12.35 น. นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ขึ้นทำหน้าที่ประธานที่ประชุม และแจ้งต่อที่ประชุมว่า ทุกฝ่ายก็อภิปรายหารือกันมาพอสมควรแล้ว จะเปิดโอกาสให้สมาชิกได้อภิปรายกันอีกฝ่ายละ 2 ท่าน แต่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอม ขอให้ยึดคำวินิจฉัยของนายนิคมว่าให้ส.ส.ที่แปรญัตติขัดหลักการณ์ได้อภิปราย ทำให้นายสมศักดิ์ กล่าวตัดบทว่าที่ผ่านมาให้เกียรติสมาชิกหารือกันพอสมควรแล้ว ถ้าปล่อยให้พูดกันทุกคนก็ไม่ต้องมาแก้ไขรัฐธรรมนูญกันแล้ว จึงขอมติจากที่ประชุมเลยว่าคำแปรญัตติของทั้ง 57 ท่านที่ขัดกับหลักการของร่างและข้อบังคับการประชุม จะเอาอย่างไร โดยระหว่างนั้นนายอำนวย คลังผา ประธานวิปรัฐบาลเดินเข้าไปหารือกับนายจุรินทร์ แต่นายสมศักดิ์ประกาศว่าถ้ายังไม่อภิปรายก็จะขอมติ “เป็นยังไงก็เป็นกัน” ทำให้ส.ส.ประชาธิปัตย์ตะโกนโห่ใส่ดังลั่นห้องประชุม แต่นายสมศักดิ์ยืนยันว่าตามข้อบังคับการประชุมข้อที่ 56 กำหนดให้เป็นอำนาจประธานฯ ที่จะวินิจฉัยกำหนดวันแปรญัตติ ขณะที่คำแปรญัตติใดขัดกับหลักการและข้อบังคับการประชุม จะต้องขอมติจากที่ประชุม ในที่สุดที่ประชุมมีมติว่าคำแปรญัตติของทั้ง 57 คน ขัดกับหลักการร่างด้วยคะแนน 339 ต่อ 15 ไม่ลงคะแนน 16 งดออกเสียง 8
อย่างไรก็ตาม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ยังคงโวยวายไม่ยอมรับผลการลงคะแนน และเมื่อจะเริ่มประชุมต่อแต่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์พากันลุกจากที่นั่งตะโกนโห่ฮารบกวนไม่ให้นายสามารถกล่าวรายงานผลการพิจารณาได้ซึ่งนายสมศักดิ์กล่าวเตือนว่าขอให้สมาชิกอยู่ในความสงบประชาชนทั้งประเทศเขาดูอยู่ขณะที่ตำรวจรัฐสภา 4-5 นาย ต้องเข้ามายืนคุมเชิงอยู่ด้านหลังบัลลังก์ แต่ถึงจะกล่าวตักเตือนอย่างไรส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังไม่ยอมหยุด จนนายสมศักดิ์ต้องนำค้อนขึ้นมาชูพร้อมกล่าวว่า “ช่วงหลังมานี้ไม่เคยใช้เลย วันนี้ขอใช้หน่อย” แล้วทุบลงบนบัลลังก์ 3 ครั้ง ทำให้ตำรวจรัฐสภากว่า10 คน เดินเรียงแถวเข้ามากลางห้องประชุมเพื่อควบคุมเหตุการณ์ ท่ามกลางความไม่พอใจของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์
โดยมีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จำนวนหนึ่งเดินกรูเข้าไปต่อว่าตำรวจรัฐสภา โดย นายกุลเดช พัวพัฒนกุล ส.ส.อุทัยธานี พรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปผลักที่หน้าและใช้มือค้ำคอตำรวจรัฐสภา จนเกิดความชุลมุนวุ่นวาย ซึ่งตำรวจรัฐสภาพยายามล็อกแขนนายกุลเดช เพื่อพาตัวออกจากห้องประชุม สร้างความไม่พอใจแก่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่พยายามกรูเข้ามาช่วยนายกุลเดช ทำให้เกิดเหตุชุลมุนวุ่นวาย
ขณะที่ ส.ส.หญิงพรรคประชาธิปัตย์พากันกรีดร้อง แต่นายสมศักดิ์สั่งเสียงเข้มว่าถ้าทำไม่ได้ตนจะตั้งคณะกรรมการสอบฐานขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ขณะที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยทำได้เพียงยืนดูและวิพากษ์วิจารณ์
ส่วนนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย เดินถ่ายคลิปเหตุการณ์และบรรยากาศอย่างละเอียด เมื่อบรรยากาศเริ่มบานปลายนายสมศักดิ์จึงกล่าวว่า ถ้ายังวุ่นวายนักขอให้ไปพักสงบสติอารมณ์ แล้วสั่งพักการประชุม 10 นาที ในเวลา 13.57 น. ทั้งนี้หลังเหตุการณ์เริ่มคลี่คลายตำรวจรัฐสภาได้เข้าไปยกมือไหว้พร้อมขอโทษ ส.ส.ประชาธิปัตย์ด้วยความเกรงใจ
ต่อมานายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกประจำตัวประธานสภาฯ ได้นำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาที่ถูกทำร้ายลงมาให้แพทย์ที่อยู่ประจำรัฐสภาตรวจอาการ โดยพบว่ามีรอยแดงช้ำที่บริเวณขมับด้านซ้าย ทราบชื่อภายหลังคือ นายจิราพันธ์ พรหมศิลา จากนั้นได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สน.ดุสิต ไว้เป็นหลักฐาน
ด้านนายกุลเดช ลุกขึ้นชี้แจงว่า ตนเองโดนตำรวจ 7-8 นายล้อมกรอบก่อน และไม่ได้ทำร้ายตำรวจแต่อย่างใด และจะไปแจ้งความกลับด้วย
ภาพชัดๆ ส.ส.ประชาธิปัตย์ บีบคอเจ้าหน้าที่ตำรวจ
12.35 น. นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ขึ้นทำหน้าที่ประธานที่ประชุม และแจ้งต่อที่ประชุมว่า ทุกฝ่ายก็อภิปรายหารือกันมาพอสมควรแล้ว จะเปิดโอกาสให้สมาชิกได้อภิปรายกันอีกฝ่ายละ 2 ท่าน แต่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอม ขอให้ยึดคำวินิจฉัยของนายนิคมว่าให้ส.ส.ที่แปรญัตติขัดหลักการณ์ได้อภิปราย ทำให้นายสมศักดิ์ กล่าวตัดบทว่าที่ผ่านมาให้เกียรติสมาชิกหารือกันพอสมควรแล้ว ถ้าปล่อยให้พูดกันทุกคนก็ไม่ต้องมาแก้ไขรัฐธรรมนูญกันแล้ว จึงขอมติจากที่ประชุมเลยว่าคำแปรญัตติของทั้ง 57 ท่านที่ขัดกับหลักการของร่างและข้อบังคับการประชุม จะเอาอย่างไร โดยระหว่างนั้นนายอำนวย คลังผา ประธานวิปรัฐบาลเดินเข้าไปหารือกับนายจุรินทร์ แต่นายสมศักดิ์ประกาศว่าถ้ายังไม่อภิปรายก็จะขอมติ “เป็นยังไงก็เป็นกัน” ทำให้ส.ส.ประชาธิปัตย์ตะโกนโห่ใส่ดังลั่นห้องประชุม แต่นายสมศักดิ์ยืนยันว่าตามข้อบังคับการประชุมข้อที่ 56 กำหนดให้เป็นอำนาจประธานฯ ที่จะวินิจฉัยกำหนดวันแปรญัตติ ขณะที่คำแปรญัตติใดขัดกับหลักการและข้อบังคับการประชุม จะต้องขอมติจากที่ประชุม ในที่สุดที่ประชุมมีมติว่าคำแปรญัตติของทั้ง 57 คน ขัดกับหลักการร่างด้วยคะแนน 339 ต่อ 15 ไม่ลงคะแนน 16 งดออกเสียง 8
อย่างไรก็ตาม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ยังคงโวยวายไม่ยอมรับผลการลงคะแนน และเมื่อจะเริ่มประชุมต่อแต่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์พากันลุกจากที่นั่งตะโกนโห่ฮารบกวนไม่ให้นายสามารถกล่าวรายงานผลการพิจารณาได้ซึ่งนายสมศักดิ์กล่าวเตือนว่าขอให้สมาชิกอยู่ในความสงบประชาชนทั้งประเทศเขาดูอยู่ขณะที่ตำรวจรัฐสภา 4-5 นาย ต้องเข้ามายืนคุมเชิงอยู่ด้านหลังบัลลังก์ แต่ถึงจะกล่าวตักเตือนอย่างไรส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังไม่ยอมหยุด จนนายสมศักดิ์ต้องนำค้อนขึ้นมาชูพร้อมกล่าวว่า “ช่วงหลังมานี้ไม่เคยใช้เลย วันนี้ขอใช้หน่อย” แล้วทุบลงบนบัลลังก์ 3 ครั้ง ทำให้ตำรวจรัฐสภากว่า10 คน เดินเรียงแถวเข้ามากลางห้องประชุมเพื่อควบคุมเหตุการณ์ ท่ามกลางความไม่พอใจของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์
โดยมีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จำนวนหนึ่งเดินกรูเข้าไปต่อว่าตำรวจรัฐสภา โดย นายกุลเดช พัวพัฒนกุล ส.ส.อุทัยธานี พรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปผลักที่หน้าและใช้มือค้ำคอตำรวจรัฐสภา จนเกิดความชุลมุนวุ่นวาย ซึ่งตำรวจรัฐสภาพยายามล็อกแขนนายกุลเดช เพื่อพาตัวออกจากห้องประชุม สร้างความไม่พอใจแก่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่พยายามกรูเข้ามาช่วยนายกุลเดช ทำให้เกิดเหตุชุลมุนวุ่นวาย
ขณะที่ ส.ส.หญิงพรรคประชาธิปัตย์พากันกรีดร้อง แต่นายสมศักดิ์สั่งเสียงเข้มว่าถ้าทำไม่ได้ตนจะตั้งคณะกรรมการสอบฐานขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ขณะที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยทำได้เพียงยืนดูและวิพากษ์วิจารณ์
ส่วนนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย เดินถ่ายคลิปเหตุการณ์และบรรยากาศอย่างละเอียด เมื่อบรรยากาศเริ่มบานปลายนายสมศักดิ์จึงกล่าวว่า ถ้ายังวุ่นวายนักขอให้ไปพักสงบสติอารมณ์ แล้วสั่งพักการประชุม 10 นาที ในเวลา 13.57 น. ทั้งนี้หลังเหตุการณ์เริ่มคลี่คลายตำรวจรัฐสภาได้เข้าไปยกมือไหว้พร้อมขอโทษ ส.ส.ประชาธิปัตย์ด้วยความเกรงใจ
ต่อมานายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกประจำตัวประธานสภาฯ ได้นำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาที่ถูกทำร้ายลงมาให้แพทย์ที่อยู่ประจำรัฐสภาตรวจอาการ โดยพบว่ามีรอยแดงช้ำที่บริเวณขมับด้านซ้าย ทราบชื่อภายหลังคือ นายจิราพันธ์ พรหมศิลา จากนั้นได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สน.ดุสิต ไว้เป็นหลักฐาน
ด้านนายกุลเดช ลุกขึ้นชี้แจงว่า ตนเองโดนตำรวจ 7-8 นายล้อมกรอบก่อน และไม่ได้ทำร้ายตำรวจแต่อย่างใด และจะไปแจ้งความกลับด้วย