ถึงขึ้นอันดับ 1 แต่ Elysium ก็เปิดตัวไม่สวยที่สุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา

US BOX OFFICE August 9-11, 2013

(ข้อมูล/แปล-เรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)

เป็นอีกสุดสัปดาห์หนึ่งที่วุ่นวาย เมื่อมีหนังเข้าใหม่ในวงกว้างถึง 4 เรื่อง และ Elysium เข้าที่ 1 ด้วยรายได้เปิดตัว 29.8 ล้านเหรียญ แต่หนังที่ประสบความสำเร็จในสัปดาห์นี้กลับเป็น หนังโรด ทริปขำๆ We’re the Millers ที่เปิดตัวได้อย่างแข็งแรง ส่วน Planes ก็เริ่มต้นได้ดี แต่ Percy Jackson: Sea of Monsters เปิดตัวได้น้อยกว่าที่หนังภาคแรกทำเอาไว้ สำหรับรายได้รวมของหนังใน 12 อันดับแรกในสัปดาห์ที่ผ่านมา เท่ากับ 143.6 ล้านเหรียญ มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ 8% และสำหรับหนังเข้าใหม่ทั้งสี่เรื่อง ทำเงินรวมกัน 94 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าสูงมากๆ สำหรับเดือนสิงหาคม สำหรับอันดับหนังทำเงินในอเมริกาสัปดาห์ที่ผ่านๆ มา คลิกดูได้ที่ http://www.sadaos.com/category/one-short/us-box-office/

รายได้เปิดตัวของ Elysium 29.8 ล้านเหรียญ โดยหากเทียบกับหนังไซ-ไฟ ที่ไม่ใช่ภาคต่อเรื่องอื่นๆ ที่ออกฉายในปีนี้ หนังเปิดได้น้อยกว่า Pacific Rim และ Oblivion (ทั้งสองเรื่องทำไว้ 37 ล้านเหรียญ) และมากกว่าหนังที่น่าผิดหวังอย่าง After Earth (27.5 ล้านเหรียญ) รวมไปถึงน้อยกว่า District 9 หนังเรื่องแรกของผู้กำกับ นีล บลอมป์แคมป์ ที่ทำไว้ 37.4 ล้านเหรียญ ทั้งๆ ที่ตัวหนังไม่มีดารามีชื่อ ตัวบลอมป์แคมป์เองก็ยังไม่เป็นที่รู้จัก แต่ District 9 ได้ประโยชน์จากการแปะชื่อปีเตอร์ แจ็คสันในฐานะโปรดิวเซอร์ โดยไม่ต้องไปมองถึงการทำตลาดที่ได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่ง Elysium พยายามทำซ้ำ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

จะว่าไปแล้วนี่ไม่ใช่การเปิดตัวที่แย่ เพราะนี่คือหนังแม็ทท์ เดมอนเปิดตัวดีที่สุดนับตั้งแต่หนังชุด Bourne ของเขาจบชุด และหนังไซ-ไฟเรท อาร์นั้น ไม่ใช่หนังที่ขายได้ง่ายอยู่แล้ว แต่เมื่อมองเทียบกับ District 9 นี่คือหนังที่น่าผิดหวัง แล้วการได้แค่ B จากซีนีมาสกอร์ ก็ทำให้มองได้ว่าหนังไม่น่าจะยืนระยะได้ดี และไม่น่าจะไปได้ถึง 100 ล้านเหรียญในอเมริกา กลายเป็นหนังทุนสูงของโซนีเรื่องที่ 4 ที่ไปไม่ถึงร้อยล้าน โดยสามเรื่องก่อนหน้าได้แก่ After Earth, White House Down และ The Smurfs 2

นักวิเคราะห์บางคน มองว่าการที่หนังเปิดตัวได้ต่ำกว่าที่คิด น่าจะเป็นเพราะเนื้อหาที่เกี่ยวพันกับการเมือง โดยเฉพาะเรื่องนโยบายสุขภาพ แต่หนังก็ไม่ได้ทำการตลาดโดยเน้นประเด็นตรงนี้ จริงๆ แล้ว การตลาดเน้นไปที่ความเป็นหนังไซ-ไฟแอ็คชั่น และ ภาพโลกอนาคตที่ดูสิ้นหวัง ซึ่งน่าจะเป็นการปฏิเสธกลุ่มคนดูผู้หญิง ที่เข้าไปดูเพียงแค่ 39% แถมยังไม่ได้คนดูกลุ่มผู้ใหญ่ ซึ่ง 48% ของคนดูอายุ 30 ปีขึ้นไป มุมดีของหนังอยู่ที่รายได้ของโรงไอแมกซ์ ที่ทำได้ถึง 4.9 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นรายได้สูงสุดตลอดกาลสำหรับหนังที่เปิดตัวในโรงไอแมกซ์ เดือนสิงหาคม

We’re the Millers เปิดตัวด้วยรายได้ 26.4 ล้านเหรียญ ซึ่งมากพอจะเข้าเป็นที่ 2 ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และมากกว่าหนัวที่เปิดตัวในเดือนนี้อย่าง Tropic Thunder หรือ Pineapple Express โดยหนังสองเรื่องนี้เปิดตัวตั้งแต่วันพุธในเดือนสิงหาคม และหากรวมรายได้ตั้งแต่วันพุธ  We’re the Millers ทำรายได้รวมไปถึง 37.9  ล้านเหรียญหนังได้อะไรหลายๆ อย่างส่งให้ออกตัวได้ดีอย่างที่เห็น เริ่มจาก นำเสนอออกมาได้อย่างชัดเจน มีความน่าสนใจว่าหนังน่าจะขายความฮาได้เป็นเรื่องเป็นราว มีทีมนักแสดงที่มีแรงดึงดูด แม้เจนนิเฟอร์ อนิสตันจะมีหนังคว่ำหลายเรื่อง แต่โดยรวมๆ แล้ว หนังของเธอมีสถิติหนังทำเงินทีดีทีเดียว สุดท้าย หนังวางกำหนดฉายได้เยี่ยม เพราะหนังเบาสมองเรื่องสำคัญๆ เรื่องสุดท้ายที่ออกฉายก็คือthe Heat เมื่อ 7 สัปดาห์ก่อน

หนังได้คนดู 51% เป็นชาย และ 61% อายุมากกว่า 25 ปี ได้คะแนน A- จากซีนีมาสกอร์ และการที่หนังยืนระยะได้ดีสำหรับการเปิดตัว 5 วันแรก น่าจะทำให้เสียงบอกปากต่อปากของหนังแข็งแรง และหากทำได้ในระดับเดียวกับ Tropic Thunder ซึ่งน่าจะเป็นไปได้ หนังน่าจะทำเงินได้มากกว่า 100 ล้านเหรียญ

หนังตอนแยกของ Cars อย่าง Planes ซึ่งเคยวางไว้ว่าจะเป็นหนังลงแผ่น แต่ดิสนีย์กลับเลือกเอาเข้าโรง เปิดตัวที่ 3,702 โรง และทำเงินไป 22.2 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าทำได้ดี แม้จะเป็นเงินจิ๊บๆ เมื่อเทียบกับหนัง Cars ทั้งสองเรื่องที่เปิดตัวมากกว่า 60 ล้านเหรียญ แต่ก็เป็นหนังแอนิเมชันเปิดตัวสูงสุดในเดือนสิงหาคม แม้จะไม่มีคู่แข่งมากนักก็ตาม นอกจากนี้ยังเป็นหนังครอบครัวเรื่องที่ 3 ติดต่อกันแล้ว ที่เปิดตัวได้ต่ำกว่า 25 ล้านเหรียญ

โดยปกติแล้ว สิงหาคมเป็นเดือนที่ขายหนังแอนิเมชันยาก เพราะโรงเรียนกำลังจะเปิดเทอม แล้วก็เสียเงินไปให้กับอะไรต่างๆ มากมายในช่วงต้นหน้าร้อนไปแล้ว และปีนี้ไม่ใช่ปีที่ดีสำหรับการทดสอบอะไรบางอย่างในเดือนสิงหาคม เมื่อช่วงซัมเมอร์มีหนังอัดแน่นเต็มไปหมด แต่ Planes ไม่ใช่หนังทุนสูงและน่าจะทำเงินให้ดิสนีย์ได้ก่อนที่จะออกฉายแล้วด้วยซ้ำ เพราะไม่อย่างนั้น คงไม่มี Planes: Fire and Rescue ออกฉายในปีหน้า หนังได้คนดู 51% เป็นชาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับหนังแอนิเมชัน แต่คนดูกลุ่มครอบครัวนั้นมากถึง 85% คะแนนจากซีนีมาสกอร์อยู่ที่ A- กับการที่ไม่มีคู่แข่งตรงๆ เลยหนังน่าจะไปได้ดีอีกหลายสัปดาห์

Percy Jackson: Sea of Monsters เปิดตัว 14.4 ล้านเหรียญ น้อยกว่า 31.2 ล้านเหรียญของหนังภาคแรกกว่าครึ่ง และหากรวมรายได้วันพุธ-พฤหัสฯ รายได้ 5 วันจะอยู่ที่ 23.5 ล้านเหรียญ ซึ่งก็ยังห่างจากภาคแรก แสดงให้เห็นว่าหนังภาคแรกได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะหนังทิ้งห่างจากภาคแรกถึง 3 ปีครึ่ง ซึ่งขนาด Harry Potter และ Twilight ยังไม่เคยทิ้งช่วงห่างเกิน 2 ปี แล้วหนังก็ยังออกฉายโดยมีระบบสามมิติอีกต่างหาก มาถึงตอนนี้คงยากที่หนังจะทำรายได้พอๆ กับภาคแรก 137 ล้านเหรียญ

แชมป์ของสัปดาห์ที่แล้ว 2 Guns ทำได้ไม่ดีเมื่อเจอหนังใหม่เรท อาร์สองเรื่องประกบ หนังทำรายได้ตก 59% ทำเงินมาอีก 11.2 ล้านเหรียญ ตอนนี้หนังทำเงินไปแล้ว 48.6 ล้านเหรียญและน่าจะเป็นหนึ่งในหนังเดนเซล วอชิงตัน ในช่วงหลังๆ ที่ทำเงินได้น้อยที่สุดเมื่อจบโปรแกรม

The Smurfs 2 รายได้ตก 46% ทำเงินอีก 9.3 ล้านเหรียญ ผ่าน 12 วันรายได้รวมอยู่ที่ 46.4 ล้านเหรียญ และน่าจะทำเงินได้ต่ำกว่าที่ภาคแรกทำไว้ 142.6 ล้านเหรียญ

ในสัปดาห์ที่ 3 ของการฉาย The Wolverine เสียโรงไปกว่าพันโรง รายได้ตกถึง 63% ทำเงินแค่ 8 ล้าน รายได้รวมเป็น 112 ล้านเหรียญ และน่าจะกลายเป็นหนังชุด X-Men ที่ทำเงินในอเมริกาน้อยสุด

Blue Jasmine ขยายโรงเป็น 116 โรง ทำเงินมาได้ 2.3 ล้านเหรียญ คิดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อโรงถึง 19,709 เหรียญ ซึ่งมากกว่ารายได้เฉลี่ยในสัปดาห์ที่ 3 ของ Midnight in Paris แต่หนังมีโรงน้อยกว่า Blue Jasmine จะขยับเพิ่มโรงอีกในสุดสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะเปิดฉายในวงกว้าง 23 สิงหาคม

Chennai Express เปิดตัว 2.2 ล้านเหรียญจาก 196 โรง กลายเป็นหนังบอลลีวู้ดเปิดตัวสูงสุด และเป็นหนังภาษาต่างประเทศเปิดตัวสูงสุดอันดับ 6

Lovelace เปิดตัวแค่ 118 โรงในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้เงินมาแค่ 184,000 เหรียญ กับการที่หนังเปิดขายออนไลน์ไปพร้อมๆ กัน ทำให้ตกชะตากรรมเดียวกับ Only God Forgives เมื่อได้ตังค์จากการขายออนไลน์ แต่ไปได้ไม่ดีกับการฉายโรง แต่หนังก็ไม่ได้คาดหวังรายได้จากโรงเป็นหลักอยู่แล้ว

ในตลาดนอกอเมริกา The Smurfs 2 ทำเงินได้มากที่สุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยรายได้ 34.6 ล้านเหรียญ หนังไปได้ดีในยุโรป แต่รายได้รวมก็เก็บมาแค่ 110 ล้านเหรียญ ซึ่งไม่มีทางทาบ 421 ล้านเหรียญจากภาคแรกได้เลย

Pacific Rim เปิดตัวในตลาดที่เหลือเรียบร้อยแล้ว และทำเงินมาได้ถึง 33 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นรายได้จากจีนถึง 21.8 ล้านเหรียญ หนังทำรายได้จากจีนไปแล้ว 76.5 ล้านเหรียญ กลายเป็นหนังวอร์เนอร์ทำเงินมากที่สุดที่นี่ ที่น่าผิดหวังกลับเป็นที่ญี่ปุ่น เมื่อเปิดตัวแค่ 3 ล้านเหรียญ ทั้งๆ ที่หนังหุ่นยนต์ VS สัตว์ประหลาด เป็นตลาดหลักของหนังที่นี่ หนังเปิดตัวอันดับ 2 ที่บราซิล 2.3 ล้านเหรียญ และ สเปน 1.3 ล้านเหรียญ นอกจากนี้ก็ไม่มีที่ไหนที่เปิดตัวได้น่าสนใจ มาถึงตอนนี้ Pacific Rim ทำเงินนอกอเมริกาไปแล้ว 247.4 ล้านเหรียญ และน่าจะไปได้ถึง 300 ล้านเหรียญ โดยเฉพาะในจีนที่หนังยังเปิดตัวไม่ครบจนกระทั่งสุดสัปดาห์นี้

The Wolverine ได้เงินมาอีก 18 ล้านเหรียญ รายได้รวมเพิ่มเป็น 194.7 ล้านเหรียญ และหากทำเงินได้ในระดับนี้ จะกลายเป็นหนังชุด X-Men ที่ทำรายได้นอกอเมริกามากที่สุด ที่สถิติเดิมอยู่ที่ 225 ล้านเหรียญ ก่อนจะเปิดตัวในญี่ปุ่นเดือนหน้าด้วยซ้ำ

The Lone Ranger เข้าฉายในตลาดหลักๆ ในยุโรป แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์อะไรได้มากนัก หนังเปิดตัว 3.3 ล้านเหรียญในฝรั่งเศส, 2.8 ล้านเหรียญในเยอรมันนี และแค่ 2 ล้านเหรียญในอังกฤษซึ่งอ่อนแอมากๆ รายได้รวมสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 14.5 ล้านเหรียญ ตอนนี้หนังทำรายได้รวมไป 108.9 ล้านเหรียญ หนังยังไม่เปิดตัวในสเปนและจีน แต่ก็ไม่มีทางทำให้หนังทำรายได้ใกล้ 200 ล้านเหรียญ

หนังฮิตแบบเซอร์ไพรส์ Now You See Me มีสัปดาห์ที่ดีอีกสัปดาห์ เมื่อทำรายได้มาอีก 13.3 ล้านเหรียญ หนังทำรายได้ผ่าน 140 ล้านเหรียญนอกอเมริกาไปแล้ว หนังเพิ่มเปิดตัวที่ออสเตรเลีย และทำได้ดีทีเดียวด้วยรายได้ 3.8 ล้านเหรียญ

Despicable Me 2 ได้เงินมาเพิ่มอีก 12.2 ล้านเหรียญจาก 53 ประเทศ รายได้รวมนอกอเมริกาขยับเป็น 407.5 ล้านเหรียญ รายได้รวมทั่วโลกหนังทำเงินไปถึง 745.8 ล้านเหรียญ โดยยังไม่ฉายที่รัสเซีย, เกาหลีใต้ และอิตาลี

กับการเปิดตัวพร้อมกับอเมริกาในไม่กี่ประเทศ Elysium ทำรายได้ 10.9 ล้านเหรียญ รายได้หลักๆ มาจากรัสเซีย ที่เปิดตัวได้สวยถึง 6.8 ล้านเหรียญ สัปดาห์นี้หนังจะเปิดตัวที่ ออสเตรเลีย, ฝรั่งเศส, เยอรมันนี และสเปน ขณะที่ Percy Jackson: Sea of Monsters เปิดตัว 9.8 ล้านเหรียญใน 6 ตลาด ซึ่งที่ไปได้ดีก็มีที่ อังกฤษ 3.3 ล้านเหรียญ และ 2.7 ล้านเหรียญในเม็กซิโก สำหรับทุกที่ ที่หนังเปิดตัวล้วนทำได้ดีกว่าหนังภาคแรก ซึ่งทำเงินนอกอเมริกาไปถึง 137 ล้านเหรียญเมื่อปี 2010

ดูอันดับหนังทำเงินในบ้านเรา สัปดาห์ผ่านๆ มาได้ที่ http://www.sadaos.com/tag/thailand-box-office-2013/ และร่วมสนุกชิงเสื้อกวดผี หนัง R.I.P.D. จาก UIP อ่านกติกาการร่วมสนุกได้ที่นี่ http://on.fb.me/1cz6z4p

อ่านแล้วชอบคลิก Like ได้ที่ www.facebook.com/Sadaos
และติดตามข่าวสาร, อ่านเรื่องราว บทวิจารณ์หนัง-เพลงมากมายได้ที่ www.sadaos.com
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่