(ที่มา:มติชนรายวัน 15 สิงหาคม 2556)
พลพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่แกนนำจนถึงลูกพรรคพากันดาหน้าออกมา ไม่เพียงแต่ก่นสวด
พรรคเพื่อไทยซึ่งพอเข้าใจได้อยู่แล้ว แต่ยังประชดประเทียดไปถึงผู้ที่ตอบรับคำเชิญเข้าร่วม
วงสภาปฏิรูปการเมืองคนแล้วคนเล่า
ที่น่าอเนจอนาถที่สุด ดูหมิ่น ดูแคลน สบประมาท ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคยมีคุณูปการต่อพรรคของ
ตัวเอง คือ นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรค อดีตรองนายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ฯลฯ
ลูกพรรคบางคน รับไม่ได้ถึงกับส่งจดหมายไปยังสื่อมวลชนหาว่าเป็นคนแก่หูตึงคนหนึ่ง
พบเมื่อครั้งสุดท้ายหูตึงมากแล้วจริงๆ ไม่รู้ว่าที่คณะลูกกะโล่ของคุณทักษิณเข้าไปพบพูดจาด้วยนั้น
จะฟังได้ความหรือไม่..
"ใครก็ตามจะอ้างความเป็นคนแก่ คนอาวุโส คนก่อตั้ง คนเป็นอดีตหัวหน้าพรรค แล้วคิดว่าตัวเอง
ทำถูกนั่น ไม่ใช่แน่ คนแก่ไม่ใช่คนถูกเสมอไป สถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันไม่ได้ง่ายเหมือนสมัยก่อน
สมคบล้างผิดคนโกง แล้วจะตอบคนรุ่นต่อไปอย่างไร นับหนึ่งทำลายนิติรัฐ-นิติธรรม เพื่อคนคนเดียว
ไม่ใช่ทางแก้ปัญหา"
ครับ เป็นสิทธิ เสรีภาพในการแสดงออก แต่เหมาะสม ควรหรือไม่ อีกเรื่องหนึ่ง
เรื่องทำนองนี้เว้นไว้เสียบ้าง ไม่จำเป็นต้องตีโพยตีพาย ถอนหงอกผู้ใหญ่กลางที่สาธารณะ กับบางเรื่อง
บางคน หุบปากแล้วจะเป็นจะตายกระนั้นเชียวหรือ ไม่คิดจะให้อภัยต่อผู้คนที่เคยยกมือไหว้ เคารพนับถือ
กันแม้สักคน แม้แต่คนที่ตัวเองสรุปว่าเป็นคนแก่หูตึง เลยหรือ
หรือเพื่อยืนยันว่า นี่แหละ ประชาธิปัตย์ต้องยืนหยัด ยืนยันหลักการความเป็นประชาธิปไตยในพรรค
โอกาสการแสดงความเห็นต่าง ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม หาที่ไหนไม่ได้
ตรงกันข้ามแทนที่จะมองแต่มุมลบ มองแต่มุมการเมือง ยึดติดความเป็นพรรค เป็นฝักเป็นฝ่าย
ใครเห็นต่าง ทำต่าง ใครแตะต้องข้าต้องออกมาปะฉะดะ เพื่อรักษาเอกลักษณ์ของเอกบุรุษไร้อารมณ์ขัน
เอาไว้ให้เป็นที่ประจักษ์ต่อไปให้นานเท่านาน
มองมุมเดียวกันกับคุณพิชัย ได้หรือไม่ เป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล สิทธิพื้นฐานภายใต้ระบอบ
ประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ ที่จะสะท้อนความคิดเห็นและแสดงออก ตัดสินใจเข้าร่วมเวที
สภาปฏิรูปการเมือง เพื่อให้การเมืองไทยเดินหน้าต่อไป ไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางการพัฒนา
สังคมไทยลดความแตกแยกลง
มองว่า ความสวยงามคือความเห็นต่าง ความหลากหลาย มารยาททางการเมืองต้องมาทีหลังความ
สุขสงบและก้าวหน้าของสังคม ความเป็นพรรคไม่ควรมาจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งความหวังดี
ต่อชาติบ้านเมือง คิดเสียอย่างนี้อาการโกรธเกรี้ยว ทนไม่ได้ รับไม่ไหว คงไม่ทะลักล้นออกมาเป็นลำดับ
ให้ชาวบ้านเป็นผู้ตัดสินการกระทำของคุณพิชัยเองดีกว่าหรือไม่
แน่นอนพรรคประชาธิปัตย์และผู้เห็นต่างกับการเคลื่อนไหวเพื่อให้เกิดสภาปฏิรูปการเมือง ย่อมคิด
และตำหนิว่าการกระทำของพรรคเพื่อไทยเป็นการฉวยโอกาสทางการเมือง เป็นการเล่นละครตบตา
ผู้คนและซ่อนเป้าหมายหลักไว้เบื้องหลัง มีสิทธิคิดได้
แต่ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าคนอื่นก็คิดได้ คิดเป็น ชาวบ้านไม่ได้โง่ งมงาย ไร้เหตุผลไปทั้งหมด
ผู้คนและสังคมแยกแยะได้ จะเป็นผู้ตัดสินเอง ว่า อะไรคือถูก อะไรคือผิด อะไรควร ไม่ควร ใครทำ
อะไร เพื่อใคร
แนวทางใดของฝ่ายใด เกิดประโยชน์ต่อคนส่วนรวมมากกว่า เขาควรจะส่งเสริม สนับสนุน เข้าร่วม
วางเฉย หรือคัดค้าน ชาวบ้านคิดเองได้
สิ่งสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของสองฝ่ายและกลุ่มอื่นๆ จึงอยู่ตรงประเด็นที่ว่า คนส่วนใหญ่คิดอย่างไร
เห็นด้วยกับการแสดงออกของตัวเองหรือไม่
ผมฟังคุณอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานสภาร่าง
รัฐธรรมนูญ 2540 ให้เหตุผลการตอบรับเข้าร่วมสภาปฏิรูปการเมืองแล้ว อยากให้คนเห็นต่างได้ฟัง
บ้างโดยละเอียด
"ถ้าเริ่มด้วยการตั้งเงื่อนไข เสียแล้ว ก็ไม่มีทางหาบทสรุปให้เกิดความปรองดองได้ สังคมไทยก็จะแตก
แยกอยู่อย่างนี้ มีแต่ถอยหลังไปสู่ความพินาศล่มจม
ขณะเดียวกัน ถ้าฝ่ายผู้เสนอ ยื่นมือออกไปก่อน ให้เกียรติคนอื่นก่อน แสดงถึงความจริงใจอย่างแท้จริง
ย่อมได้รับเกียรติ การตอบรับกลับคืน"
ถ้าคิดติดยึดอยู่แต่เกมการเมือง คิดว่าฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ ไร้ความจริงใจ ต้องการโดดเดี่ยว
ตัวเอง และโดดขวางลูกเดียว มองอีกด้านหนึ่งไม่คิดกลับกันบ้างหรือว่า บางทีการกระทำของเราเอง
นั่นแหละเป็นการโดดเดี่ยวตัวเองจากผู้อื่น เพราะมองทุกคนที่เห็นตรงข้ามไม่ว่าใครก็ตาม เป็นศัตรู
เป็นอีกฝ่ายไปหมด
ท่าทีของประชาธิปัตย์ที่แสดงออก กำลังสะท้อนความคิด โลกมีแต่สีขาว กับ ดำ เท่านั้น มีทางเลือกเดียว
ถ้าไม่เป็นพวกกูก็เป็นศัตรูกัน ไม่มีสีเทาและสีอื่นๆ ให้เลือก
ไม่จำแนกแยกะแยะ มีจังหวะเป็นใส่ทันที เหมือนเมื่อครั้งรุมถล่มใส่ นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา
กูคือความถูกต้อง กูเท่านั้นที่ผูกขาดความถูกต้อง แนวทางของกูเท่านั้นที่ใช่ ลองทบทวนดูว่า เป็นเช่นนี้
หรือไม่ ส่วนผมก็จะกลับมาถามตัวเองเหมือนกัน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1376561698&grpid=&catid=02&subcatid=0207
เรียกว่า ระยะนี้ คุณพิชัยเดินสาย ให้สัมภาษณ์หลายเวที ยกเว้นเวที ลุมพินี ของไทกร
แต่ติดตามดูเถอะ เป็นมธุรสวาจาทั้งนั้น ยามเอ่ย ถึงคุณอภิสิทธิ์ ......
แต่ก็แปลกนะ กลับไม่ได้เครดิตจาก ประชาธิปัตย์เลย แถมยังปล่อยให้ลูกพรรคจิกกัด อีกด้วย
ไม่ได้อวยปู บูชาแม้ว แค่ แซวมาร์คเท่านั้นเอง
สมหมาย ปาริจฉัตต์ : คนแก่หูตึงกับประชาธิปัตย์ ...... มติชนออนไลน์
พลพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่แกนนำจนถึงลูกพรรคพากันดาหน้าออกมา ไม่เพียงแต่ก่นสวด
พรรคเพื่อไทยซึ่งพอเข้าใจได้อยู่แล้ว แต่ยังประชดประเทียดไปถึงผู้ที่ตอบรับคำเชิญเข้าร่วม
วงสภาปฏิรูปการเมืองคนแล้วคนเล่า
ที่น่าอเนจอนาถที่สุด ดูหมิ่น ดูแคลน สบประมาท ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคยมีคุณูปการต่อพรรคของ
ตัวเอง คือ นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรค อดีตรองนายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ฯลฯ
ลูกพรรคบางคน รับไม่ได้ถึงกับส่งจดหมายไปยังสื่อมวลชนหาว่าเป็นคนแก่หูตึงคนหนึ่ง
พบเมื่อครั้งสุดท้ายหูตึงมากแล้วจริงๆ ไม่รู้ว่าที่คณะลูกกะโล่ของคุณทักษิณเข้าไปพบพูดจาด้วยนั้น
จะฟังได้ความหรือไม่..
"ใครก็ตามจะอ้างความเป็นคนแก่ คนอาวุโส คนก่อตั้ง คนเป็นอดีตหัวหน้าพรรค แล้วคิดว่าตัวเอง
ทำถูกนั่น ไม่ใช่แน่ คนแก่ไม่ใช่คนถูกเสมอไป สถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันไม่ได้ง่ายเหมือนสมัยก่อน
สมคบล้างผิดคนโกง แล้วจะตอบคนรุ่นต่อไปอย่างไร นับหนึ่งทำลายนิติรัฐ-นิติธรรม เพื่อคนคนเดียว
ไม่ใช่ทางแก้ปัญหา"
ครับ เป็นสิทธิ เสรีภาพในการแสดงออก แต่เหมาะสม ควรหรือไม่ อีกเรื่องหนึ่ง
เรื่องทำนองนี้เว้นไว้เสียบ้าง ไม่จำเป็นต้องตีโพยตีพาย ถอนหงอกผู้ใหญ่กลางที่สาธารณะ กับบางเรื่อง
บางคน หุบปากแล้วจะเป็นจะตายกระนั้นเชียวหรือ ไม่คิดจะให้อภัยต่อผู้คนที่เคยยกมือไหว้ เคารพนับถือ
กันแม้สักคน แม้แต่คนที่ตัวเองสรุปว่าเป็นคนแก่หูตึง เลยหรือ
หรือเพื่อยืนยันว่า นี่แหละ ประชาธิปัตย์ต้องยืนหยัด ยืนยันหลักการความเป็นประชาธิปไตยในพรรค
โอกาสการแสดงความเห็นต่าง ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม หาที่ไหนไม่ได้
ตรงกันข้ามแทนที่จะมองแต่มุมลบ มองแต่มุมการเมือง ยึดติดความเป็นพรรค เป็นฝักเป็นฝ่าย
ใครเห็นต่าง ทำต่าง ใครแตะต้องข้าต้องออกมาปะฉะดะ เพื่อรักษาเอกลักษณ์ของเอกบุรุษไร้อารมณ์ขัน
เอาไว้ให้เป็นที่ประจักษ์ต่อไปให้นานเท่านาน
มองมุมเดียวกันกับคุณพิชัย ได้หรือไม่ เป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล สิทธิพื้นฐานภายใต้ระบอบ
ประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ ที่จะสะท้อนความคิดเห็นและแสดงออก ตัดสินใจเข้าร่วมเวที
สภาปฏิรูปการเมือง เพื่อให้การเมืองไทยเดินหน้าต่อไป ไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางการพัฒนา
สังคมไทยลดความแตกแยกลง
มองว่า ความสวยงามคือความเห็นต่าง ความหลากหลาย มารยาททางการเมืองต้องมาทีหลังความ
สุขสงบและก้าวหน้าของสังคม ความเป็นพรรคไม่ควรมาจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งความหวังดี
ต่อชาติบ้านเมือง คิดเสียอย่างนี้อาการโกรธเกรี้ยว ทนไม่ได้ รับไม่ไหว คงไม่ทะลักล้นออกมาเป็นลำดับ
ให้ชาวบ้านเป็นผู้ตัดสินการกระทำของคุณพิชัยเองดีกว่าหรือไม่
แน่นอนพรรคประชาธิปัตย์และผู้เห็นต่างกับการเคลื่อนไหวเพื่อให้เกิดสภาปฏิรูปการเมือง ย่อมคิด
และตำหนิว่าการกระทำของพรรคเพื่อไทยเป็นการฉวยโอกาสทางการเมือง เป็นการเล่นละครตบตา
ผู้คนและซ่อนเป้าหมายหลักไว้เบื้องหลัง มีสิทธิคิดได้
แต่ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าคนอื่นก็คิดได้ คิดเป็น ชาวบ้านไม่ได้โง่ งมงาย ไร้เหตุผลไปทั้งหมด
ผู้คนและสังคมแยกแยะได้ จะเป็นผู้ตัดสินเอง ว่า อะไรคือถูก อะไรคือผิด อะไรควร ไม่ควร ใครทำ
อะไร เพื่อใคร
แนวทางใดของฝ่ายใด เกิดประโยชน์ต่อคนส่วนรวมมากกว่า เขาควรจะส่งเสริม สนับสนุน เข้าร่วม
วางเฉย หรือคัดค้าน ชาวบ้านคิดเองได้
สิ่งสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของสองฝ่ายและกลุ่มอื่นๆ จึงอยู่ตรงประเด็นที่ว่า คนส่วนใหญ่คิดอย่างไร
เห็นด้วยกับการแสดงออกของตัวเองหรือไม่
ผมฟังคุณอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานสภาร่าง
รัฐธรรมนูญ 2540 ให้เหตุผลการตอบรับเข้าร่วมสภาปฏิรูปการเมืองแล้ว อยากให้คนเห็นต่างได้ฟัง
บ้างโดยละเอียด
"ถ้าเริ่มด้วยการตั้งเงื่อนไข เสียแล้ว ก็ไม่มีทางหาบทสรุปให้เกิดความปรองดองได้ สังคมไทยก็จะแตก
แยกอยู่อย่างนี้ มีแต่ถอยหลังไปสู่ความพินาศล่มจม
ขณะเดียวกัน ถ้าฝ่ายผู้เสนอ ยื่นมือออกไปก่อน ให้เกียรติคนอื่นก่อน แสดงถึงความจริงใจอย่างแท้จริง
ย่อมได้รับเกียรติ การตอบรับกลับคืน"
ถ้าคิดติดยึดอยู่แต่เกมการเมือง คิดว่าฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ ไร้ความจริงใจ ต้องการโดดเดี่ยว
ตัวเอง และโดดขวางลูกเดียว มองอีกด้านหนึ่งไม่คิดกลับกันบ้างหรือว่า บางทีการกระทำของเราเอง
นั่นแหละเป็นการโดดเดี่ยวตัวเองจากผู้อื่น เพราะมองทุกคนที่เห็นตรงข้ามไม่ว่าใครก็ตาม เป็นศัตรู
เป็นอีกฝ่ายไปหมด
ท่าทีของประชาธิปัตย์ที่แสดงออก กำลังสะท้อนความคิด โลกมีแต่สีขาว กับ ดำ เท่านั้น มีทางเลือกเดียว
ถ้าไม่เป็นพวกกูก็เป็นศัตรูกัน ไม่มีสีเทาและสีอื่นๆ ให้เลือก
ไม่จำแนกแยกะแยะ มีจังหวะเป็นใส่ทันที เหมือนเมื่อครั้งรุมถล่มใส่ นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา
กูคือความถูกต้อง กูเท่านั้นที่ผูกขาดความถูกต้อง แนวทางของกูเท่านั้นที่ใช่ ลองทบทวนดูว่า เป็นเช่นนี้
หรือไม่ ส่วนผมก็จะกลับมาถามตัวเองเหมือนกัน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1376561698&grpid=&catid=02&subcatid=0207
เรียกว่า ระยะนี้ คุณพิชัยเดินสาย ให้สัมภาษณ์หลายเวที ยกเว้นเวที ลุมพินี ของไทกร
แต่ติดตามดูเถอะ เป็นมธุรสวาจาทั้งนั้น ยามเอ่ย ถึงคุณอภิสิทธิ์ ......
แต่ก็แปลกนะ กลับไม่ได้เครดิตจาก ประชาธิปัตย์เลย แถมยังปล่อยให้ลูกพรรคจิกกัด อีกด้วย
ไม่ได้อวยปู บูชาแม้ว แค่ แซวมาร์คเท่านั้นเอง