“เธอกำลังทำให้ฉันประสาทอีกแล้วนะ”
แบงค์พูดก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงเพราะเป็นห่วงน้ำตาล แต่ทว่าเพียงแค่แบงค์เปิดประตูออกเขาก็ได้พบน้ำตาลเพราะเธอนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่หน้าห้องของเขา
“น้ำตาล”
แบงค์เรียกชื่อน้ำตาลแผ่วเบาเพราะกลัวว่าเธอจะตกใจ
“แบงค์...ฮือ”
น้ำตาลร้องไห้โฮโผกอดแบงค์ไว้ในอ้อมแขนด้วยความหวาดกลัว เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นที่ดังถี่ขึ้นทำให้แบงค์กระชับอ้อมกอดของเขาให้แน่นขึ้นเพราะไม่อยากรับรู้ถึงความสั่นไหวของร่างสมส่วนที่โอบกอดเขาไว้จนแน่นหนาเช่นกัน
เพราะความหวาดกลัวที่ครุกรุ่นอยู่ในใจทำให้น้ำตาลไม่ยอมปล่อยแบงค์ให้หลับลงง่ายๆทั้งที่เขานอนอยู่บนพื้นข้างๆเตียงเธอ
“นี่นายอย่าเพิ่งหลับซิ”
น้ำตาลส่งเสียงกวนแบงค์เพราะไม่อยากให้เขาหลับ
“นี่คุณใจคอจะคุยกับผมยันเช้าเลยหรือไง....ผมง่วงนอนนะ”
แบงค์โวยขึ้นบ้างหลังจากนอนส่งเสียงให้น้ำตาลได้ยินมากว่าสองชั่วโมง
“เพิ่งห้าทุ่มเองนายง่วงแล้วเหรอ.......ฉันไม่ยอมให้นายนอนหรอก”
“แล้วกี่ทุ่มผมถึงจะได้นอนหรือต้องรอให้คุณหลับก่อนครับคุณผู้หญิง”
“นายก็รู้ดีอยู่แล้วจะมาถามฉันทำไม”
น้ำตาลพูดหันมายิ้มให้แบงค์ด้วยความชอบใจที่เห็นเขาหงุดหงิด
“ไม่นอนก็อย่านอน”
แบงค์ชักโมโหที่เห็นน้ำตาลหัวเราะชอบใจ ยกเท้าขึ้นถีบโต๊ะปลายเท้าจนล้มคว่ำ
“กรี๊ด....”
น้ำตาลร้องเสียงหลงเพียงชั่ววินาทีเดียวเธอก็ลงไปนอนซบอกแบงค์และกอดเขาไว้แน่น
“นี่คุณ.....”
แบงค์ส่งเสียงเรียกน้ำตาลสั่นๆเพราะเขาเองก็ตกใจไม่น้อยที่น้ำตาลทำแบบนี้
“นายไม่ต้องมาพูดมากฉันกลัว.....ฉันกลัว....ให้ตายยังไงฉันก็จะนอนตรงนี้”
น้ำตาลยืนยันหนักแน่นกอดแบงค์แน่นไม่ยอมปล่อย
“เอ่อคือ.....เอ่อ”
แบงค์เองก็พูดไม่ออกเพราะน้ำตาลทำให้เขานอนแข็งเป็นท่อนไม้เพราะอาการเกร็ง
“เอาวะ......ไม่ใช่คนอื่นคนไกลซะหน่อย”
แบงค์คิดในใจก่อนจะตัดสินใจหลับตาลงทั้งๆที่น้ำตาลนอนกอดเขาอยู่
เช้าวันใหม่เพราะน้ำหนักของศีรษะของน้ำตาลที่หนุนอยู่บนต้นแขนแข็งแรงของแบงค์มาทั้งคืน ทำให้เขาลืมตาขึ้นก่อนเพราะความรู้สึกเมื่อยล้า และเพราะใบหน้างดงามของสาวสวยตรงหน้าทำให้แบงค์เบิ่งดวงตาคมเข้มด้วยความตกใจเล็กๆ
“ยังสวยไม่เปลี่ยนเลยนะ.......กลิ่นแชมพูก็ยังหอมเหมือนเดิม”
แบงค์พรึมพรำจ้องมองใบหน้างดงามของผู้หญิงที่เคยเป็นสุดที่รักของเขาไม่วางสายตา
“อืม”
น้ำเสียงงู่งี่ของน้ำตาลที่ดังขึ้นทำให้แบงค์ปิดเปลือกตาให้สนิทลงก่อนที่เธอจะลืมตาขึ้นเพียงแค่วินาที
“เฮ้ย....”
น้ำตาลเผลออุทานด้วยความตกใจยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน
“ยังหล่อบาดใจเหมือนเดิมเลยนะ”
น้ำตาลพูดกับแบงค์พร้อมมอบรอยยิ้มแห่งความคิดถึงให้เขาเพราะเข้าใจว่าแบงค์หลับอยู่
“เธอรู้ไหมว่าเธอเซ็กซี่และน่าฟัดที่สุดตอนที่เธอหลับแบบนี้”
น้ำตาลอมยิ้มอยู่คนเดียวก่อนจะก้มลงสัมผัสริมฝีปากที่แสนคิดถึงของแบงค์ ด้วยริมฝีปากบางที่แสนแผ่วเบาของเธอ
“เราคิดถึงเธอ”
น้ำตาลพูดเสียงแผ่วก่อนจะค่อยๆย่องออกจากห้องแบงค์โดยที่ไม่รู้เลยว่าทุกสัมผัสและทุกคำพูดของเธอทำให้เขาใจเต้นแรง แต่เมื่อนึกถึงความเจ็บปวดที่เคยได้รับในอดีตก็ทำให้แบงค์ต้องเตือนสติตัวเองให้เอาใจออกห่างน้ำตาลเพราะเธอทำได้แค่ทำร้ายหัวใจของคนอื่นและที่สำคัญผู้หญิงคนเดียวที่รักและอยู่ข้างๆเขาก็คือปูน
ภาพของน้ำตาลที่นั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องของแบงค์และภาพที่แบงค์เปิดประตูรับเธอเข้าไปในห้องถูกปิดประกาศไปทั่วโรงแรม และถูกเผยแพร่ลงอินเตอร์เน็ตอย่างรวดเร็วทำให้น้ำตาลตามหาพันธมิตรจนแทบจะพลิกโรงแรมเพราะรู้ดีว่าเป็นฝีมือเขาแน่ๆ
“ไอ้บ้านี่นายอยู่ไหนออกมาเดี๋ยวนี้”
น้ำตาลโวยเสียงลั่นหลังจากตามหาพันธมิตรมาหลายชั่วโมง
“นายมันไม่ใช่ลูกผู้ชายแน่จริงออกมาหาฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ.....นายมันน่ารังเกลียดที่สุดเพราะนายเป็นแบบนี้ฉันถึงไม่เคยรักนายไงล่ะ....ไอ้บ้า”
เพราะประโยคสุดท้ายที่แทงใจดำทำให้พันธมิตรยอมออกจากที่ซ่อนเพราะความโมโห
“สำหรับผู้หญิงสารเลวอย่างเธอโดนแบบนี้มันยังไม่ได้เศษเสี้ยวที่เธอทำกับคนอื่นเขาไว้หรอก”พันธมิตรกล่าวเสียงเข้มจ้องมองน้ำตาลด้วยความชิงชัง
“แก....แกมันเลวเลวยิ่งกว่าฉันเสียอีก....ไอ้สารเลว”
น้ำตาลโมโหจนฟิวขาดยกมือขึ้นจะตบพันธมิตรแต่กลับถูกเขารวบมือไว้อย่างง่ายดาย
“ผมเคยบอกคุณแล้วว่าคุณจะไม่มีวันทำร้ายผมได้อีกแต่จะเป็นผมเองที่เล่นเกมส์กับคุณ..........เตรียมตัวรับความพินาศไว้ให้ดีเถอะ”
พันธมิตรยิ้มเยาะก่อนจะพลักน้ำตาลจนล้มลงกับพื้นแล้วเดินจากไป
“ไอ้บ้า.....ฉันเกลียดแก.....เกลียดที่สุดในโลก....เกลียด...เกลียด.....เกลียด”
น้ำตาลร้องไห้โฮขย้ำทรายที่พื้นเฟี้ยงใส่พันธมิตรด้วยความแค้นใจที่ถูกเขาเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว
“มีปัญญาทำได้แค่นี้เหรอครับคุณผู้หญิง ทำให้ผมเดือดร้อนแล้วคุณก็มานั่งร้องไห้เป็นเด็กไม่รู้จักโตแบบนี้เหรอ”
น้ำเสียงทุ้มของแบงค์ที่ดังขึ้นทำให้น้ำตาลหันไปตวาดเขาเสียงลั่น
“อยากจะด่าก็ด่ามาเลยฉันเกิดมาให้พวกนายด่าอยู่แล้วนี่....เชิญด่าให้สบายใจเลย”
น้ำตาลพูดก่อนจะลุกขึ้นเก็บรูปของเธอและแบงค์ที่มีอยู่ทั่วไปหมด
“ฉันเกลียดนาย.....เกลียดที่สุด.....ไอ้คนบ้า”
น้ำตาลเก็บรูปไปร้องไห้ไปเพราะไม่อาจทำอะไรได้อีก
“เลิกทำตัวเป็นเด็กแล้วก็ไปทำงานได้แล้ว”
แบงค์พูดขึ้นตรงเข้าฉุดแขนน้ำตาลให้ไปดูสถานที่จัดงานกับเขา
“แล้วรูปพวกนี้ล่ะ”
น้ำตาลเอ่ยถามเพราะความไม่สบายใจ
“ช่างมันเหอะมันเกลื่อนโรงแรมซะขนาดนี้เก็บยังไงก็ไม่หมด”
“แต่ว่าฉัน.....ฉัน”
“ช่างมันเหอะเพราะว่าเมื่อคืนนี้คุณอยู่กับผมจริงๆคุณจะเดือดร้อนทำไมในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง มันก็แค่เรื่องเข้าใจผิดพอกลับกรุงเทพทุกอย่างก็จบ”
แบงค์พูดเสียงเรียบลากน้ำตาลไปทำงานต่อจนได้
“ฉันจะเอาม่านสีชมพูคุณอย่ามาจุ้นได้ไหมคุณพงษ์พันธ์”น้ำตาลเรียกชื่อแบงค์เต็มยศเพราะเขาขัดใจเธอ
“คุณนี่น่ารำคาญที่สุดเลยดอกกุหลาบสีแดงกับสีชมพูม่านก็ต้องเป็นขาวถึงจะสวย”
แบงค์เถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้
“นายอย่ามาขัดใจฉันเพราะว่าฉันจะขอสั่งนายให้เอาม่านสีชมพูเพราะว่าฉันคือลูกสาวเจ้าของบริษัท”
“ผมก็จะขอบอกคุณว่าผมคงทำตามคุณไม่ได้เพราะรสนิยมคุณมันห่วยที่สุด”
“นี่นาย......”
น้ำตาลชี้หน้าแบงค์ด้วยความโมโหแต่เขากลับสรุปเอาเองแล้วเดินหนีเธออย่างไม่ยอมรับฟัง
“ตกลงม่านเป็นสีขาว”
“ฉันจะเอาม่านสีชมพู.....ม่านสีชมพูนายไม่เข้าใจหรือไง”
น้ำตาลโมโหแบงค์คว้าขวดน้ำพลาสติกปาใส่แบงค์จนเขาแทบหัวทิ่ม
“จะเอาม่านสีชมพูได้แล้วใช่ไหม”
เพราะคำพูดของน้ำตาลทำให้แบงค์หันกลับมาจ้องหน้าเธอตาขวาง
“ไม่ว่าม่านสีอะไรมันก็ไม่ใช่งานแต่งงานของเธอ งานแต่งงานที่มีแต่ดอกกุหลาบสีขาวและม่านสีขาวเจ้าบ่าวและเจ้าสาวใส่ชุดสีขาวบางเบา เธอจะไม่มีวันได้แต่งงานแบบนั้นแบบที่เธอฝัน เธอฝันไว้ใช่ไหมว่าจะแต่งงานชายทะเลแบบนี้มันไม่มีวันเป็นจริงหรอกเพราะว่าฉันจะไม่มีวันยืนข้างๆเธอและเป็นเจ้าบ่าวของเธอเพราะฉะนั้นอย่าพยายามทำแบบนี้อีกมันน่ารำคาญ”
เพราะคำพูดของแบงค์ทำให้ยืนนิ่งอึ้งด้วยความสะเทือนใจมีเพียงหยดน้ำตาเท่านั้นที่ไหลรินให้แบงค์ได้รู้ว่าเธอกำลังเจ็บปวด
“แล้วก็เลิกร้องไห้ขอคะแนนความสงสารจากผมได้แล้ว เพราะว่ามันน่าทุเรศมากกว่า”
“มันไม่เคยง่ายเลยจริงๆที่ฉันจะลืมเธอถึงวันนี้มันก็ยังไม่เคยง่ายขึ้นเลย แต่ว่าเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมานี้เธอทำให้ฉันรู้ว่ามันง่ายแค่นิดเดียว.....ง่ายดายจริงๆ”
น้ำตาลพูดเสียงเรียบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเอง
“ก็แค่ยอมรับความจริงแค่ยอมรับว่าในใจเธอไม่มีฉันมาตั้งนานแล้ว......แค่นั้นเอง....แค่นั้นจริงๆ”น้ำตาลพูดหันหน้าหนีแบงค์อย่างกลัวว่าเขาจะได้เห็นหยดน้ำตาของเธอที่ไหลรินอีกครั้ง
“คุณเพิ่งรู้จริงๆนะเหรอว่ามันง่ายแสนง่ายที่จะลืมคนบางคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราเพื่อจะผ่านไป”แบงค์พูดหันหลังให้น้ำตาลเช่นกัน
“ปูน”
แบงค์อุทานด้วยความตกใจเมื่อเขาหันมาเห็นว่าที่ภรรยายืนอยู่ตรงหน้า แววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและเสียใจยิ่งทำให้แบงค์รู้สึกผิดต่อเธอและนึกโทษตัวเองที่เคยแอบเผลอหวั่นไหวไปกับน้ำตาล
“เธอสบายดีไหม”
ปูนมองเลยแบงค์ไปและเอ่ยถามน้ำตาลที่หันมาเผชิญหน้ากับเธอด้วยสีหน้าที่ตกใจไม่แพ้แบงค์สักนิด
“ว่าไงล่ะพยายามจะแย่งแฟนคนอื่นแล้วมันรู้สึกยังไงบ้าง.....มีความสุขดีไหมที่พยายามจะทำให้ฉันต้องเจ็บปวดอีกครั้ง”
ปูนพูดกับน้ำตาลเสียงเรียบแต่ทว่าดวงตาคู่กลมที่จ้องมองมาที่เธอกลับเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดและความเดือดดาล
“ไม่ต้องเสียเวลาพูดกับคนไม่สำคัญอย่างเธอหรอกปูน”
แบงค์ตัดบทและคว้าข้อมือปูนไว้เพราะไม่อยากให้สองสาวมีเรื่องกัน
“ถ้าเธอไม่ได้คิดนอกใจเราก็ไม่ต้องพูดอะไร เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอแต่เป็นเรื่องของฉันกับอดีตแฟนของเธอ”
เพราะคำพูดของปูนทำให้แบงค์ยอมปล่อยข้อมือเธอให้เป็นอิสระแต่ก็ยังไม่ยอมไปไหน
“ที่ฉันมาที่นี่เพราะรูปบ้าๆนั้นและฉันต้องการให้ทุกอย่างจบลงวันนี้ฉันไม่ต้องการความรักที่เป็นแค่เรื่องโกหก”
“ฉันไม่เคยโกหกหัวใจตัวเองไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว แต่เมื่อไม่มีประโยชน์อะไรและไม่มีความหมายที่จะรักเขาต่อไปทุกอย่างก็จบ”
น้ำตาลกล่าวขึ้นหลังจากยืนนิ่งเงียบมานาน
“เธอหมายความว่าว่าที่สามีของฉันจบแล้วแต่เธอจบไม่ลงอย่างนั้นเหรอ”
“ถ้าเธออยากจะฟังความจริงฉันก็จะพูด ฉัน.....”
“พอเถอะอย่าพูดอีกเลย…..”
แบงค์ร้องห้ามเพราะกลัวสิ่งที่น้ำตาลกำลังจะพูด
“ถ้าเธอยังไม่เปลี่ยนใจ.....ถ้าเธอยังอยู่ข้างเราก็ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว แต่ถ้าเธอไม่แน่ใจหรืออยากจะกลับไปหาเขาก็ทำได้เลย และนี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายของเธอเพราะเราจะไม่มีวันปล่อยเธอไปอีก”เพราะคำพูดของปูนทำให้แบงค์ต้องเงียบลงอีกครั้ง แม้ในใจจะไม่คิดจะกลับไปหาน้ำตาลอีกแต่เขาก็ยังไม่อาจวางใจเดินออกไปได้
“มันไม่มีปัญหาอะไรสำหรับเธอสองคนในเมื่อเธอสองคนรักกันและกำลังจะแต่งงานกัน เธอไม่จำเป็นต้องสนใจคนที่ไม่มีความสำคัญอย่างฉันหรอก”
น้ำตาลพูดจะเดินหนีแต่ทว่าปูนกลับคว้าข้อมือของน้ำตาลไว้
“ตอบฉันก่อนว่าเธอรักเขาอยู่หรือปล่าว”
“รัก”
น้ำตาลตอบโดยไม่ลังเลสักนิดทำให้ปูนชาไปทั้งลำตัวเช่นเดียวกับแบงค์ที่ยืนนิ่งอึ้งสมองอื้ออึงไปหมด
“เพี๊ยะ....”
ใบหน้างดงามของน้ำตาลสะบัดไปตามแรงตบของปูนท่ามกลางความตกใจของแบงค์ที่ทำได้แค่ยืนนิ่ง
“เพราะเธอยังรักเขาอยู่การกระทำของเธออย่างในรูปภาพมันจึงเป็นเรื่องหยาบช้าที่ฉันยอมไม่ได้ เพราะมันหมายความว่าเธอคิดจะแย่งเขาไปจากฉัน”
ปูนพูดก่อนจะควงแขนแบงค์ที่ยืนนิ่งเป็นหุ่นให้เดินออกปากตรงนั้น
“ให้ฉันพยายามให้ตายมันก็ไร้ประโยชน์เพราะในใจเขามีแต่เธอ”
น้ำตาลพูดกับตัวเองก่อนจะล้มตัวลงบนหาดทรายขาวเพื่อร้องไห้ให้กับตัวเองที่หัวใจยังคงเจ็บเพราะแบงค์
“ปูน”แบงค์เอ่ยเรียกปูนที่เดินเรื่อยเปื่อยไปบนชายหาดที่ทอดยาวจนสุดลูกหูลูกตา
“ถ้าเธออยากด่าเราก็ทำได้เลยไม่ต้องเก็บเงียบไว้คนเดียวหรอก เธอไม่พูดอะไรเลยแบบนี้มันทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองเลวร้ายจนถึงขั้นสุดท้ายแล้ว”
“เธออยากให้เราพูดจริงๆนนะเหรออยากให้เราระบายมันออกมาจริงๆนะเหรอ”
ปูนหันมาพูดกับแบงค์เสียงเครียด
“บอกความรู้สึกของเธอกับเราแล้วเราจะช่วยเธอรับความรู้สึกพวกนั้นไว้เองแต่ถ้ามันทำให้เธอเจ็บก็ยกมันให้เราเถอะเราจะแบกมันไว้คนเดียวเอง”
เพราะคำพูดของแบงค์ทำให้ปูนจ้องมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคับใจ
“เราโกรธเธอ....เราน้อยใจเธอ.....เธอทำให้เราเสียใจ...เราอยากจะทิ้งเธอไปอยากจะเกลียดเธอแต่เราก็ทำได้แค่รักเธอ.....ทำได้แค่นั้นจริงๆ...ฮือ”
ปูนร้องไห้โฮโอบกอดแบงค์ไว้ในอ้อมแขนแน่นหนาไม่แพ้ที่เขากอดเธอเช่นกัน
“เธอรู้บ้างไหมว่าเรากลัวแค่ไหน.....เรากลัวจนจะเป็นบ้าว่าเธอจะกลับไปหาเขาไปหาผู้หญิงที่เธอเคยรักเขาจนหมดหัวใจ”
“เราจะอยู่กับเธอตลอดไปจะอยู่ที่ตรงนี้ไม่ไปไหน ถ้าเธอไม่ทิ้งเราเราก็ไม่มีวันทิ้งเธอไปไหนเราสัญญา”
แบงค์ให้สัญญาที่ดังมาจากหัวใจของเขาสองมือกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกเพื่อย้ำให้ปูนมั่นใจว่าเธอคือผู้หญิงที่เขาเลือกที่จะอยู่ด
พิษรัก ตอนที่ 11
“เธอกำลังทำให้ฉันประสาทอีกแล้วนะ”
แบงค์พูดก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงเพราะเป็นห่วงน้ำตาล แต่ทว่าเพียงแค่แบงค์เปิดประตูออกเขาก็ได้พบน้ำตาลเพราะเธอนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่หน้าห้องของเขา
“น้ำตาล”
แบงค์เรียกชื่อน้ำตาลแผ่วเบาเพราะกลัวว่าเธอจะตกใจ
“แบงค์...ฮือ”
น้ำตาลร้องไห้โฮโผกอดแบงค์ไว้ในอ้อมแขนด้วยความหวาดกลัว เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นที่ดังถี่ขึ้นทำให้แบงค์กระชับอ้อมกอดของเขาให้แน่นขึ้นเพราะไม่อยากรับรู้ถึงความสั่นไหวของร่างสมส่วนที่โอบกอดเขาไว้จนแน่นหนาเช่นกัน
เพราะความหวาดกลัวที่ครุกรุ่นอยู่ในใจทำให้น้ำตาลไม่ยอมปล่อยแบงค์ให้หลับลงง่ายๆทั้งที่เขานอนอยู่บนพื้นข้างๆเตียงเธอ
“นี่นายอย่าเพิ่งหลับซิ”
น้ำตาลส่งเสียงกวนแบงค์เพราะไม่อยากให้เขาหลับ
“นี่คุณใจคอจะคุยกับผมยันเช้าเลยหรือไง....ผมง่วงนอนนะ”
แบงค์โวยขึ้นบ้างหลังจากนอนส่งเสียงให้น้ำตาลได้ยินมากว่าสองชั่วโมง
“เพิ่งห้าทุ่มเองนายง่วงแล้วเหรอ.......ฉันไม่ยอมให้นายนอนหรอก”
“แล้วกี่ทุ่มผมถึงจะได้นอนหรือต้องรอให้คุณหลับก่อนครับคุณผู้หญิง”
“นายก็รู้ดีอยู่แล้วจะมาถามฉันทำไม”
น้ำตาลพูดหันมายิ้มให้แบงค์ด้วยความชอบใจที่เห็นเขาหงุดหงิด
“ไม่นอนก็อย่านอน”
แบงค์ชักโมโหที่เห็นน้ำตาลหัวเราะชอบใจ ยกเท้าขึ้นถีบโต๊ะปลายเท้าจนล้มคว่ำ
“กรี๊ด....”
น้ำตาลร้องเสียงหลงเพียงชั่ววินาทีเดียวเธอก็ลงไปนอนซบอกแบงค์และกอดเขาไว้แน่น
“นี่คุณ.....”
แบงค์ส่งเสียงเรียกน้ำตาลสั่นๆเพราะเขาเองก็ตกใจไม่น้อยที่น้ำตาลทำแบบนี้
“นายไม่ต้องมาพูดมากฉันกลัว.....ฉันกลัว....ให้ตายยังไงฉันก็จะนอนตรงนี้”
น้ำตาลยืนยันหนักแน่นกอดแบงค์แน่นไม่ยอมปล่อย
“เอ่อคือ.....เอ่อ”
แบงค์เองก็พูดไม่ออกเพราะน้ำตาลทำให้เขานอนแข็งเป็นท่อนไม้เพราะอาการเกร็ง
“เอาวะ......ไม่ใช่คนอื่นคนไกลซะหน่อย”
แบงค์คิดในใจก่อนจะตัดสินใจหลับตาลงทั้งๆที่น้ำตาลนอนกอดเขาอยู่
เช้าวันใหม่เพราะน้ำหนักของศีรษะของน้ำตาลที่หนุนอยู่บนต้นแขนแข็งแรงของแบงค์มาทั้งคืน ทำให้เขาลืมตาขึ้นก่อนเพราะความรู้สึกเมื่อยล้า และเพราะใบหน้างดงามของสาวสวยตรงหน้าทำให้แบงค์เบิ่งดวงตาคมเข้มด้วยความตกใจเล็กๆ
“ยังสวยไม่เปลี่ยนเลยนะ.......กลิ่นแชมพูก็ยังหอมเหมือนเดิม”
แบงค์พรึมพรำจ้องมองใบหน้างดงามของผู้หญิงที่เคยเป็นสุดที่รักของเขาไม่วางสายตา
“อืม”
น้ำเสียงงู่งี่ของน้ำตาลที่ดังขึ้นทำให้แบงค์ปิดเปลือกตาให้สนิทลงก่อนที่เธอจะลืมตาขึ้นเพียงแค่วินาที
“เฮ้ย....”
น้ำตาลเผลออุทานด้วยความตกใจยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน
“ยังหล่อบาดใจเหมือนเดิมเลยนะ”
น้ำตาลพูดกับแบงค์พร้อมมอบรอยยิ้มแห่งความคิดถึงให้เขาเพราะเข้าใจว่าแบงค์หลับอยู่
“เธอรู้ไหมว่าเธอเซ็กซี่และน่าฟัดที่สุดตอนที่เธอหลับแบบนี้”
น้ำตาลอมยิ้มอยู่คนเดียวก่อนจะก้มลงสัมผัสริมฝีปากที่แสนคิดถึงของแบงค์ ด้วยริมฝีปากบางที่แสนแผ่วเบาของเธอ
“เราคิดถึงเธอ”
น้ำตาลพูดเสียงแผ่วก่อนจะค่อยๆย่องออกจากห้องแบงค์โดยที่ไม่รู้เลยว่าทุกสัมผัสและทุกคำพูดของเธอทำให้เขาใจเต้นแรง แต่เมื่อนึกถึงความเจ็บปวดที่เคยได้รับในอดีตก็ทำให้แบงค์ต้องเตือนสติตัวเองให้เอาใจออกห่างน้ำตาลเพราะเธอทำได้แค่ทำร้ายหัวใจของคนอื่นและที่สำคัญผู้หญิงคนเดียวที่รักและอยู่ข้างๆเขาก็คือปูน
ภาพของน้ำตาลที่นั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องของแบงค์และภาพที่แบงค์เปิดประตูรับเธอเข้าไปในห้องถูกปิดประกาศไปทั่วโรงแรม และถูกเผยแพร่ลงอินเตอร์เน็ตอย่างรวดเร็วทำให้น้ำตาลตามหาพันธมิตรจนแทบจะพลิกโรงแรมเพราะรู้ดีว่าเป็นฝีมือเขาแน่ๆ
“ไอ้บ้านี่นายอยู่ไหนออกมาเดี๋ยวนี้”
น้ำตาลโวยเสียงลั่นหลังจากตามหาพันธมิตรมาหลายชั่วโมง
“นายมันไม่ใช่ลูกผู้ชายแน่จริงออกมาหาฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ.....นายมันน่ารังเกลียดที่สุดเพราะนายเป็นแบบนี้ฉันถึงไม่เคยรักนายไงล่ะ....ไอ้บ้า”
เพราะประโยคสุดท้ายที่แทงใจดำทำให้พันธมิตรยอมออกจากที่ซ่อนเพราะความโมโห
“สำหรับผู้หญิงสารเลวอย่างเธอโดนแบบนี้มันยังไม่ได้เศษเสี้ยวที่เธอทำกับคนอื่นเขาไว้หรอก”พันธมิตรกล่าวเสียงเข้มจ้องมองน้ำตาลด้วยความชิงชัง
“แก....แกมันเลวเลวยิ่งกว่าฉันเสียอีก....ไอ้สารเลว”
น้ำตาลโมโหจนฟิวขาดยกมือขึ้นจะตบพันธมิตรแต่กลับถูกเขารวบมือไว้อย่างง่ายดาย
“ผมเคยบอกคุณแล้วว่าคุณจะไม่มีวันทำร้ายผมได้อีกแต่จะเป็นผมเองที่เล่นเกมส์กับคุณ..........เตรียมตัวรับความพินาศไว้ให้ดีเถอะ”
พันธมิตรยิ้มเยาะก่อนจะพลักน้ำตาลจนล้มลงกับพื้นแล้วเดินจากไป
“ไอ้บ้า.....ฉันเกลียดแก.....เกลียดที่สุดในโลก....เกลียด...เกลียด.....เกลียด”
น้ำตาลร้องไห้โฮขย้ำทรายที่พื้นเฟี้ยงใส่พันธมิตรด้วยความแค้นใจที่ถูกเขาเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว
“มีปัญญาทำได้แค่นี้เหรอครับคุณผู้หญิง ทำให้ผมเดือดร้อนแล้วคุณก็มานั่งร้องไห้เป็นเด็กไม่รู้จักโตแบบนี้เหรอ”
น้ำเสียงทุ้มของแบงค์ที่ดังขึ้นทำให้น้ำตาลหันไปตวาดเขาเสียงลั่น
“อยากจะด่าก็ด่ามาเลยฉันเกิดมาให้พวกนายด่าอยู่แล้วนี่....เชิญด่าให้สบายใจเลย”
น้ำตาลพูดก่อนจะลุกขึ้นเก็บรูปของเธอและแบงค์ที่มีอยู่ทั่วไปหมด
“ฉันเกลียดนาย.....เกลียดที่สุด.....ไอ้คนบ้า”
น้ำตาลเก็บรูปไปร้องไห้ไปเพราะไม่อาจทำอะไรได้อีก
“เลิกทำตัวเป็นเด็กแล้วก็ไปทำงานได้แล้ว”
แบงค์พูดขึ้นตรงเข้าฉุดแขนน้ำตาลให้ไปดูสถานที่จัดงานกับเขา
“แล้วรูปพวกนี้ล่ะ”
น้ำตาลเอ่ยถามเพราะความไม่สบายใจ
“ช่างมันเหอะมันเกลื่อนโรงแรมซะขนาดนี้เก็บยังไงก็ไม่หมด”
“แต่ว่าฉัน.....ฉัน”
“ช่างมันเหอะเพราะว่าเมื่อคืนนี้คุณอยู่กับผมจริงๆคุณจะเดือดร้อนทำไมในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง มันก็แค่เรื่องเข้าใจผิดพอกลับกรุงเทพทุกอย่างก็จบ”
แบงค์พูดเสียงเรียบลากน้ำตาลไปทำงานต่อจนได้
“ฉันจะเอาม่านสีชมพูคุณอย่ามาจุ้นได้ไหมคุณพงษ์พันธ์”น้ำตาลเรียกชื่อแบงค์เต็มยศเพราะเขาขัดใจเธอ
“คุณนี่น่ารำคาญที่สุดเลยดอกกุหลาบสีแดงกับสีชมพูม่านก็ต้องเป็นขาวถึงจะสวย”
แบงค์เถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้
“นายอย่ามาขัดใจฉันเพราะว่าฉันจะขอสั่งนายให้เอาม่านสีชมพูเพราะว่าฉันคือลูกสาวเจ้าของบริษัท”
“ผมก็จะขอบอกคุณว่าผมคงทำตามคุณไม่ได้เพราะรสนิยมคุณมันห่วยที่สุด”
“นี่นาย......”
น้ำตาลชี้หน้าแบงค์ด้วยความโมโหแต่เขากลับสรุปเอาเองแล้วเดินหนีเธออย่างไม่ยอมรับฟัง
“ตกลงม่านเป็นสีขาว”
“ฉันจะเอาม่านสีชมพู.....ม่านสีชมพูนายไม่เข้าใจหรือไง”
น้ำตาลโมโหแบงค์คว้าขวดน้ำพลาสติกปาใส่แบงค์จนเขาแทบหัวทิ่ม
“จะเอาม่านสีชมพูได้แล้วใช่ไหม”
เพราะคำพูดของน้ำตาลทำให้แบงค์หันกลับมาจ้องหน้าเธอตาขวาง
“ไม่ว่าม่านสีอะไรมันก็ไม่ใช่งานแต่งงานของเธอ งานแต่งงานที่มีแต่ดอกกุหลาบสีขาวและม่านสีขาวเจ้าบ่าวและเจ้าสาวใส่ชุดสีขาวบางเบา เธอจะไม่มีวันได้แต่งงานแบบนั้นแบบที่เธอฝัน เธอฝันไว้ใช่ไหมว่าจะแต่งงานชายทะเลแบบนี้มันไม่มีวันเป็นจริงหรอกเพราะว่าฉันจะไม่มีวันยืนข้างๆเธอและเป็นเจ้าบ่าวของเธอเพราะฉะนั้นอย่าพยายามทำแบบนี้อีกมันน่ารำคาญ”
เพราะคำพูดของแบงค์ทำให้ยืนนิ่งอึ้งด้วยความสะเทือนใจมีเพียงหยดน้ำตาเท่านั้นที่ไหลรินให้แบงค์ได้รู้ว่าเธอกำลังเจ็บปวด
“แล้วก็เลิกร้องไห้ขอคะแนนความสงสารจากผมได้แล้ว เพราะว่ามันน่าทุเรศมากกว่า”
“มันไม่เคยง่ายเลยจริงๆที่ฉันจะลืมเธอถึงวันนี้มันก็ยังไม่เคยง่ายขึ้นเลย แต่ว่าเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมานี้เธอทำให้ฉันรู้ว่ามันง่ายแค่นิดเดียว.....ง่ายดายจริงๆ”
น้ำตาลพูดเสียงเรียบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเอง
“ก็แค่ยอมรับความจริงแค่ยอมรับว่าในใจเธอไม่มีฉันมาตั้งนานแล้ว......แค่นั้นเอง....แค่นั้นจริงๆ”น้ำตาลพูดหันหน้าหนีแบงค์อย่างกลัวว่าเขาจะได้เห็นหยดน้ำตาของเธอที่ไหลรินอีกครั้ง
“คุณเพิ่งรู้จริงๆนะเหรอว่ามันง่ายแสนง่ายที่จะลืมคนบางคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราเพื่อจะผ่านไป”แบงค์พูดหันหลังให้น้ำตาลเช่นกัน
“ปูน”
แบงค์อุทานด้วยความตกใจเมื่อเขาหันมาเห็นว่าที่ภรรยายืนอยู่ตรงหน้า แววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและเสียใจยิ่งทำให้แบงค์รู้สึกผิดต่อเธอและนึกโทษตัวเองที่เคยแอบเผลอหวั่นไหวไปกับน้ำตาล
“เธอสบายดีไหม”
ปูนมองเลยแบงค์ไปและเอ่ยถามน้ำตาลที่หันมาเผชิญหน้ากับเธอด้วยสีหน้าที่ตกใจไม่แพ้แบงค์สักนิด
“ว่าไงล่ะพยายามจะแย่งแฟนคนอื่นแล้วมันรู้สึกยังไงบ้าง.....มีความสุขดีไหมที่พยายามจะทำให้ฉันต้องเจ็บปวดอีกครั้ง”
ปูนพูดกับน้ำตาลเสียงเรียบแต่ทว่าดวงตาคู่กลมที่จ้องมองมาที่เธอกลับเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดและความเดือดดาล
“ไม่ต้องเสียเวลาพูดกับคนไม่สำคัญอย่างเธอหรอกปูน”
แบงค์ตัดบทและคว้าข้อมือปูนไว้เพราะไม่อยากให้สองสาวมีเรื่องกัน
“ถ้าเธอไม่ได้คิดนอกใจเราก็ไม่ต้องพูดอะไร เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอแต่เป็นเรื่องของฉันกับอดีตแฟนของเธอ”
เพราะคำพูดของปูนทำให้แบงค์ยอมปล่อยข้อมือเธอให้เป็นอิสระแต่ก็ยังไม่ยอมไปไหน
“ที่ฉันมาที่นี่เพราะรูปบ้าๆนั้นและฉันต้องการให้ทุกอย่างจบลงวันนี้ฉันไม่ต้องการความรักที่เป็นแค่เรื่องโกหก”
“ฉันไม่เคยโกหกหัวใจตัวเองไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว แต่เมื่อไม่มีประโยชน์อะไรและไม่มีความหมายที่จะรักเขาต่อไปทุกอย่างก็จบ”
น้ำตาลกล่าวขึ้นหลังจากยืนนิ่งเงียบมานาน
“เธอหมายความว่าว่าที่สามีของฉันจบแล้วแต่เธอจบไม่ลงอย่างนั้นเหรอ”
“ถ้าเธออยากจะฟังความจริงฉันก็จะพูด ฉัน.....”
“พอเถอะอย่าพูดอีกเลย…..”
แบงค์ร้องห้ามเพราะกลัวสิ่งที่น้ำตาลกำลังจะพูด
“ถ้าเธอยังไม่เปลี่ยนใจ.....ถ้าเธอยังอยู่ข้างเราก็ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว แต่ถ้าเธอไม่แน่ใจหรืออยากจะกลับไปหาเขาก็ทำได้เลย และนี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายของเธอเพราะเราจะไม่มีวันปล่อยเธอไปอีก”เพราะคำพูดของปูนทำให้แบงค์ต้องเงียบลงอีกครั้ง แม้ในใจจะไม่คิดจะกลับไปหาน้ำตาลอีกแต่เขาก็ยังไม่อาจวางใจเดินออกไปได้
“มันไม่มีปัญหาอะไรสำหรับเธอสองคนในเมื่อเธอสองคนรักกันและกำลังจะแต่งงานกัน เธอไม่จำเป็นต้องสนใจคนที่ไม่มีความสำคัญอย่างฉันหรอก”
น้ำตาลพูดจะเดินหนีแต่ทว่าปูนกลับคว้าข้อมือของน้ำตาลไว้
“ตอบฉันก่อนว่าเธอรักเขาอยู่หรือปล่าว”
“รัก”
น้ำตาลตอบโดยไม่ลังเลสักนิดทำให้ปูนชาไปทั้งลำตัวเช่นเดียวกับแบงค์ที่ยืนนิ่งอึ้งสมองอื้ออึงไปหมด
“เพี๊ยะ....”
ใบหน้างดงามของน้ำตาลสะบัดไปตามแรงตบของปูนท่ามกลางความตกใจของแบงค์ที่ทำได้แค่ยืนนิ่ง
“เพราะเธอยังรักเขาอยู่การกระทำของเธออย่างในรูปภาพมันจึงเป็นเรื่องหยาบช้าที่ฉันยอมไม่ได้ เพราะมันหมายความว่าเธอคิดจะแย่งเขาไปจากฉัน”
ปูนพูดก่อนจะควงแขนแบงค์ที่ยืนนิ่งเป็นหุ่นให้เดินออกปากตรงนั้น
“ให้ฉันพยายามให้ตายมันก็ไร้ประโยชน์เพราะในใจเขามีแต่เธอ”
น้ำตาลพูดกับตัวเองก่อนจะล้มตัวลงบนหาดทรายขาวเพื่อร้องไห้ให้กับตัวเองที่หัวใจยังคงเจ็บเพราะแบงค์
“ปูน”แบงค์เอ่ยเรียกปูนที่เดินเรื่อยเปื่อยไปบนชายหาดที่ทอดยาวจนสุดลูกหูลูกตา
“ถ้าเธออยากด่าเราก็ทำได้เลยไม่ต้องเก็บเงียบไว้คนเดียวหรอก เธอไม่พูดอะไรเลยแบบนี้มันทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองเลวร้ายจนถึงขั้นสุดท้ายแล้ว”
“เธออยากให้เราพูดจริงๆนนะเหรออยากให้เราระบายมันออกมาจริงๆนะเหรอ”
ปูนหันมาพูดกับแบงค์เสียงเครียด
“บอกความรู้สึกของเธอกับเราแล้วเราจะช่วยเธอรับความรู้สึกพวกนั้นไว้เองแต่ถ้ามันทำให้เธอเจ็บก็ยกมันให้เราเถอะเราจะแบกมันไว้คนเดียวเอง”
เพราะคำพูดของแบงค์ทำให้ปูนจ้องมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคับใจ
“เราโกรธเธอ....เราน้อยใจเธอ.....เธอทำให้เราเสียใจ...เราอยากจะทิ้งเธอไปอยากจะเกลียดเธอแต่เราก็ทำได้แค่รักเธอ.....ทำได้แค่นั้นจริงๆ...ฮือ”
ปูนร้องไห้โฮโอบกอดแบงค์ไว้ในอ้อมแขนแน่นหนาไม่แพ้ที่เขากอดเธอเช่นกัน
“เธอรู้บ้างไหมว่าเรากลัวแค่ไหน.....เรากลัวจนจะเป็นบ้าว่าเธอจะกลับไปหาเขาไปหาผู้หญิงที่เธอเคยรักเขาจนหมดหัวใจ”
“เราจะอยู่กับเธอตลอดไปจะอยู่ที่ตรงนี้ไม่ไปไหน ถ้าเธอไม่ทิ้งเราเราก็ไม่มีวันทิ้งเธอไปไหนเราสัญญา”
แบงค์ให้สัญญาที่ดังมาจากหัวใจของเขาสองมือกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกเพื่อย้ำให้ปูนมั่นใจว่าเธอคือผู้หญิงที่เขาเลือกที่จะอยู่ด