เห็นสภาพสภาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติในระหว่างการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา แน่นอน สำหรับพรรคเพื่อไทยคงไม่ต้องสาธยายให้วุ่นวายว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมเช่นนั้น
แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์แล้ว คงต้องถามว่า
การสำแดงพฤติกรรมเช่นนั้น ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาบ้าง การโห่ฮาป่า การกรีดร้องของ 2 ส.ส.หญิงพรรคประชาธิปัตย์คือนางสาวนริศา อดิเทพวรพันธุ์และนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุลที่อ้างว่า ตกใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาชายพยายามจะเข้ามาจับตัวจนผู้คนวิพากษ์วิจารณ์กันทั้งบ้านทั้งเมืองได้ประโยชน์อะไร แถมนอกจากไม่เกิดประโยชน์อะไรต่อชาติบ้านเมืองแล้ว ยังทำให้ประชาชนคนไทยเสื่อมศรัทธาต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างหนักเข้าไปอีก
แน่นอน สำหรับแม่ยกพ่อยกพรรคประชาธิปัตย์ก็คงชูรักแร้สนับสนุนกันอย่างหน้ามืดตามัวต่อไป แต่สำหรับประชาชนผู้มีเสียงเลือกตั้งที่ยังมิได้เลือกข้างชัดเจนย่อมเกิดความรู้สึกไม่ดีกับพรรคประชาธิปัตย์ และเชื่อว่า
พฤติกรรมในครั้งนี้จะส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ไม่น้อย
“สิ่งหนึ่งที่เหมือนเป็นจุดแข็งแต่แท้จริงเป็นจุดอ่อนที่สุดของพรรคประชาธิปัตย์คือ
ชอบแก้ปัญหาด้วยวาทกรรม ผมเตือนด้วยความหวังดีในฐานะกัลยาณมิตรจริงๆ ว่าประชาธิปัตย์จะอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ผมเสนอให้ประชาธิปัตย์ออกมานำมวลชนในการปฏิวัติประเทศ ผมถือว่าประชาธิปัตย์หลงผิดไปพลาดไปมีโอกาสกลับตัวได้ ผมเสนอความคิดนี้ด้วยความจริงใจ ถ้าเราเอาชาติเป็นที่ตั้ง ทิ้งองค์ประกอบโดยรวมออก เราไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นคนไทยคนหนึ่งที่หวังให้ชาติบ้านเมืองเข้มแข็ง ด้วยภาคประชาชน แล้วมากำหนดกติกากันในการที่จะให้อยู่ร่วมกันได้ มีเอกภาพในทางความคิด มีความสามัคคีในการเดินหน้าต่อไปประเทศไทยเราถึงจะอยู่รอดได้”
“
ถึงเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องเสียสละบ้าง ถ้าไม่ลาออกจาก ส.ส.มานำประชาชน การเปลี่ยนแปลงในชาติบ้านเมืองจะไม่เกิดขึ้น แล้ว
ในที่สุดพรรคประชาธิปัตย์จะต้องจบลงในประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นพรรคที่เล็กลงๆ และถ้าประเทศไทยถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ยึดเมื่อไหร่ พรรคประชาธิปัตย์คือตัวการ ถ้ายังไม่ออกมาเท่ากับยกประเทศให้เขาไป ประชาธิปัตย์มีโอกาสแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเอง ถ้าประชาธิปัตย์รอจนถึงวาระ 3 พอยกมือแพ้ แล้วออกตอนนั้น จะกลายเป็นคนขี้แพ้ชวนตีทันที หากถามว่าแล้วใครจะบริหารประเทศ ให้ถวายคืนพระราชอำนาจแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อตั้งนายกฯและรัฐบาลมาดูแลประเทศไทย 2 ปี แล้วให้รัฐบาลชุดใหม่ตั้งงบประมาณเพื่อจัดตั้งระบบกติกากันใหม่ แล้วจะไม่มีระบบxxxในสภาฯอีก”
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000105680
กล้าวัดใจแมงสาบเลยเหรอแป๊ะ
“แมลงสาบ” ไม่ทิ้งเก้าอี้ ส.ส. ใบเสร็จ “ปชป.” ฮั้ว “แม้ว”
เห็นสภาพสภาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติในระหว่างการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา แน่นอน สำหรับพรรคเพื่อไทยคงไม่ต้องสาธยายให้วุ่นวายว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมเช่นนั้น
แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์แล้ว คงต้องถามว่า การสำแดงพฤติกรรมเช่นนั้น ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาบ้าง การโห่ฮาป่า การกรีดร้องของ 2 ส.ส.หญิงพรรคประชาธิปัตย์คือนางสาวนริศา อดิเทพวรพันธุ์และนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุลที่อ้างว่า ตกใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาชายพยายามจะเข้ามาจับตัวจนผู้คนวิพากษ์วิจารณ์กันทั้งบ้านทั้งเมืองได้ประโยชน์อะไร แถมนอกจากไม่เกิดประโยชน์อะไรต่อชาติบ้านเมืองแล้ว ยังทำให้ประชาชนคนไทยเสื่อมศรัทธาต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างหนักเข้าไปอีก
แน่นอน สำหรับแม่ยกพ่อยกพรรคประชาธิปัตย์ก็คงชูรักแร้สนับสนุนกันอย่างหน้ามืดตามัวต่อไป แต่สำหรับประชาชนผู้มีเสียงเลือกตั้งที่ยังมิได้เลือกข้างชัดเจนย่อมเกิดความรู้สึกไม่ดีกับพรรคประชาธิปัตย์ และเชื่อว่า พฤติกรรมในครั้งนี้จะส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ไม่น้อย
“สิ่งหนึ่งที่เหมือนเป็นจุดแข็งแต่แท้จริงเป็นจุดอ่อนที่สุดของพรรคประชาธิปัตย์คือ ชอบแก้ปัญหาด้วยวาทกรรม ผมเตือนด้วยความหวังดีในฐานะกัลยาณมิตรจริงๆ ว่าประชาธิปัตย์จะอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ผมเสนอให้ประชาธิปัตย์ออกมานำมวลชนในการปฏิวัติประเทศ ผมถือว่าประชาธิปัตย์หลงผิดไปพลาดไปมีโอกาสกลับตัวได้ ผมเสนอความคิดนี้ด้วยความจริงใจ ถ้าเราเอาชาติเป็นที่ตั้ง ทิ้งองค์ประกอบโดยรวมออก เราไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นคนไทยคนหนึ่งที่หวังให้ชาติบ้านเมืองเข้มแข็ง ด้วยภาคประชาชน แล้วมากำหนดกติกากันในการที่จะให้อยู่ร่วมกันได้ มีเอกภาพในทางความคิด มีความสามัคคีในการเดินหน้าต่อไปประเทศไทยเราถึงจะอยู่รอดได้”
“ถึงเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องเสียสละบ้าง ถ้าไม่ลาออกจาก ส.ส.มานำประชาชน การเปลี่ยนแปลงในชาติบ้านเมืองจะไม่เกิดขึ้น แล้วในที่สุดพรรคประชาธิปัตย์จะต้องจบลงในประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นพรรคที่เล็กลงๆ และถ้าประเทศไทยถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ยึดเมื่อไหร่ พรรคประชาธิปัตย์คือตัวการ ถ้ายังไม่ออกมาเท่ากับยกประเทศให้เขาไป ประชาธิปัตย์มีโอกาสแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเอง ถ้าประชาธิปัตย์รอจนถึงวาระ 3 พอยกมือแพ้ แล้วออกตอนนั้น จะกลายเป็นคนขี้แพ้ชวนตีทันที หากถามว่าแล้วใครจะบริหารประเทศ ให้ถวายคืนพระราชอำนาจแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อตั้งนายกฯและรัฐบาลมาดูแลประเทศไทย 2 ปี แล้วให้รัฐบาลชุดใหม่ตั้งงบประมาณเพื่อจัดตั้งระบบกติกากันใหม่ แล้วจะไม่มีระบบxxxในสภาฯอีก”
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000105680
กล้าวัดใจแมงสาบเลยเหรอแป๊ะ