โดยเฉพาะรอยยิ้มเรียบๆ แต่เหมือนจะกล่อมโลกให้เผยอยิ้มไปพร้อมๆ กับเธอทั้งใบ รอยยิ้มนั้น
ให้ตายเถอะ...ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ฉันก็จะมารู้ตัวอีกทีเอาตอนกำลังแอบอมยิ้่มอยู่ข้างๆ เธออยู่แทบจะทุกครั้งสินะ
ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน
"เป็นอะไรยืนยิ้มอยู่คนเดียวอีกแล้ว" เธอปราดพราวน้ำที่เกาะหน้าทักขึ้นพลางหัวเราะคิก กองหนังสือสี่ห้าเล่มหนาที่โดนเหวี่ยงเกลื่อนบนพื้นเปียกตอนนี้ถูกเก็บขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนของเธอเรียบร้อยแล้ว อ้อมแขนอันเรียวเล็กดูไร้เรี่ยวแรงจนไม่น่าจะรับน้ำหนักหนังสือพวกนี้ได้ ที่จริงมันดูแบบบางกว่าอ้อมแขนของหญิงสาววัยยี่สิบด้วยซ้ำ
"ให้ฉันถือเถอะ แขนเล็กแค่นี้เดี๋ยวก็หักหรอก" ฉันแย่งกองหนังสือพวกนั้นมาถือเสียเอง เธอเลิกคิ้วเบิกตาโตมอง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานให้ฉันได้ยิ้มอีกครั้ง
"ขอบคุณค่ะ"
--------------
มันเป็นเพียงวันปิดเทอมธรรมดาๆ วันหนึ่งในช่วงระหว่างชั้นปีของเธอ แดดจ้าหน้าร้อน ลมอุ่นๆ ผ่านหน้าต่างมาต้องตัวฉันที่กำลังสูบบุหรี่ในห้อง
ประตูรั้วหน้าบ้านของฉันก็ค่อยขยับเปิดออกมาตามคำสั่งรีโมทในรถของที่บ้านสักคัน ก่อนจะเห็นสีบรอนซ์ของรถหญิงสาวคนหนึ่งค่อยๆ เลี้ยวเข้ามาจอดในที่จอดรถ ตามด้วยรถอีกคันหนึ่งซึ่งฉันไม่เคยเห็นมาก่อน
ฉันเดินไปที่รถของหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้กำลังขนของพะรุงพะรังลงมาจากด้านหลังรถด้วยสารพัดถุงกระดาษของแบรนด์เนมต่างๆ
"อ้าว มาพอดีเลย มาๆ มาทักทายเพื่อนฉันก่อน นี่คาร์โบนาร่า คนดูแลอีกคนของเด็ก" หญิงสาวคนหนึ่งสั่งฉันในขณะที่ถ่ายกองถุงเหล่านั้นมาให้ฉันถือ นั่นจึงเป็นการทำให้การทักทายของฉันเป็นไปอย่างทุลักทุเล
"สวัสดีจ้ะ แหม...เธอก็...แทนที่จะให้เด็กไปเก็บของก่อน..." คาร์โบนาร่ายิ้ม ก่อนจะหันไปพูดกับข้างในรถ
"โฟล ลงมาทักทายสิ"
เด็กสาวหน้าตาจืดๆ แว่นหนาคนหนึ่งค่อยๆ เยื้องลงมาจากที่นั่งข้างคนขับอย่างเอียงอาย ดูวัยก็น่าจะอ่อนกว่าฉัน แต่ก็อย่างว่าแหละ เด็กวัยนี้ฉันว่ามันก็เหมือนๆ กันหมดจนใครเทียบอายุไม่ออกหรอกมั้ง
เด็กสาวคนที่ว่านี้ อายุของเธอเพิ่งจะบรรลุนิติภาวะไม่กี่เดือน
เรื่องของเนเน่ 3
ให้ตายเถอะ...ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ฉันก็จะมารู้ตัวอีกทีเอาตอนกำลังแอบอมยิ้่มอยู่ข้างๆ เธออยู่แทบจะทุกครั้งสินะ
ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน
"เป็นอะไรยืนยิ้มอยู่คนเดียวอีกแล้ว" เธอปราดพราวน้ำที่เกาะหน้าทักขึ้นพลางหัวเราะคิก กองหนังสือสี่ห้าเล่มหนาที่โดนเหวี่ยงเกลื่อนบนพื้นเปียกตอนนี้ถูกเก็บขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนของเธอเรียบร้อยแล้ว อ้อมแขนอันเรียวเล็กดูไร้เรี่ยวแรงจนไม่น่าจะรับน้ำหนักหนังสือพวกนี้ได้ ที่จริงมันดูแบบบางกว่าอ้อมแขนของหญิงสาววัยยี่สิบด้วยซ้ำ
"ให้ฉันถือเถอะ แขนเล็กแค่นี้เดี๋ยวก็หักหรอก" ฉันแย่งกองหนังสือพวกนั้นมาถือเสียเอง เธอเลิกคิ้วเบิกตาโตมอง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานให้ฉันได้ยิ้มอีกครั้ง
"ขอบคุณค่ะ"
--------------
มันเป็นเพียงวันปิดเทอมธรรมดาๆ วันหนึ่งในช่วงระหว่างชั้นปีของเธอ แดดจ้าหน้าร้อน ลมอุ่นๆ ผ่านหน้าต่างมาต้องตัวฉันที่กำลังสูบบุหรี่ในห้อง
ประตูรั้วหน้าบ้านของฉันก็ค่อยขยับเปิดออกมาตามคำสั่งรีโมทในรถของที่บ้านสักคัน ก่อนจะเห็นสีบรอนซ์ของรถหญิงสาวคนหนึ่งค่อยๆ เลี้ยวเข้ามาจอดในที่จอดรถ ตามด้วยรถอีกคันหนึ่งซึ่งฉันไม่เคยเห็นมาก่อน
ฉันเดินไปที่รถของหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้กำลังขนของพะรุงพะรังลงมาจากด้านหลังรถด้วยสารพัดถุงกระดาษของแบรนด์เนมต่างๆ
"อ้าว มาพอดีเลย มาๆ มาทักทายเพื่อนฉันก่อน นี่คาร์โบนาร่า คนดูแลอีกคนของเด็ก" หญิงสาวคนหนึ่งสั่งฉันในขณะที่ถ่ายกองถุงเหล่านั้นมาให้ฉันถือ นั่นจึงเป็นการทำให้การทักทายของฉันเป็นไปอย่างทุลักทุเล
"สวัสดีจ้ะ แหม...เธอก็...แทนที่จะให้เด็กไปเก็บของก่อน..." คาร์โบนาร่ายิ้ม ก่อนจะหันไปพูดกับข้างในรถ
"โฟล ลงมาทักทายสิ"
เด็กสาวหน้าตาจืดๆ แว่นหนาคนหนึ่งค่อยๆ เยื้องลงมาจากที่นั่งข้างคนขับอย่างเอียงอาย ดูวัยก็น่าจะอ่อนกว่าฉัน แต่ก็อย่างว่าแหละ เด็กวัยนี้ฉันว่ามันก็เหมือนๆ กันหมดจนใครเทียบอายุไม่ออกหรอกมั้ง
เด็กสาวคนที่ว่านี้ อายุของเธอเพิ่งจะบรรลุนิติภาวะไม่กี่เดือน