สวัสดีครับ กลับมาจาก trip backpack summer ในญี่ปุ่น 10 วันเป็นที่เรียบร้อยปลอดภัย เที่ยวนี้เป็น trip เน้นกินตามร้านอาหารต่างๆที่อยากกินกับร้านที่เพื่อนญี่ปุ่นพาไป ก็จะได้เอามารีวิวให้เพื่อนๆ pantip ได้ดูกันนะครับ
ติดตามกระทู้ร้านอื่นๆในทริปเดียวกันที่ลงไว้แล้ว
Chen Szechwan ร้านอาหารจีนเสฉวนของIron Chef เชน เคนอิชิ
http://ppantip.com/topic/30778225
รายงานกึ่งสด Casen ร้านขนมหวานstyleญี่ปุ่นจ๋า จาก Kamakuraครับ
http://ppantip.com/topic/30775332
ใครสนใจการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ไปติดตามกันได้ที่เพจ
https://www.facebook.com/Gonipponbydrjame ครับ
สำหรับกระทู้นี้ก็จะพาไปร้าน 3ดาวมิชลินซูชิร้านนึงในโตเกียวครับ กับร้าน "Sushi Yoshitake" ในย่านกินซ่า
เกริ่นกันก่อนว่าทำไมผมอยากไปทาน+เลือกร้านนี้ ถ้ายังจำกันได้ผมเคยมาถามวิธีการจองร้าน 3ดาวมิชลินในญี่ปุ่น เพราะตอนแรกอยากไปร้านปู้ Jiro แต่ไม่สามารถจองได้ ก โรงแรมที่ไปพักก็ธรรมดา ไม่ได้ 4 ดาวขึ้นไป เลยอด เพื่อนญี่ปุ่นก็จองไม่ได้ แล้วเพื่อนบอกว่าไม่แนะนำร้านปู่ Jiro เพราะผมไปคนเดียวแล้วปู่แกไม่พูดอังกฤษ บรรยากาศอาจไม่น่ารื่นรมย์นัก เลยเหลือตัวเลือกที่เพื่อนแนะนำมา 2 ร้านคือ Mitsutani กับ Yoshitake เพื่อนบอกว่า Mitsutani ถ่ายรูปไม่ได้ จบเลยครับจบ เหลือตัวเลือกเดียวที่โดนใจสุดคือ Sushi Yoshitake ทีนี้ผมเลยให้โรงแรมที่ไปพักจองให้ ขอแอบโปรโมทให้เค้าหน่อย เพราะ staff น่ารักมาก ส่งเมลล์ไปเค้าจอง Sushi Yoshitake แล้วตอบกลับมาใน 30 นาทีเลย ประทับใจมาก ก็คือ โรงแรม Asakusa Ryokan Toukaisou ครับ เป็นอันว่าจองเรียบร้อน ผมไปที่ร้านวันที่ 29/7/56 จองล่วงหน้าไปตั้งแต่ประมาณต้นเดือน มิ.ย. ครับ จองเวลาไว้ที่ 18.00-20.00 เรื่องการเดิรทาง+บรรยากาศในร้านเป็นยังไง ไว้ดูกันตอนท้าย
ผมพาไปติดตามอาหารก่อนเลย ว่าจะเทพสมกับ 3 ดาวมิชลินแค่ไหน
ผมไปถึงก่อนเวลาครึ่งชม.ก็เดินโต๋เต๋อยู่แถวนั้นพอได้เวลาก็ขึ้นมาที่ร้าน สะดุดตากับตะเกียบปลายแหลม 2 ด้านก่อนเลย
จากนั้นเชฟคือตัวเชฟโยชิตาเกะเองเลยก็วางแผ่นน้ำแข็งที่มีวาซาบิกับผักน่าจะเป็นแตงกวาครับ เชฟว่าเอาไว้เสริฟซาชิมิ
สรุปก็คือจะมีเหมือนเป็น appetizer เป็นซาชิมิก่อน กี่คำเดี๋ยวมาดูกัน
appetizer1 เป็น กุ้ง เสริฟมากับส่วนอะไรซักส่วนของปลามันกรุบๆที่เห็นสีเหลืองๆนะครับ แล้วก็สาหร่ายน้ำราดทำมาจากส้มญี่ปุ่น
ซาชิมิแต่ละคำจะมีเครื่องจิ้มต่างกัน เชฟตะเสริฟเครื่องจิ้มมาก่อน นี่เป็นเกลือ เอาไว้จิ้มกับ...
appetizer2 ถัดมาก็คือออคโทปุส หรือหนวดหมึกยักษ์ที่เอาไว้จิ้มเกลือครับ หวานมาก ไม่เหนียวเลย รู้สึกอุ่นๆ เสริฟมาบนแผ่นน้ำแข็งนะครับ
จากนั้นก็โชยุมาวาง
appetizer3 ปลาดิบจานต่อไปคือปลากระพงครับ แน่นอนหวานสดมาก ไม่คาวเลย
คำถัดมา โอ้วสีเขียวๆน่าสงสัยมากมายมันคืออะไร
appetizer4 ที่จิ้มคู่กับเจ้าน้ำเขียวๆนี่คือ เป่าฮื้อชิ้นโต โตมากๆๆๆๆๆ
สรุปว่าเขียวๆนั่นคือตับเป่าฮื้อ เอาไว้จิ้มกินคู่กัน มีกลิ่นเฉพาะตัวครับฉุน(เหม็น)ขึ้นจมูก ส่วนเป่าฮื้อนั่นหวานอร่อยมากกกก เพิ่งเคยกินชิ้นใหญ่ขนาดนี้ จุ่มลงไปเลย
appetizer5 พอมีตับเป่าฮื้อเหลืออบู่เชฟก็จะปั้นข้าวมา1คำ ให้คลุกกินครับข้าวที่ปั้นมาขนาดเท่าข้าวในซูชินะครับ คำจะไม่ใหญ่ แล้วก็สีจะเหลืองๆหน่อย ที่สำคัญคืออุ่น ไม่เย็น
appetizer6 เป็นปลาอะไรไม่แน่ใจ ย่างให้หนังกรุบกรอบหอมๆ เนื้อยังสด หวานอยู่ เสริฟมาในถ้วยมีโชยุ
appetizer7 เป็นจานสุดท้ายเรียกน้ำย่อยอันนี้เป็น ถ่ัวแระญี่ปุ่นเสริฟมากับพืชน้ำอะไรซักอย่างเพื่อนบอกชื่อมาผมจำไม่ได้ละ ลักษณะมันเหมือนเป็นวุ้นๆเจลลี่ รสเปรี้ยวๆ ส่วนที่เห็นเหลืองๆข้างล่างนั้นคือ Uni หวานอร่อยมากกกก ตัดกับรสเปรี้ยวได้ดีเลย
หมดจานเรียกน้ำย่อยทั้ง 7 ไปแล้ว มาดูบรรนากาศร้านกันหน่อย เป็น counter ไม้แบบ bar ทั้งหมด 7 ที่นั่งครับ เชฟจะมีผู้ช่วย 1 คนอยู่ที่ counter ด้านหน้า แล้วหลังครัวมีอีก 2 คนที่คอยดูแลเราเสริฟน้ำ น่าจะเป็นภรรยาเชฟ
ที่นี้ก็ได้เวลาของซุชิครับ ผู้ช่วยจะยกถาดแบบนี้มาเสริฟ พร้อมขิงดอง เป็นอันว่ารู้กันว่าจะเสริฟบนนี้
คำที่ 1 ปลาหมึก หวาน ไม่เหนียวเลย อุ่นๆชอบมากกกก
คำที่ 2 เป็นปลากระพงอีกซักอย่าง ซุชิที่นี่เชฟจะใส่วาซาบิมาแล้วบนข้าวแบบพอดี และทาโชยุมาด้านบานปลานะครับ
คำที่ 3 ปลาทรายขาว Kisu หั่นเป็นริ้วมาสวยงามรสชาตินุ่มลิ้น ข้าวก็อุ่นๆมาพอดีคำ ไม่ใหญ่เกินไป
คำที่ 4 Chutoro
คำที่ 5 Otoro นี่หวานหอม ละลายในปากมากๆๆๆๆ
คำที่ 6 น่าจะเป็นปลา Kohada คำนี้เนื้อแน่นๆมันๆครับ
คำที่ 7 ปลา อาจิ สวยงามมาก
คำที่8 หอยแครงยักษ์ คำนี้ก็หนุบๆกรอบๆดีครับ แปลก ไม่เคยกินมาก่อน
ให้ดูขนาดข้าวขนาดคำกันชัดๆ หยิบเข้าปากเลย อ้ำ ถึงคำนี้ผมเริ่มอิ่มซะแล้ว
คำที่ 10 เหมือนเชฟรู้ พอเริ่มอิ่มก็จัดของเด็ดออกมาเลย Uni คำนี้จัดมาเต็มมากๆๆๆ อร่อยแบบบรรยายไม่ถูก ไม่รู้สึกถึงกลิ่นคาวเลย ฟินสุดๆ
คำที่ 11 กุ้งลายเสือ ยังมาให้ฟินกันต่อเนื่อง เนื้อกุ้งหวานๆ ตัวใหญ่มาก ตอนเชฟเตรียมตัดหัวตัดหางไปหมด ผมละอยากขอมาดูดจริงๆ
ก่อนเสริฟคำที่ 12 ให้ทายว่าที่หมกมาในใบไม้นั่นคืออะไรครับ กลิ่นหอมมาเชียว
คำที่ 12 ใครทายถูกมารับปลาไหลย่างหอมๆฉุยๆเยิ้มๆไปเลยคร้าบบบบบ อ้าฟิน คิดถึงคำนี้มากๆ หอม หวาน ละลาย บอกไม่ถูกเลย
คำที่ 13 Tamako - yaki หรือไข่หวานย่างที่แน่นอนว่าไม่เหมือนไข่หวานที่เคยกินมา เนื้อมันละเอียก หวานเหมือนกินขนมพวก custard มากกว่า นี่ก็ชวนฝันถึงมากๆๆๆ
ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา ซูชิเทพโยชิตาเกะก็เช่นกัน ปิดท้ายด้วยมิโสะซุปครับ
ให้ดูบรรยากาศในร้านกันต่อ
ดูที่วางมีดหั่นปลาของเชฟครับ
สรุปแล้วถือเป็นประสบการณืที่ดีมากๆในการกินอาหารระดับเทพครั้งนึง ได้นั่งดูเชฟปั้นข้าวหั่นปลาเตรียมอาหาร
มันคือศิลปะจริงๆ บรรยากาศในร้านก็ดีมากๆ รู้สึกได้ถึงความพิเศษในทุกซอกมุม รสชาติอาหารก็ดีสมระดับ ไม่ผิดหวังเลย
จัดอันดับจานโปรด ผมยกให้ 1. Uni 2.ปลาไหลย่าง 3.กุ้งลายเสือ 4.Otoro 5. Tamako-Yaki ครับ
"3 Stars Michelin Sushi Yoshitake" ร้านอาหารที่ได้ไปชิมมา Trip Backpack Japan summer 2013
ติดตามกระทู้ร้านอื่นๆในทริปเดียวกันที่ลงไว้แล้ว
Chen Szechwan ร้านอาหารจีนเสฉวนของIron Chef เชน เคนอิชิ http://ppantip.com/topic/30778225
รายงานกึ่งสด Casen ร้านขนมหวานstyleญี่ปุ่นจ๋า จาก Kamakuraครับ http://ppantip.com/topic/30775332
ใครสนใจการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ไปติดตามกันได้ที่เพจ https://www.facebook.com/Gonipponbydrjame ครับ
สำหรับกระทู้นี้ก็จะพาไปร้าน 3ดาวมิชลินซูชิร้านนึงในโตเกียวครับ กับร้าน "Sushi Yoshitake" ในย่านกินซ่า
เกริ่นกันก่อนว่าทำไมผมอยากไปทาน+เลือกร้านนี้ ถ้ายังจำกันได้ผมเคยมาถามวิธีการจองร้าน 3ดาวมิชลินในญี่ปุ่น เพราะตอนแรกอยากไปร้านปู้ Jiro แต่ไม่สามารถจองได้ ก โรงแรมที่ไปพักก็ธรรมดา ไม่ได้ 4 ดาวขึ้นไป เลยอด เพื่อนญี่ปุ่นก็จองไม่ได้ แล้วเพื่อนบอกว่าไม่แนะนำร้านปู่ Jiro เพราะผมไปคนเดียวแล้วปู่แกไม่พูดอังกฤษ บรรยากาศอาจไม่น่ารื่นรมย์นัก เลยเหลือตัวเลือกที่เพื่อนแนะนำมา 2 ร้านคือ Mitsutani กับ Yoshitake เพื่อนบอกว่า Mitsutani ถ่ายรูปไม่ได้ จบเลยครับจบ เหลือตัวเลือกเดียวที่โดนใจสุดคือ Sushi Yoshitake ทีนี้ผมเลยให้โรงแรมที่ไปพักจองให้ ขอแอบโปรโมทให้เค้าหน่อย เพราะ staff น่ารักมาก ส่งเมลล์ไปเค้าจอง Sushi Yoshitake แล้วตอบกลับมาใน 30 นาทีเลย ประทับใจมาก ก็คือ โรงแรม Asakusa Ryokan Toukaisou ครับ เป็นอันว่าจองเรียบร้อน ผมไปที่ร้านวันที่ 29/7/56 จองล่วงหน้าไปตั้งแต่ประมาณต้นเดือน มิ.ย. ครับ จองเวลาไว้ที่ 18.00-20.00 เรื่องการเดิรทาง+บรรยากาศในร้านเป็นยังไง ไว้ดูกันตอนท้าย
ผมพาไปติดตามอาหารก่อนเลย ว่าจะเทพสมกับ 3 ดาวมิชลินแค่ไหน
ผมไปถึงก่อนเวลาครึ่งชม.ก็เดินโต๋เต๋อยู่แถวนั้นพอได้เวลาก็ขึ้นมาที่ร้าน สะดุดตากับตะเกียบปลายแหลม 2 ด้านก่อนเลย
จากนั้นเชฟคือตัวเชฟโยชิตาเกะเองเลยก็วางแผ่นน้ำแข็งที่มีวาซาบิกับผักน่าจะเป็นแตงกวาครับ เชฟว่าเอาไว้เสริฟซาชิมิ
สรุปก็คือจะมีเหมือนเป็น appetizer เป็นซาชิมิก่อน กี่คำเดี๋ยวมาดูกัน
appetizer1 เป็น กุ้ง เสริฟมากับส่วนอะไรซักส่วนของปลามันกรุบๆที่เห็นสีเหลืองๆนะครับ แล้วก็สาหร่ายน้ำราดทำมาจากส้มญี่ปุ่น
ซาชิมิแต่ละคำจะมีเครื่องจิ้มต่างกัน เชฟตะเสริฟเครื่องจิ้มมาก่อน นี่เป็นเกลือ เอาไว้จิ้มกับ...
appetizer2 ถัดมาก็คือออคโทปุส หรือหนวดหมึกยักษ์ที่เอาไว้จิ้มเกลือครับ หวานมาก ไม่เหนียวเลย รู้สึกอุ่นๆ เสริฟมาบนแผ่นน้ำแข็งนะครับ
จากนั้นก็โชยุมาวาง
appetizer3 ปลาดิบจานต่อไปคือปลากระพงครับ แน่นอนหวานสดมาก ไม่คาวเลย
คำถัดมา โอ้วสีเขียวๆน่าสงสัยมากมายมันคืออะไร
appetizer4 ที่จิ้มคู่กับเจ้าน้ำเขียวๆนี่คือ เป่าฮื้อชิ้นโต โตมากๆๆๆๆๆ
สรุปว่าเขียวๆนั่นคือตับเป่าฮื้อ เอาไว้จิ้มกินคู่กัน มีกลิ่นเฉพาะตัวครับฉุน(เหม็น)ขึ้นจมูก ส่วนเป่าฮื้อนั่นหวานอร่อยมากกกก เพิ่งเคยกินชิ้นใหญ่ขนาดนี้ จุ่มลงไปเลย
appetizer5 พอมีตับเป่าฮื้อเหลืออบู่เชฟก็จะปั้นข้าวมา1คำ ให้คลุกกินครับข้าวที่ปั้นมาขนาดเท่าข้าวในซูชินะครับ คำจะไม่ใหญ่ แล้วก็สีจะเหลืองๆหน่อย ที่สำคัญคืออุ่น ไม่เย็น
appetizer6 เป็นปลาอะไรไม่แน่ใจ ย่างให้หนังกรุบกรอบหอมๆ เนื้อยังสด หวานอยู่ เสริฟมาในถ้วยมีโชยุ
appetizer7 เป็นจานสุดท้ายเรียกน้ำย่อยอันนี้เป็น ถ่ัวแระญี่ปุ่นเสริฟมากับพืชน้ำอะไรซักอย่างเพื่อนบอกชื่อมาผมจำไม่ได้ละ ลักษณะมันเหมือนเป็นวุ้นๆเจลลี่ รสเปรี้ยวๆ ส่วนที่เห็นเหลืองๆข้างล่างนั้นคือ Uni หวานอร่อยมากกกก ตัดกับรสเปรี้ยวได้ดีเลย
หมดจานเรียกน้ำย่อยทั้ง 7 ไปแล้ว มาดูบรรนากาศร้านกันหน่อย เป็น counter ไม้แบบ bar ทั้งหมด 7 ที่นั่งครับ เชฟจะมีผู้ช่วย 1 คนอยู่ที่ counter ด้านหน้า แล้วหลังครัวมีอีก 2 คนที่คอยดูแลเราเสริฟน้ำ น่าจะเป็นภรรยาเชฟ
ที่นี้ก็ได้เวลาของซุชิครับ ผู้ช่วยจะยกถาดแบบนี้มาเสริฟ พร้อมขิงดอง เป็นอันว่ารู้กันว่าจะเสริฟบนนี้
คำที่ 1 ปลาหมึก หวาน ไม่เหนียวเลย อุ่นๆชอบมากกกก
คำที่ 2 เป็นปลากระพงอีกซักอย่าง ซุชิที่นี่เชฟจะใส่วาซาบิมาแล้วบนข้าวแบบพอดี และทาโชยุมาด้านบานปลานะครับ
คำที่ 3 ปลาทรายขาว Kisu หั่นเป็นริ้วมาสวยงามรสชาตินุ่มลิ้น ข้าวก็อุ่นๆมาพอดีคำ ไม่ใหญ่เกินไป
คำที่ 4 Chutoro
คำที่ 5 Otoro นี่หวานหอม ละลายในปากมากๆๆๆๆ
คำที่ 6 น่าจะเป็นปลา Kohada คำนี้เนื้อแน่นๆมันๆครับ
คำที่ 7 ปลา อาจิ สวยงามมาก
คำที่8 หอยแครงยักษ์ คำนี้ก็หนุบๆกรอบๆดีครับ แปลก ไม่เคยกินมาก่อน
ให้ดูขนาดข้าวขนาดคำกันชัดๆ หยิบเข้าปากเลย อ้ำ ถึงคำนี้ผมเริ่มอิ่มซะแล้ว
คำที่ 10 เหมือนเชฟรู้ พอเริ่มอิ่มก็จัดของเด็ดออกมาเลย Uni คำนี้จัดมาเต็มมากๆๆๆ อร่อยแบบบรรยายไม่ถูก ไม่รู้สึกถึงกลิ่นคาวเลย ฟินสุดๆ
คำที่ 11 กุ้งลายเสือ ยังมาให้ฟินกันต่อเนื่อง เนื้อกุ้งหวานๆ ตัวใหญ่มาก ตอนเชฟเตรียมตัดหัวตัดหางไปหมด ผมละอยากขอมาดูดจริงๆ
ก่อนเสริฟคำที่ 12 ให้ทายว่าที่หมกมาในใบไม้นั่นคืออะไรครับ กลิ่นหอมมาเชียว
คำที่ 12 ใครทายถูกมารับปลาไหลย่างหอมๆฉุยๆเยิ้มๆไปเลยคร้าบบบบบ อ้าฟิน คิดถึงคำนี้มากๆ หอม หวาน ละลาย บอกไม่ถูกเลย
คำที่ 13 Tamako - yaki หรือไข่หวานย่างที่แน่นอนว่าไม่เหมือนไข่หวานที่เคยกินมา เนื้อมันละเอียก หวานเหมือนกินขนมพวก custard มากกว่า นี่ก็ชวนฝันถึงมากๆๆๆ
ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา ซูชิเทพโยชิตาเกะก็เช่นกัน ปิดท้ายด้วยมิโสะซุปครับ
ให้ดูบรรยากาศในร้านกันต่อ
ดูที่วางมีดหั่นปลาของเชฟครับ
สรุปแล้วถือเป็นประสบการณืที่ดีมากๆในการกินอาหารระดับเทพครั้งนึง ได้นั่งดูเชฟปั้นข้าวหั่นปลาเตรียมอาหาร
มันคือศิลปะจริงๆ บรรยากาศในร้านก็ดีมากๆ รู้สึกได้ถึงความพิเศษในทุกซอกมุม รสชาติอาหารก็ดีสมระดับ ไม่ผิดหวังเลย
จัดอันดับจานโปรด ผมยกให้ 1. Uni 2.ปลาไหลย่าง 3.กุ้งลายเสือ 4.Otoro 5. Tamako-Yaki ครับ