ศูนย์ข่าวขอนแก่น-ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาคดีเผาสถานีโทรทัศน์ NBT ขอนแก่นและฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สั่งลงโทษ 16 ปี โดยไม่รอลงอาญา เพิ่มโทษจากศาลชั้นต้นที่สั่งจำคุก 2 ปี แต่มีเหตุบรรเทาโทษจากคำให้การในชั้นสอบสวน ลดโทษลง 1 ใน 3 เหลือจำคุก 10 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ด้านทนายเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานสู้ต่อชั้นฏีกา
จากกรณีที่นายอุดม คำมูล หนึ่งในจำเลยคดีเผาสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีหรืออาคารสำนักงานประชาสัมพันธ์เขต 1ขอนแก่นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาล หลังศาลจังหวัดขอนแก่นได้พิจารณาตัดสินเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม2555 ว่ามีความผิดในข้อหามั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป และข้อหาร่วมกันบุกรุกสถานที่ราชการ โดยศาลตัดสินลงโทษจำคุก 2 ปี โดยไม่รอการลงอาญา
ล่าสุดวันนี้( 20 ส.ค.) ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้นัดฟังคำพิพากษา แต่จำเลยและผู้ประกันไม่เดินทางมาตามนัดหมาย มีเพียงนายบุญยง แก้วฝ่ายนอก ทนายความของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ หรือ นปช. ภาคอีสาน มาชี้แจงกับศาลแทน จากนั้นศาลจึงให้นายบุญยง ได้เจรจาต่อรองศาล พร้อมกับนัดฟังคำพิพากษาในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้
เมื่อถึงเวลานัด ผู้พิพากษาได้ออกนั่งบัลลังก์ที่ 6 มีนายอุดม คำมูล จำเลยและทนายความรับฟังการอ่านคำพิพากษา โดยผู้พิพากษาได้อ่านคำตัดสินใจความโดยสรุปว่า จำเลยมีความผิดในข้อหาร่วมกันมั่วสุมได้ฝ่าฝืนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และกระทำการอันยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ที่บริเวณอาคารสำนักประชาสัมพันธ์เขต1 อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและข้อกำหนดประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
จำเลยกับพวกได้ใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่ขวัญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง จึงพิพากษาให้จำเลยมีความผิดและตัดสินลงโทษจำคุกเป็นเวลา 16 ปี แต่จำเลยมีเหตุบรรเทาโทษจากคำให้การในชั้นสอบสวน จึงลดโทษลง 1 ใน 3 เหลือจำคุก 10 ปี 6 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ
ด้านทนายกล่าวภายหลังการฟังคำพิพากษาว่า แนวทางต่อไปคือการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อยื่นต่อสู้ในชั้นศาลฎีกาและมองว่าจำเลยยังได้รับความเมตตาจากศาลอุทธรณ์ เมื่อเทียบกันกับจำเลยคนอื่นในข้อหาเดียวกันของพื้นที่อื่นๆ ที่ตัดสินไปแล้วก่อนหน้านี้
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000103958
ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุกเสื้อแดง 16 ปีเผาNBTขอนแก่น (ไหน บอกว่า ศาล ตัดสินแล้วไง ว่า เสื้อแดงไม่ได้เผาบ้านเผาเมือง)
จากกรณีที่นายอุดม คำมูล หนึ่งในจำเลยคดีเผาสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีหรืออาคารสำนักงานประชาสัมพันธ์เขต 1ขอนแก่นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาล หลังศาลจังหวัดขอนแก่นได้พิจารณาตัดสินเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม2555 ว่ามีความผิดในข้อหามั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป และข้อหาร่วมกันบุกรุกสถานที่ราชการ โดยศาลตัดสินลงโทษจำคุก 2 ปี โดยไม่รอการลงอาญา
ล่าสุดวันนี้( 20 ส.ค.) ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้นัดฟังคำพิพากษา แต่จำเลยและผู้ประกันไม่เดินทางมาตามนัดหมาย มีเพียงนายบุญยง แก้วฝ่ายนอก ทนายความของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ หรือ นปช. ภาคอีสาน มาชี้แจงกับศาลแทน จากนั้นศาลจึงให้นายบุญยง ได้เจรจาต่อรองศาล พร้อมกับนัดฟังคำพิพากษาในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้
เมื่อถึงเวลานัด ผู้พิพากษาได้ออกนั่งบัลลังก์ที่ 6 มีนายอุดม คำมูล จำเลยและทนายความรับฟังการอ่านคำพิพากษา โดยผู้พิพากษาได้อ่านคำตัดสินใจความโดยสรุปว่า จำเลยมีความผิดในข้อหาร่วมกันมั่วสุมได้ฝ่าฝืนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และกระทำการอันยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ที่บริเวณอาคารสำนักประชาสัมพันธ์เขต1 อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและข้อกำหนดประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
จำเลยกับพวกได้ใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่ขวัญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง จึงพิพากษาให้จำเลยมีความผิดและตัดสินลงโทษจำคุกเป็นเวลา 16 ปี แต่จำเลยมีเหตุบรรเทาโทษจากคำให้การในชั้นสอบสวน จึงลดโทษลง 1 ใน 3 เหลือจำคุก 10 ปี 6 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ
ด้านทนายกล่าวภายหลังการฟังคำพิพากษาว่า แนวทางต่อไปคือการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อยื่นต่อสู้ในชั้นศาลฎีกาและมองว่าจำเลยยังได้รับความเมตตาจากศาลอุทธรณ์ เมื่อเทียบกันกับจำเลยคนอื่นในข้อหาเดียวกันของพื้นที่อื่นๆ ที่ตัดสินไปแล้วก่อนหน้านี้
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000103958