พม่าสนใจเรือดำน้ำฝรั่งเศสผลิตในปากีสถาน!!! อีกไม่นานไทยจะอยู่ในวงล้อมเรือดำน้ำเพื่อนบ้านอาเซียน

กระทู้ข่าว

พม่าเล็งๆ เรือฝรั่งเศส ไม่นานราชนาวีไทยจะตกในวงล้อมเรือดำน้ำ



เรือคาลิด (PNS/M Khalid 137) เป็นเรือชั้นอาโกสตา 90 บี ลำแรกของกองทัพเรือปากีสถาน ขณะแล่นในพิธีปิดงาน IDEAS-2006 Exhibition ในอ่าวการาจีวันที่ 24 พ.ย.2546 เป็นเรือลำที่ต่อสำเร็จจากฝรั่งเศสและเป็นลำแรกของเรือดำน้ำขนาด 1,800 ตันชั้นนี้ ก่อนที่จะต่ออีก 2 ลำถัดมาโดยปากีสถาน ภายใต้สัญญาถ่ายทอดเทคโนโลยีจากฝรั่งเศส เรือคาลิดขึ้นระวางประจำการปี 2542 ปากีสถานเป็นแหล่งผลิตเรือดำน้ำโจมตีเร็วชั้นดีอีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งพม่าไม่ได้มองข้าม -- ภาพ: APP Photo/Hamid Mujtaba.


       ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ความสงสัยของหลายฝ่ายเริ่มดูเป็นจริงเป็นจริงมากยิ่งขึ้น พม่ากำลังจดๆ จ้องๆ จะเป็นเจ้าของเรือดำน้ำอีกรายหนึ่ง ทหารเรือจำนวนหนึ่งกำลังฝึกอบรมในปากีสถานเรียนรู้ทั่วๆ ไปเกี่ยวกับ “สงครามใต้น้ำ” ในประเทศนี้ ซึ่งเป็นแหล่งต่อเรือดำน้ำดีที่สุดอีกรุ่นหนึ่งของฝรั่งเศสแต่มักจะถูกมองข้าม
       
       เรื่องนี้ผ่านมานานหลายเดือนนับตั้งแต่สำนักข่าวกลาโหมเจนส์ดีเฟนซ์ (Jane’s Defense) เริ่มระแคะระคาย
       
       เว็บไซต์ข่าวกลาโหมภาษาพม่าเพิ่งตั้งคำถามปลายสัปดาห์ที่แล้วว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลกำลังจ้องไปยังเรือดำน้ำชั้นอาโกสตา 90 บี (Agosta 90B) ที่ปากีสถานซื้อสิทธิบัตรและต่อเองภายใต้สัญญาถ่ายทอดเทคโนโลยีจากกลุ่ม DCNS ในฝรั่งเศส และด้วยความช่วยเหลือจากวิศวกร-ผู้เชี่ยวชาญชาวฝรั่งเศสในช่วงกว่า 10 ปีมานี้
       
       สายการผลิตเรือดำน้ำโจมตีเร็วขนาด 1,800 ตันติดตอร์ปีโดกับจรวดเอ็กโซเซต์ชั้นนี้ยังคงเปิดอยู่ในปากีสถาน ซึ่งได้ใบอนุญาตให้ผลิตเพื่อส่งออกอีกด้วยและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายก็เป็นที่ชัดเจนคือประเทศอาเซียน
       
       ในช่วงไม่กี่ปีมานี้พม่าซุ่มพัฒนากองทัพเรือยกใหญ่ เว็บข่าวกลาโหมของชาวพม่าเองกล่าวว่า เป็นกองทัพที่ไม่ได้มุ่งเน้นขนาดกองกำลัง ไม่เน้นเรือรบขนาดใหญ่ มีทั้งจัดซื้อจัดหาจากต่างประเทศและต่อเอง เน้นเรือเร็วโจมตีขนาดกลางขนาดเล็ก ติดปืนใหญ่เรือ ตอร์ปีโดและจรวดนำวิถี มีระบบควบคุมที่ทันสมัย
       
       แนวคิดดังกล่าวได้ทำให้เรือดำน้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกองทัพเรือพม่า ประเทศที่มีชายฝั่งทะเลยาวเหนือจรดใต้หลายพันกิโลเมตร มีน่านน้ำและเขตเศรษฐกิจจำเพาะที่กว้างใหญ่ไพศาล รุ่มรวยด้วยทรัพยากร และห้อมล้อมด้วยเพื่อนบ้านที่มีกองทัพทันสมัยใหญ่โตกว่าทั้งสิ้น
       
       "ในสายตาของฝ่ายยุทธศาสตร์นาวี เรือดำน้ำเป็นสิ่งที่จะขาดไม่ได้ กองทัพเรือกำลังศึกษาเรือดำน้ำของตะวันตกอยู่เงียบๆ" เว็บบล็อกข่าวกลาโหมพม่ารายงานอ้างคำพูดของแหล่งข่าวในกองทัพเรือที่ไม่สามารถจะให้ระบุตัวตนได้
       
       ย้อนกลับไปสัปดาห์ปลายเดือน มิ.ย. เจนส์ดีเฟนซ์เจอร์นัล สำนักข่าวกลาโหมที่เชื่อได้มากที่สุดและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกได้รายงานอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวทางการทูตซึ่งระบุว่า นายทหารเรือกับทหารเรือพม่าราว 20 นาย เดินทางถึงกรุงการาจีในช่วงปลาย เม.ย.กับต้น พ.ค. เพื่อศึกษาเรื่องเรือดำน้ำในปากีสถาน
       
       "ปฏิบัติการนี้นับเป็นขั้นตอนที่เป็นรูปธรรมที่สุดในความพยายามสร้างกำลังเรือดำน้ำของพม่า" เจนส์ฯ กล่าว โดยแจงรายละเอียดว่าเป็นไปได้ที่ทหารเรือพม่าจะไปศึกษาอบรมที่ฐานทัพบาฮาดูร์ (PNS Bahadur Base) ซึ่งเป็นแหล่งฝึกอบรมด้วยระบบจำลอง (Simulation) เสมือนจริง มีการสอนประดาน้ำ สอนด้วยด้วยกลไก และฝึกสอบระบบสื่อสาร ระบบควบคุม ตลอดจนการแปลความหมายรหัสต่างๆ ของเรือดำน้ำ
       
       ปากีสถานจึงเป็นทั้งแหล่งเรียนรู้และแหล่งผลิตเรือดำน้ำใกล้ตัวที่สุด การมีความสัมพันธ์ความร่วมมือที่ใกล้ชิดมากขึ้นกับอินเดียซึ่งเป็นเพื่อนบ้านใหญ่โตชายแดนติดกันนั้น ไม่ได้เป็นอุปสรรคอันใดสำหรับพม่าในการสร้างความร่วมมือด้านกลาโหมกับปากีสถาน ที่เป็นศัตรูตลอดกาลกับอินเดีย นักวิเคราะห์ลงความเห็น


เรือฮัมซา (PNS/M Hamza 139) เรือดำน้ำชั้นอาโกสตา 90 บี ลำที่ 3 ต่อในปากีสถาน 100% ภายใต้สัญญาถ่ายทอดเทคโนโลยีจากฝรั่ง ขึ้นระวางประจำการเดือน ก.ย.2551 ใช้ระบบ AIP สมบูรณ์แบบ ติดจรวดเอ็กโซเซต์และสามารถดัดแปลงติดระบบอาวุธได้อีกหลายระบบ รวมทั้งอาวุธที่ผลิตในจีนด้วย กองทัพเรือปากีสถานจะต่ออีก 6 ลำ และจะไม่มีความยุ่งยากอันใดถ้าจะพ่วงอีก 2-4 ลำ หากพม่าต้องการ. -- ภาพ: GlobalSecurity.Org


เรือ PNS/M ฮัมซา ที่อ่าวการาจี วันที่ 26 ก.ย.2551 ปากีสถานมีประสบการณ์สงครามทางทะเลพอสมควร เคยสูญเสียเรือรบไป 3 ลำในสงครามกับอินเดียปี พ.ศ.2514 แต่เรือดำน้ำชั้นดาฟเน่ (Daphne-Class) ที่ซื้อจากฝรั่งเศสรุ่นก่อนลำหนึ่ง ก็สามารถจมเรือปราบเรือดำน้ำอินเดียไป 1 ลำเช่นกัน ปัจจุบันแม้ปากีสถานจะพึ่งพาอาวุธยุทโธปกรณ์จากจีนจำนวนมาก แต่หากเป็นเรือดำน้ำต้องเป็นเทคโนโลยีฝรั่งเศสเท่านั้น.


เรือดำน้ำชั้นสกอร์ปีน (Scorpene-Class) ที่ปลดระวางประจำการแล้ว 1 ใน 2 ลำ ในภาพวันที่ 22 มี.ค.2551 ที่เมืองลอเรียนต์ (Lorient) ซึ่งต่อมากลายเป็นข่าวฉาวโฉ่ในฝรั่งเศสเองเกี่ยวกับการติดสินบนเจ้าหน้าที่มาเลเซีย เป็นเรือโจมตีเร็วขนาด 2,000 ตัน ออกแบบต่อจากชั้นอาโกสตา แต่ปัจจุบันก็ยังพูดได้ไม่เต็มปากว่าเหนือกว่าเรืออาโกสตา 90 บี สัญชาติเดียวกันที่ต่อในปากีสถาน. -- ภาพ: En.Wikipedia.Org/Pline


       ปากีสถานยังมีประสบการณ์ในทำสงครามทางเรือมายาวนาน ถึงแม้ว่าจะสูญเสียเรือรบไปถึง 3 ลำในสงครามกับอินเดียเมื่อปี พ.ศ.2513-2514 แต่เรือดำน้ำชั้นดาฟเน่ (Daphne-Class) ของปากีสถานลำหนึ่งในยุคโน้น ก็ยิงเรือปราบเรือดำน้ำของอินเดียจมไป 1 ลำ
       
       ปัจจุบันปากีสถานมีเรือชั้นอาโกสตาประจำการ5 ลำ เป็นอาโกสตา-70 (Agosta 70) รุ่นเก่า 2 ลำ กับ อาโกสตา 90 บี ซึ่งเป็นรุ่นใหม่อีก 3 ลำ ในนั้น 1 ลำต่อในฝรั่งเศส นำเข้าประจำการในเดือน ธ.ค.2542 อีก 2 ลำ ต่อโดยอู่การาจีของกองทัพเรือทั้งหมดด้วยมาตรฐานของฝรั่งเศส ขึ้นระวางประจำการปี 2545 และ 2549
       
       ตามข้อมูลในเว็บไซต์ PakistanDefence.Pk เรืออาโกสตา 90 บี ที่ต่อเองทั้ง 2 ลำ ดัดแปลงให้ขับเคลื่อนด้วยระบบ AIP (Independent Air Propulsion) ซึ่งเป็นแนวโน้มใหม่ที่หลายประเทศเริ่มใช้กับเรือดำน้ำรุ่นใหม่แทนระบบเครื่องยนต์ดีเซลกับมอเตอร์ไฟฟ้า
       
       แม้ว่าปากีสถานได้ก้าวไปถึงขั้นดำเนินการต่อเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์แล้วก็ตามแต่ก็มีโครงการที่จะต่อเรือชั้นอาโกสตา 90 บี อีก 6 ลำ เป็นอย่างน้อย จึงไม่มีความยุ่งยากอันใดหากจะพ่วงต่อให้พม่า 2 หรือ 4 ลำ ประเดิมส่งออก
       
       เรืออาโกสตา 90 บี มีขนาดใหญ่กว่าชั้นสกอร์ปีน (Scorpene) หรือ "ไอ้แมลงป่อง" ของมาเลเซียที่กองทัพเรือฝรั่งเศสต่อขึ้นในภายหลังและปัจจุบันมีประจำการในกองทัพเรืออินเดียด้วย แต่เรือดำน้ำพันธุ์ฝรั่งเศสของปากีสถานนั้นใหม่กว่าและปัจจุบันพัฒนาไปไกลกว่าในทุกด้าน
       
       ปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่งสำหรับพม่าก็คือปัจจุบันอีซีกับสหรัฐฯ ยังไม่ยกเลิกการคว่ำบาตรในด้านการซื้อขายอาวุธ แม้ว่าสิ่งนี้จะต้องยุติลงในวันหนึ่งข้างหน้าแต่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจะเกิดขึ้นเมื่อไร ในขณะที่การสร้างเสริมขีดความสามารถการป้องกันประเทศมีความเร่งด่วน


เรือ U206A สามลำในบรรดา U206 จำนวนสิบแปดลำที่กองทัพเรือเยอรมนีปลดระวางประจำการในภาพที่ไม่ได้ระบุวันถ่าย เป็นเรือดำน้ำเล็กขนาด 500 ตัน ต่อในช่วงสงครามเย็นเพื่อใช้ในทะเลเหนือซึ่งเป็นทะเลน้ำตื้น ไทยเจรจาซื้อ 6 ลำแต่ไม่สามารถจะดำเนินการได้ทันกรอบเวลาที่ตกลงกันในต้นปี 2555 วันนี้ยังไม่ทราบแผนการจัดซื้อจัดหาครั้งใหม่. -- ภาพ: GlobalSecurity.Org


เรือชังโบโก (SSK Chang Bogo 061) กองทัพเรือเกาหลี ในภาพวันที่ 6 ก.ค.2547 ขณะแล่นในน่านน้ำมลรัฐฮาวายของสหรัฐฯ ครั้งไปร่วมฝึก Rim of the Pacific (RIMPAC) 2004 นี่คือเรือ U209/1200 ของเยอรมนีที่เกาหลีซื้อสิทธิบัตรไปต่อเองในประเทศ ว่ากันว่ากลุ่มแดวูอัปเกรดจนกระทั่งเป็นเรือพันธุ์ใหม่ทันสมัยทันยุคยิ่งกว่าเดิม ราชนาวีไทยส่งเจ้าหน้าที่ไปศึกษาอบรมเกี่ยวกับเรือชั้นนี้ในเกาหลีแล้วราวกับตีตราจอง. -- ภาพ: US Navy Photo.


      ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเรือดำน้ำฝรั่งเศสที่สร้างโดยปากีสถานภายใต้สิทธิบัตรไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขการคว่ำบาตรซึ่งเปิดโอกาสให้กองทัพเรือพม่าเป็นเจ้าของได้ทันที นอกจากนั้นยังเป็นเรือใหม่เอี่ยม ติดอาวุธและระบบต่างๆ ได้หลากหลาย มีอายุใช้งานอีก 30 ปี ไม่ใช่เรือที่ปลดระวางประจำการแล้ว
       
       เพียงไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ไทยเป็นประเทศที่ 5 ในอาเซียนที่มีแผนพัฒนากองเรือดำน้ำและได้เจรจาซื้อเรือ 206 หรือ U206 ที่เยอรมนีปลดประจำการแล้วจำนวน 6 ลำ เป็นเรือติดตอร์ปีโดขนาดเล็ก ออกแบบเพื่อปฏิบัติการในทะเลเหนือซึ่งเป็นทะเลน้ำตื้น รับมือเรือรบของกลุ่มสนธิสัญญาวอร์ซอในยุคสงครามเย็น
       
       ไทยพลาดโอกาสเป็นเจ้าของเรือดำน้ำเก่าของเยอรมนีเมื่อต้นปี 2555 ด้วยหลากหลายสาเหตุและแผนการจัดซื้อจัดหาครั้งต่อไปยังไม่ชัดเจน ถึงแม้ราชนาวีไทยจะให้ความสนใจเรือดำน้ำชั้นชังโบโก (Chang Bogo-Class) ที่เกาหลีซื้อสิทธิบัตรจากเยอรมนีไปต่อเอง อย่างออกหน้าก็ตาม
       
       พม่าจึงเป็นประเทศที่ 6 ในกลุ่มที่เริ่มมองหาเรือดำน้ำ แม้จะไม่เคยการประกาศเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ แต่ได้แสดงออกด้วยรูปธรรมหลายอย่าง รวมทั้งการเพิ่มเงินงบประมาณพัฒนากองทัพอย่างมากมายทุกๆ ปีในช่วงไม่กี่ปีมานี้
       
       กองทัพเรือเวียดนามได้จัดตั้งกองกำลังเรือดำน้ำขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อต้นปี 2556 นี้ ขณะเตรียมรับมอบเรือชั้นคิโล (Kilo-Class) ลำแรกจากทั้งหมด 6 ลำ ที่รัสเซียจะส่งมอบให้ในเดือน พ.ย. และลำที่ 2 มีกำหนดก่อนสิ้นปี
       
       เรือดำน้ำของเวียดนามเป็นชั้นคิโลปรับปรุง (Improved Kilo) เป็นยุคที่ 3 ของชั้น เป็นเรือดำน้ำโจมตีเร็วขนาด 3,000 ตัน ติดตอร์ปีโดกับจรวดนำวิถีความเร็วเหนือเสียง สามารถโจมตีเป้าหมายภาคพื้นดินได้ เป็นเรือชั้นคิโลคนละยุคกันกับเรือสินธุรักศักดิ์ (Sindhurakshak) ของอินเดียที่เกิดระเบิด เพลิงไหม้และจมลงในเขตทหารเรือของเมืองท่ามุมไบกลางสัปดาห์ที่แล้ว
       
       นักวิเคราะห์กล่าวว่า กองเรือดำน้ำของเวียดนามกำลังจะทำให้ดุลยภาพการรบทางทะเลในย่านนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสำคัญ.

Credit: http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9560000102962
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่