเรามันชอบนี่ ฟังอะไรที่ดูเหมือนจะมี ดูมีภูมิมีสิ่งยิ่งใหญ่ิ(สังเกตได้ คนเราชอบฟังเทพนิยาย) อธิบายจิตนั่นจิตนี่ คืออ้อมไปอ้อมมา ซึ่งจริงๆ ท่านคงแค่อยากบอกว่า เออ ไอ้ที่พวกโยมเอ็งทุกข์น่ะ คิดกันไปเองทั้งนั้น ก่อนจะทุกข์ให้ดูจิตดูใจตัวเองซะ คิดอะไรอยู่ ทุกข์ก็ทุกข์ที่ใจ ดับทุกข์ก็ให้ดับที่ใจ นั่นล่ะนิพพาน
แต่ทีนี้ไอ้นิพพานมันคือการดับทุกข์ถาวรไปตอนไหนไม่ทราบได้ ธรรมชาติของคนมันทุกข์เป็นระยะๆ ตราบยังไม่ตาย มันก็ทุกข์ทั้งชีวิตนั่นล่ะ ทุกข์แต่ละครั้ืงก็เปลี่ยนหัวข้อไป ที่คนทำได้คือรู้ทันตัวเอง ดับให้จบตรงนั้นเป็นเรื่องๆ ไป อย่าปล่อยไว้นานให้เป็นโรคซึมเศร้าเป็นจิตเภทไป
เวลาผ่านมา นิพพานกลายเป็นจิตว่างซะงั้น แล้วจิตว่างคืออะไร ศัพท์มันตกยุคไปแล้ว คนสมัยนี้ฟังแล้วแค่รู้สึกเท่ แต่ไม่เข้าใจสักนิด สำหรับผม นิพพานแปลง่ายๆ ว่า "ไม่คิดมาก" (อนาคตคำว่าไม่คิดมากก็อาจกลายเป็นคำตกยุคไปอีกทีนึง)
พ่วงอีกเรื่องนึง แล้วพระอรหันต์เป็นใคร ก็เป็นนักศึกษาแพทย์ที่จบหลักสูตรจิตเวชจากพระพุทธเจ้า บำบัดทุกข์เป็นที่ปรึกษาให้ชาวบ้านได้
นี่แหละคือการจาริกไปเพื่อประโยชน์สุขแก่พหูชน