นายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความ เปิดเผยเกี่ยวกับคดีที่เขาถูกกลุ่มคนทำร้ายร่างกายเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน
ที่ผ่านมา หน้าสถานีตำรวจสอบสวนกลาง โดยในเหตุการณ์นั้นมีผู้ต้องหาทั้งหมด 3 คน
แต่ตำรวจดำเนินคดีได้แค่ 2 คนตามมาตรา 295 ซึ่งเป็นข้อหาทำร้ายร่างกาย
ทั้งนี้ หนึ่งในผู้ต้องหายอมรับสารภาพ ส่วนอีกคนปฏิเสธข้อกล่าวหา
ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ศาลแพ่งได้มีการไต่สวน และนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 23 ธันวาคม 2567 เวลา 09.00 น.
นายธรรมราชได้ยื่นคำร้องขอเป็นโจทก์ร่วม โดยขอให้ศาลพิจารณาหลักฐานเพิ่มเติม
เช่น ภาพถ่ายที่แสดงพฤติการณ์ของคดี เพื่อให้เห็นถึงความรุนแรงของเหตุการณ์นี้
และเน้นย้ำว่าไม่ต้องการให้เหตุการณ์นี้เป็นเยี่ยงอย่างให้กับสังคม
นายธรรมราชยังกล่าวว่า คดีนี้ไม่ใช่การทะเลาะเบาะแว้งที่เกิดขึ้นในงานวัด
แต่เป็นเจตนาที่ต้องการทำร้ายและสร้างความเสื่อมเสีย โดยเขาหวังว่าศาลจะตัดสินจำคุกโดยไม่รอลงอาญา
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีกในอนาคต
ที่มา
https://www.thairath.co.th/news/crime/2828332
ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีทำร้ายร่างกาย "ทนายธรรมราช"
นายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความ เปิดเผยเกี่ยวกับคดีที่เขาถูกกลุ่มคนทำร้ายร่างกายเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน
ที่ผ่านมา หน้าสถานีตำรวจสอบสวนกลาง โดยในเหตุการณ์นั้นมีผู้ต้องหาทั้งหมด 3 คน
แต่ตำรวจดำเนินคดีได้แค่ 2 คนตามมาตรา 295 ซึ่งเป็นข้อหาทำร้ายร่างกาย
ทั้งนี้ หนึ่งในผู้ต้องหายอมรับสารภาพ ส่วนอีกคนปฏิเสธข้อกล่าวหา
ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ศาลแพ่งได้มีการไต่สวน และนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 23 ธันวาคม 2567 เวลา 09.00 น.
นายธรรมราชได้ยื่นคำร้องขอเป็นโจทก์ร่วม โดยขอให้ศาลพิจารณาหลักฐานเพิ่มเติม
เช่น ภาพถ่ายที่แสดงพฤติการณ์ของคดี เพื่อให้เห็นถึงความรุนแรงของเหตุการณ์นี้
และเน้นย้ำว่าไม่ต้องการให้เหตุการณ์นี้เป็นเยี่ยงอย่างให้กับสังคม
นายธรรมราชยังกล่าวว่า คดีนี้ไม่ใช่การทะเลาะเบาะแว้งที่เกิดขึ้นในงานวัด
แต่เป็นเจตนาที่ต้องการทำร้ายและสร้างความเสื่อมเสีย โดยเขาหวังว่าศาลจะตัดสินจำคุกโดยไม่รอลงอาญา
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีกในอนาคต
ที่มา https://www.thairath.co.th/news/crime/2828332