(จากใจติวเตอร์) เราคิดว่าคุณแม่คาดหวังในตัวลูกจนมากเกินไป = =''

สวัสดีค่ะ เราเป็นพี่ติววิชาภาคค่ะ คือ เด็กที่จะไปสอบเข้าคณะทางพวกออกแบบ จะต้องมีสอบปฏิบัติ
เช่น อยากเข้าคณะออกแบบสถาปัตย์ก็ต้องสอบปฏิบัติของถาปัด
อยากสอบเข้าคณะภาพยนตร์ ก็ต้องสอบเขียนสตอรี่บอร์ดภาพยนตร์
เด็กที่มาเรียนก็จะเป็น เด็กม.ปลาย ที่มีความต้องการสอบเข้าคณะออกแบบเหล่านี้

ปีนี้เราเจอเด็ก ม.4 คนนึง แม่พามาแนะนำตัว และเป็นคนพูดแทนเด็กทั้งหมด
ทำนองว่า น้องวาดรูปเก่ง เค้าชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก วาดการ์ตูน และก็วาดในคอมด้วย
คุณแม่เลยอยากให้ลองมาเรียนคอร์สออกแบบนิเทศศิลป์ ซึ่งดูจะตรงกับแนวของน้องมากที่สุด
ตลอดเวลาที่แม่พูดแทน น้องจะก้มหน้ามองพื้น มือสองข้างกุมกระเป๋าใส่เครื่องเขียน ทำปากขยุกขยิกตลอดเวลาเหมือนบ่นอะไร
สุดท้ายแม่ก็บอกว่า ฝากด้วยนะคะ เราก็พาน้องมาลองดู

สังเกตว่าน้องเป็นคนชอบพูดพึมพำกับตัวเอง เวลาถามอะไรจะตอบเบาเหมือนไม่มั่นใจ พอถามซ้ำอีกครั้ง(ตะกี้ว่าไงนะ พี่ไม่ได้ยิน?)
น้องก็จะสะดุ้งและโพล่งตอบเสียงดัง จนทั้งห้องหันมามอง บางครั้งน้องจะส่งเสียงแปลกๆออกมา คือเป็นภาษาไทยแต่จับใจความไม่ได้
และระหว่างเรียนจะขออนุญาตไปห้องน้ำบ่อยมาก เราบอกว่า เออไปสิ น้องก็จะวิ่งจู๊ดไปทันทีเหมือนสุดอั้นแล้ว
จนเด็กคนอื่นหัวเราะและแซวล้อแต่น้องจะไม่โต้ตอบ เงียบ บางทียิ้มรับบางทีหัวเราะตาม
เรารู้สึกว่า น้องคงไม่เซ้ลฟ์ เลยย้ำกับเด็กคนอื่นว่าอย่าล้อ

น้องคนนี้วาดแล้ว ดูเป็นคนวาดรูปเป็น ถึงหลายๆอย่างยังเบี้ยว ไม่แม่น
แต่ก็ดูเป็นคน "ชอบวาดรูป" แถมยังลงสีได้สวยด้วย
สังเกตว่าน้องจะชอบวาด แต่เด็กผู้หญิง (น้องเป็นผู้หญิงนะคะ)
ต่อให้ลองวาดเด็กผู้ชายหรือผู้ชาย ก็ออกมาผมยาวๆ (ไม่ใช่แค่ผมชี้ๆแบบการ์ตูนญี่ปุ่นะคะ)
แต่วาดเป็นผมยาวเลย แล้วน้องก็บอกว่า นี่ผู้ชาย พอทักว่า ยังดูไม่ค่อยเหมือนผู้ชาย น้องเลยวาดเป็นคน หัวล้าน หน้าหื่นไปเลย
ตอนนั้นเราคิดว่าน้องวาดไปขำๆ ก็ยังบอกว่า เออแบบนี้ก็ตลกดีนะ ต่อมาเราเริ่มให้โจทย์เป็นการเป็นงานมากขึ้น
เช่น ให้ออกแบบตั๋วบัตรต่างๆ / ใบปลิวแผ่นพับ / โปสเตอร์เล็กๆ

ปรากฏว่า น้องทำไม่ได้ ที่ว่าทำไม่ได้คือทำตามโจทย์ไม่ได้
พอเราอธิบายงานเสร็จ บอกให้ลองเสก็ตช์ดูก่อนสัก 2-3 แบบ เดี๋ยวเรามาคุยเรื่องไอเดียกันว่าเอาแบบไหนไปพัฒนาทำจริงดี
น้องก็ทำไม่ได้ คือ อยากวาดอะไรก็จะวาด ส่วนมากก็วาดเด็กผู้หญิงอย่างที่บอก วาดสวยแต่ไม่เกี่ยวอะไรกับโจทย์เลย
แล้วเสก็ตช์มาอย่างละเอียด แต่ไอเดียมันไม่ผ่าน เราเลยถามว่า ทำไมถึงวาดอันนี้ออกมา อยากให้อธิบายให้ฟังหน่อย

น้องก็อึกอัก ตอบไม่ได้ ทำสีหน้าลำบากใจ บางทีก็ทำปากขมุบขมิบเหมือนพูดอะไรกับตัวเอง
บางครั้งเงียบๆแล้วอยู่ดีๆก็โพล่งขึ้นมาเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ก็โพล่งมาเลยแต่ฟังไม่รู้เรื่อง จนเด็กคนอื่นงง หันมามอง ล้อมั่ง หัวเราะมั่ง
เราบอกว่าคิดไปก่อน เดี๋ยวมาฟังอีกที เดินไปตรวจคนอื่น พอกลับมาน้องก็ยังอึกอัก บางทีนั่งคุยกันดีๆ ดูเหมือนยิ่งอึดอัด เราเลยไม่รู้จะทำไง
ดูน้องลำบากใจ อึดอัดมาก ยิ่งตอบไม่ได้ยิ่งขมุบขมิบปากกับตัวเอง ระหว่างพยายามอธิบายนิ้วก็จะหงิกงอไปด้วย เหมือนใช้ความคิดอย่างมาก
พองานบางชิ้นเราคิดว่าไอเดียพอผ่าน ก็บอกโอเค ลงสีได้ น้องก็จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วก็พึมพำกับตัวเอง
"โล่งอกไปที เกือบตายแน่ะ นึกว่าแย่แน่แล้ว นึกว่าซวยแล้วซะอีก ฯลฯ" เป็นชุด

แรกๆเรามองเป็นเรื่องขำๆไป ก็ยังแซวว่า บ่นไรวะ แอบด่าเหรอ (พูดขำๆ) คนอื่นๆหัวเราะ น้องก็หัวเราะไปด้วย
แต่พอเกิดยังงี้ซ้ำ 2-3 รอบ เราเริ่มรู้สึกว่า น้องเขาเป็นเด็กพิเศษนิดๆหรือเปล่า ไม่รู้จะเรียกว่าประเภทไหนดี
คือเรามารู้ตอนหลังว่า คุณแม่น้องเอาน้องเรียนหลายอย่างมาก เรียนทุกอย่างที่คิดว่น้องเรียนได้
เท่าที่รู้คือ เลข/ อังกฤษ (น้องเก่งอังกฤษกว่าเด็กม.6อีก) / เรียนเปียโน / เรียนภาษาญี่ปุ่น
เรียกว่า เสาร์อาทิตย์ตารางแน่นยิ้มด เลิกเรียนอันนี้เสร็จ แม่จะรีบรับไปเรียนต่อทันที

ุคุณแม่มักถามเราต่อหน้าน้องบ่อยๆว่า น้องเก่งมั้ย ทำงานได้หรือเปล่า
ช่วงแรกๆที่ยังไม่บังคับโจทย์ ออกแนวแนะนำให้วาด อยากวาดไรก็วาด โจทย์ไม่บีบมาก น้องทำได้ดี ใช้สีก็สวย
เราเลยบอกคุณแม่ไปตามตรง และพอได้รู้ว่า น้องเรียนหลายอย่าง เราเลยถามคุณแม่ว่า
น้องเรียนหลายด้านจังนะคะ จริงๆน่าจะมุ่งด้านใดด้านหนึ่งไปเลย แล้วที่เหลือเป็นงานอดิเรกดีกว่า
คุณแม่บอกว่า อยากให้น้องเรียนหลายๆด้าน จะได้ลองสอบหลายๆด้าน
(ขณะที่พูด น้องก็ยืนขมุบขมิบปาก ทำหน้าเหมือนโดนบังคับให้กินบ๊วยอยู่ข้างหลังคุณแม่) = =''

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่