สวัสดีค่ะ พี่ๆเพื่อนๆ ทุกท่าน
วันนี้มีตอนที่สามของ หลอน (เงาที่ไม่มี...ศีรษะ) มาฝากค่ะ
**********************************************************************
หลอนตอนที่ 4.2 : ตัด
http://ppantip.com/topic/30573932
หลอนตอนที่ 4.1 : ตัด
http://ppantip.com/topic/30503807
หลอนตอนที่ 3.3 : ลอง (จบตอน)
http://ppantip.com/topic/30430516
หลอนตอนที่ 3.2 : ลอง
http://ppantip.com/topic/30391389
หลอนตอนที่ 3.1 : ลอง
http://ppantip.com/topic/30371216
หลอนตอนที่ 2.2 : เงา (จบตอน)
http://ppantip.com/topic/30360317
หลอนตอนที่ 2.1 : เงา
http://ppantip.com/topic/30340591
หลอนตอนที่ 1 : รอคอย
http://ppantip.com/topic/30303497
***********************************************************************
~~ 321 คาเฟ่ ~~
4.3 : จบตอน (เงาที่ไม่มี...ศีรษะ)
บนถนนสายเปลี่ยวเส้นเล็กที่สุดปลายทางคือสุสานของชาวคริสต์ สถานที่ที่ได้รับแจ้งว่ามีผู้พบศีรษะที่คาดว่าจะเป็นของศพที่พบจมคูน้ำเมื่อวันก่อน บรรยากาศระหว่างทางชวนเงียบเหงาวังเวง แสงไฟทางที่ส่องสะท้อนเส้นทางติดๆดับๆอยู่เป็นระยะ ใบไม้แห้งปลิวเกลื่อนเต็มท้องถนนราวกับเป็นสถานที่รกร้างอย่างไรอย่างนั้น
ชาญพาตีระกาที่บังเอิญติดสอยห้อยตามมาด้วยนั่งรถมาด้วยกัน ท่ามกลางแสงสลัวรางภายนอก หญิงสาวรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่นำพาให้ร่างกายขนลุกขนชันอย่างไม่มีสาเหตุ ใบหน้านวลซีดเซียวไปถนัดใจจนชาญสังเกตเห็น ถึงแม้สายตาเขาจะจดจ้องหาเป้าหมายที่ได้รับรายงานมาจากจ่าเล็กที่กำลังขับรถมอเตอร์ไซค์ตามกันมาไม่ไกล แต่ชาญก็ยังคงปลอบตีระกาอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรรึเปล่าตี หน้าซีด มือเย็นเชียว”
ตีระกาถึงกับสะดุ้ง มองมือชาญที่ยื่นมาสัมผัสมือตน มือเรียวกระชับมือหนาไว้มั่นอย่างขวัญเสีย สีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย
“ตีรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่มันอธิบายไม่ถูกน่ะ เหมือนจะมีกระแสส่งผ่านมาให้ตีรับรู้ อืม บอกไม่ถูก แต่ไม่ค่อยสบายใจเลย”
“เกี่ยวกับศพหัวขาดนั่นรึเปล่า”
ชาญสันนิษฐานหลังจากผ่านคดีดารารายมาไม่นาน เขาก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีสัมผัสพิเศษไม่แตกต่างจากตีระกาที่เป็นหมอดูไพ่ยิปซีที่มักจะต้องเจอปรากฏการณ์ต่างๆอยู่เสมอ
ไม่มีคำตอบจากตีระกา มีเพียงดวงตาตื่นตระหนกกับใบหน้านวลที่พยักขึ้นลงเบาๆ ตีระกายิ้มให้คนรักฉับพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง
มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่มีคนขับนั่งควบอยู่ตีคู่ขึ้นมาด้านข้างรถในความเร็วระดับเดียวกันผ่านถนนในจุดที่แสงไฟส่องกระทบพอดี ตีระกาถึงกับเบิกตาค้างอย่างตกตะลึงเมื่อชายคนที่ขับรถตีคู่ขึ้นมานั้นมีแต่เพียงร่างไม่มีศีรษะ
“ชาญ!! ดูนั่น!!”
ตีระกาเขย่าแขนชาญให้หันไปมองตาม สิ่งที่เห็นคือความว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ถึงกับผงะขยี้ตามองอีกครั้ง แต่หล่อนก็ยังคงเห็นใครคนนั้นอย่างชัดเจน
“อะไรตี ไม่เห็นมีอะไรเลย”
“นั่นไง ทำไมไม่เห็นล่ะ ชาญ”
ตีระกาชี้ไม้ชี้มือให้ชาญมองตามอีกครั้ง ชายหนุ่มจึงหันไปมองอย่างเสียไม่ได้ สิ่งที่เห็นก็ยังคงว่างเปล่า จึงลดระดับความเร็วรถลงจนหยุดสนิท จ่าเล็กที่ขี่มอเตอร์ไซค์ตามมาจึงหยุดรถถามอย่างแปลกใจ
“อ้าว หมวดจอดทำไมล่ะครับ ใกล้ถึงพิกัดที่แจ้งมาแล้วนะเร็วเหอะหมวด ดึกมากแล้ว”
“ขอโทษทีนะจ่า ผมจะไปเองแต่ฝากจ่าขับรถไปส่งตีที่คอนโดแทนผมหน่อยก็แล้วกัน”
ตีระกาและจ่าเล็กหันมองหน้ากันเลิ่กลั่กก่อนที่หญิงสาวจะปฏิเสธเสียงแข็งดึงดันจะไปด้วย ชาญเห็นท่าคนรักไม่ยอมจึงเปิดประตูลงจากรถพร้อมทั้งลงไปแย่งมอเตอร์ไซค์จ่าเล็กมาขี่แทน
“ฝากส่งเธอให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยด้วยนะจ่า ผมไปนะตีแล้วจะโทรหา”
เดี๋ยว!! ชาญ ตีไปด้วย”
ไม่ทันเสียแล้ว ยังไม่ทันจะพูดจบมอเตอร์ไซค์คันเก่าก็แล่นออกไปอย่างรวดเร็วจนลับสายตา ตีระกาถึงกับถอนใจออกมาอย่างอ่อนใจ โดยมีจ่าเล็กที่นั่งประจำที่คนขับคอยปลอบ
“เฮ้อ หมวดรีบน่ะครับคุณตี เป็นตำรวจก็อย่างนี้แหละไม่ค่อยมีเวลาให้ครอบครัว อีกอย่างตำรวจกองปราบอย่างเราแถมไฟแรงอย่างหมวดทำงานไม่เป็นเวลาหรอก”
“ฉันก็เข้าใจค่ะจ่า แต่ว่าอดเป็นห่วงไม่ได้ เดี๋ยวถ้ายังไงรบกวนช่วยส่งฉันที่ 321 แทนนะคะ”
จ่าเล็กหันขวับมาทันทีอย่างแปลกใจ ขนลุกซุ่โดยไม่มีสาเหตุยิ้มแหยให้หล่อน นึกอยากจะขัดแต่เมื่อเห็นสายตามุ่งมั่นแล้วจึงได้แต่ขับรถต่อไปแต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวจนได้
“ไป 321 ยิ่งไปใหญ่เลยคุณตี รับรองผมโดนหมวดด่าแน่”
จ่าเล็กน้ำเสียงสยองเมื่อนึกไปถึงสถานที่ที่ตีระกาต้องการจะไป หญิงสาวยิ้มหวานเอาใจจนจ่าเล็กขัดไม่ได้
“ไม่เห็นยากเลยก็แค่อย่าบอกเขาสิคะ น๊า นะ”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บรรยากาศสงัดวังเวงท่ามกลางแสงสลัวจากไฟทางส่องสว่างไม่มากนัก ชาญชลอรถมอเตอร์ไซค์ไม่ไกลจากจุดที่คนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่แล้วเดินข้ามฝั่งถนนเข้าไปยังภายในตัวสุสานที่แสนเงียบสงัดวังเวง
“มาเร็วนี่หมอ”
“ครับ..หมวด พอแจ้งไปผมก็รีบมาเลย จากที่ตรวจดูลักษณะภายนอก ศพนี้เป็นผู้ชายแน่นอนอยู่แล้วถึงแม้จะเริ่มเน่าเฟะ หนอนแมลงวันตอมเต็มไปหมด แต่จากรูปพรรณสัณฐานแล้วใกล้เคียงกับศพนั้นมากทีเดียว อายุน่าจะราวๆประมาณไม่เกินสามสิบปี สภาพลำคอคล้ายถูกตัดด้วยของมีคมชนิดบางเฉียบและรวดเร็ว สังเกตจากแผลที่ค่อนข้างเรียบไม่ค่อยขรุขระน่าจะเป็นการตัดที่รวดเร็ว ดูจากน้ำเหลืองที่ยังไหลเยิ้มอยู่นิดๆ และเนื้อเยื่อบริเวณหน้าผากเริ่มเห็นกะโหลกแล้ว คาดเดาเบื้องต้นได้อีกว่าศพนี้น่าจะตายมาแล้วไม่ต่ำกว่าสามสี่วัน อ้อ..ผมจะเอาไปตรวจหารอยพิมพ์ฟันเปรียบเทียบและเก็บแมลงที่ตอมศพไปแล้วครับ แล้วจะรายงานผลอีกที”
ราชันต์..แพทย์นิติเวชหนุ่ม บนศีรษะมีไฟฉายสำหรับสวมศีรษะส่องสว่างในการตรวจตราดูศพรายงานในขณะที่มือสวมถุงมือแน่นหนากำลังจะหยิบจับศีรษะของศพบรรจุลงในถุงสะอาดอย่างชำนาญ ชาญยั้งไว้ก่อนพร้อมกับหยิบถุงมือที่ราชันต์ยื่นให้มาสวมใส่อย่างรู้งาน
“น้ำเหลืองเยิ้มเชียว คุณคิดว่าใช่ศพที่จมคูน้ำที่เราคิดรึเปล่า ”
ชาญสำรวจศีรษะที่พบคร่าวๆ พร้อมเอานิ้วป้ายน้ำเหลืองที่เยิ้มเหนียวบนพื้นมาสำรวจดู สภาพน่าสยดสยองไม่น้อย แล้วจึงสำรวจสถานที่แวดล้อมทั่วไปด้วยความสงสัย
“อาจจะครับ คงต้องเอากลับไปพิสูจน์อีกที”
หลังจากสำรวจสภาพทั่วไปโดยรวมและราชันต์กลับไปแล้วพร้อมกับศีรษะที่ถูกค้นพบ เจ้าหน้าที่ก็เริ่มทยอยกลับ มีเพียงชาญที่ยังคงอยู่ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“แปลก..ศพเสียชีวิตที่หนึ่ง แต่หัวมาอยู่อีกที่หนึ่งได้ยังไง ไกลกันตั้งเกือบกิโล จะว่าลอยมาก็ไม่ใช่ในเมื่อคูน้ำไม่ได้ต่อกันกับจุดนี้และ..เอ๊ะ”
ชาญถึงกับอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อสำรวจสิ่งที่อาจจะเป็นหลักฐานได้แล้วเพิ่งสังเกตุเห็นชื่อที่ปรากฏบนแผ่นสลักชื่อว่า
“รริน พฤธิพันธ์..รริน รริน เฮ๊ย!!นี่มัน”
“รริน..ใครเหรอหมวด”
ชาญถึงกับผงะหันกลับมาทางต้นเสียง มือหนากระชับปืนพกสั้นหลังเอวแน่นอย่างระวังตัว แต่พอเห็นว่าเป็นใครสีหน้าจึงดีขึ้นเล็กน้อย
“จ่า มายังไงเงียบๆ ส่งตีเสร็จแล้วเหรอ”
“เรียบร้อยครับหมวด แล้วทางนี้”
“เรียบร้อยเหมือนกัน ว่าแต่ไปส่งตีเห็นอะไรแปลกๆมั๊ย”
ชาญถามขึ้นมาลอยๆ ในขณะที่จ่าเล็กถึงกับเหลียวซ้ายแลขวาอย่างหวาดหวั่น เสียงสุนัขเห่าหอนดังรับกันระงมไปทั่วบริเวณ จ่าเล็กถึงกับตัดพ้อต่อว่าหมวดหนุ่มเล็กๆ
“โถ่ หมวด ผมยิ่งเสียวสันหลังอยู่ด้วย ไอ้แปลกๆคงไม่ใช่ผีนะ เมื่อกี้ไปส่งคุณตีเห็นรอยยิ้มหนุ่มบริกรนั่นขนลุกยี่งกว่าเห็นผีอีกขอบอก”
“เมื่อกี้ว่าไงนะ ตกลงไปส่งที่ไหนอย่าบอกนะว่า 321”
ชาญรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอย่างร้อนใจเมื่อได้รับคำตอบจากจ่าเล็ก เป็นเช่นนั้นจริงอย่างที่คิดสถานที่แห่งนั้นมีบางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร จึงนึกเป็นห่วงตีระกานัก พอก้าวเท้าผ่านต้นไม้ใหญ่ริมถนนก็รู้สึกหนาวยะเยือกอย่างไม่รู้สาเหตุรู้สึกเหมือนลมวูบหนึ่งปะทะบนร่างจนขนกายลุกชัน นายตำรวจหนุ่มก้าวยาวๆอย่างรีบเร่งขับรถออกไปทันที โดยมีสายตาเจ้าของหลุมศพเมื่อครู่มองตามด้วยสีหน้าเรียบเฉย ใบหน้าซีดขาวสลดหดหู่นั่งอยู่บนเก้าอี้สีขาวภายใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เขาเดินผ่านไปเมื่อครู่ก่อนจะลุกขึ้นแล้วตามติดชาญไปอย่างกระชั้นชิด เสียงร่ำร้องแผ่วเบาที่ชาญไม่อาจได้ยินดังตามติดเป็นระยะ
“คนทำผิดจะต้องถูกลงโทษ...ฉันจะลงโทษพวกมันเอง”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บนถนนสายรองยามย่ำค่ำแสงจากภายในร้าน 321 คาเฟ่สว่างไสวขึ้นมาอีกครั้งรอรับการมาเยือนของคุณตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งดังขึ้นอีกครั้งท่ามกลางเสียงต้อนรับอย่างยินดีของบริกรชายที่ยังคงส่งยิ้มเย็นอย่างต่อเนื่องไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย...
“321 คาเฟ่ ยินดีต้อนรับครับ”
เสียงเจรจาพร้อมรอยยิ้มเย็นที่คุ้นเคยของบริกรหนุ่ม ตีระกาได้แต่นั่งจิบกาแฟรอเวลาให้เขาต้อนรับลูกค้าคนล่าสุดให้เสร็จโดยไว เพื่อจะได้เข้าเรื่องที่ต้องการรู้ แล้วหล่อนก็ต้องวางแก้วกาแฟลงพร้อมทั้งเพ่งสายตามองไปยังลูกค้ามาใหม่ด้วยความสนใจ พีรัชเดินเอื่อยอย่างเหน็ดเหนื่อยเข้ามานั่งโต๊ะริมหน้าต่างมุมในสุดโดยไม่ทันเห็นว่าเดินผ่านตีระกาไป หญิงสาวรู้สึกแปลกใจที่เขาไม่ทักทายกลับมองเลยผ่านไปราวกับไม่เห็น แต่สิ่งที่ตีระกาแปลกใจและถึงกับต้องเขม้นมองอีกครั้งก็คือเงาทะมึนสีดำที่เห็นเริ่มจางจนพอจะมองเห็นเป็นรูปร่างชัดเจนและที่สำคัญเงานั้นเริ่มปรากฏศีรษะขึ้นมาทีละน้อย...
“วันนี้รับอะไรดีครับ”
น้ำเสียงเยือกเย็นจากบริกรหนุ่มคนเดิมดึงความสนใจให้พีรัชหันกลับมาหลังจากทอดสายตามองนอกหน้าต่างอยู่นาน
“อเมริกาโน่”
คำตอบสั้นห้วนจากชายหนุ่มที่มีสีหน้าหนักใจ บริกรหนุ่มโค้งคำนับก่อนจะหายไปสักพักแล้วกลับมาพร้อมถ้วยอเมริกาโน่หอมกรุ่น เงาทะมึนสีดำยังคงนั่งอยู่ตรงข้ามพีรัชราวกับเป็นส่วนหนึ่งของผู้ร่วมโต๊ะที่เจ้าของเชื้อเชิญ ตีระกาเฝ้ามองอย่างแปลกใจก่อนจะกวักมือเรียกบริกรหนุ่มคนเดิม
“ต้องการรับอะไรเพิ่มครับ”
“คือ..ฉันขอถามหน่อยได้มั๊ยคะ คุณบอกว่าเคยเจอภรรยาคุณคนนั้นทั้งก่อนและหลังจากเธอตาย..หมายความว่ายังไงคะ”
ตีระกากระซิบถามอยากรู้ความนัยที่เขาเคยสื่อ บริกรหนุ่มยิ้มเย็นเช่นเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย แต่คราวนี้กลับได้รับคำตอบที่ยาวกว่าปกติจนตีระกานึกแปลกใจ
“เธอจะยังไม่ไปไหนจนกว่าภารกิจของเธอจะสำเร็จเสร็จสิ้น และมันคงใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้วเพราะเธอกำลังตรงมาทางนี้”
“ห๊ะ..ไม่เข้าใจ หมายความว่าไงคะ”
ไม่ทันได้รับคำตอบ เสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งก็ดังกังวานขึ้นอีกครั้ง ชาญก้าวเข้ามาในร้านด้วยความรีบเร่งสีหน้าตื่นตระหนก เมื่อเห็นตีระกานั่งหน้าเสียอยู่ที่โต๊ะประจำตัวเดิม ชายหนุ่มถึงกับหรี่ตามองอย่างคาดโทษนิดๆยามที่เห็นสายตาอ้อนจากคนรัก ไม่พูดพร่ำทำเพลงถามด้วยความห่วงใยแต่น้ำเสียงติดเครียดเล็กๆ
~~321 คาเฟ่~~ คาเฟ่นี้มี...หลอน (หลอน 4.3 : ตอนจบ)
วันนี้มีตอนที่สามของ หลอน (เงาที่ไม่มี...ศีรษะ) มาฝากค่ะ
**********************************************************************
หลอนตอนที่ 4.2 : ตัด
http://ppantip.com/topic/30573932
หลอนตอนที่ 4.1 : ตัด
http://ppantip.com/topic/30503807
หลอนตอนที่ 3.3 : ลอง (จบตอน)
http://ppantip.com/topic/30430516
หลอนตอนที่ 3.2 : ลอง
http://ppantip.com/topic/30391389
หลอนตอนที่ 3.1 : ลอง
http://ppantip.com/topic/30371216
หลอนตอนที่ 2.2 : เงา (จบตอน)
http://ppantip.com/topic/30360317
หลอนตอนที่ 2.1 : เงา
http://ppantip.com/topic/30340591
หลอนตอนที่ 1 : รอคอย
http://ppantip.com/topic/30303497
***********************************************************************
~~ 321 คาเฟ่ ~~
4.3 : จบตอน (เงาที่ไม่มี...ศีรษะ)
บนถนนสายเปลี่ยวเส้นเล็กที่สุดปลายทางคือสุสานของชาวคริสต์ สถานที่ที่ได้รับแจ้งว่ามีผู้พบศีรษะที่คาดว่าจะเป็นของศพที่พบจมคูน้ำเมื่อวันก่อน บรรยากาศระหว่างทางชวนเงียบเหงาวังเวง แสงไฟทางที่ส่องสะท้อนเส้นทางติดๆดับๆอยู่เป็นระยะ ใบไม้แห้งปลิวเกลื่อนเต็มท้องถนนราวกับเป็นสถานที่รกร้างอย่างไรอย่างนั้น
ชาญพาตีระกาที่บังเอิญติดสอยห้อยตามมาด้วยนั่งรถมาด้วยกัน ท่ามกลางแสงสลัวรางภายนอก หญิงสาวรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่นำพาให้ร่างกายขนลุกขนชันอย่างไม่มีสาเหตุ ใบหน้านวลซีดเซียวไปถนัดใจจนชาญสังเกตเห็น ถึงแม้สายตาเขาจะจดจ้องหาเป้าหมายที่ได้รับรายงานมาจากจ่าเล็กที่กำลังขับรถมอเตอร์ไซค์ตามกันมาไม่ไกล แต่ชาญก็ยังคงปลอบตีระกาอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรรึเปล่าตี หน้าซีด มือเย็นเชียว”
ตีระกาถึงกับสะดุ้ง มองมือชาญที่ยื่นมาสัมผัสมือตน มือเรียวกระชับมือหนาไว้มั่นอย่างขวัญเสีย สีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย
“ตีรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่มันอธิบายไม่ถูกน่ะ เหมือนจะมีกระแสส่งผ่านมาให้ตีรับรู้ อืม บอกไม่ถูก แต่ไม่ค่อยสบายใจเลย”
“เกี่ยวกับศพหัวขาดนั่นรึเปล่า”
ชาญสันนิษฐานหลังจากผ่านคดีดารารายมาไม่นาน เขาก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีสัมผัสพิเศษไม่แตกต่างจากตีระกาที่เป็นหมอดูไพ่ยิปซีที่มักจะต้องเจอปรากฏการณ์ต่างๆอยู่เสมอ
ไม่มีคำตอบจากตีระกา มีเพียงดวงตาตื่นตระหนกกับใบหน้านวลที่พยักขึ้นลงเบาๆ ตีระกายิ้มให้คนรักฉับพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง
มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่มีคนขับนั่งควบอยู่ตีคู่ขึ้นมาด้านข้างรถในความเร็วระดับเดียวกันผ่านถนนในจุดที่แสงไฟส่องกระทบพอดี ตีระกาถึงกับเบิกตาค้างอย่างตกตะลึงเมื่อชายคนที่ขับรถตีคู่ขึ้นมานั้นมีแต่เพียงร่างไม่มีศีรษะ
“ชาญ!! ดูนั่น!!”
ตีระกาเขย่าแขนชาญให้หันไปมองตาม สิ่งที่เห็นคือความว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ถึงกับผงะขยี้ตามองอีกครั้ง แต่หล่อนก็ยังคงเห็นใครคนนั้นอย่างชัดเจน
“อะไรตี ไม่เห็นมีอะไรเลย”
“นั่นไง ทำไมไม่เห็นล่ะ ชาญ”
ตีระกาชี้ไม้ชี้มือให้ชาญมองตามอีกครั้ง ชายหนุ่มจึงหันไปมองอย่างเสียไม่ได้ สิ่งที่เห็นก็ยังคงว่างเปล่า จึงลดระดับความเร็วรถลงจนหยุดสนิท จ่าเล็กที่ขี่มอเตอร์ไซค์ตามมาจึงหยุดรถถามอย่างแปลกใจ
“อ้าว หมวดจอดทำไมล่ะครับ ใกล้ถึงพิกัดที่แจ้งมาแล้วนะเร็วเหอะหมวด ดึกมากแล้ว”
“ขอโทษทีนะจ่า ผมจะไปเองแต่ฝากจ่าขับรถไปส่งตีที่คอนโดแทนผมหน่อยก็แล้วกัน”
ตีระกาและจ่าเล็กหันมองหน้ากันเลิ่กลั่กก่อนที่หญิงสาวจะปฏิเสธเสียงแข็งดึงดันจะไปด้วย ชาญเห็นท่าคนรักไม่ยอมจึงเปิดประตูลงจากรถพร้อมทั้งลงไปแย่งมอเตอร์ไซค์จ่าเล็กมาขี่แทน
“ฝากส่งเธอให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยด้วยนะจ่า ผมไปนะตีแล้วจะโทรหา”
เดี๋ยว!! ชาญ ตีไปด้วย”
ไม่ทันเสียแล้ว ยังไม่ทันจะพูดจบมอเตอร์ไซค์คันเก่าก็แล่นออกไปอย่างรวดเร็วจนลับสายตา ตีระกาถึงกับถอนใจออกมาอย่างอ่อนใจ โดยมีจ่าเล็กที่นั่งประจำที่คนขับคอยปลอบ
“เฮ้อ หมวดรีบน่ะครับคุณตี เป็นตำรวจก็อย่างนี้แหละไม่ค่อยมีเวลาให้ครอบครัว อีกอย่างตำรวจกองปราบอย่างเราแถมไฟแรงอย่างหมวดทำงานไม่เป็นเวลาหรอก”
“ฉันก็เข้าใจค่ะจ่า แต่ว่าอดเป็นห่วงไม่ได้ เดี๋ยวถ้ายังไงรบกวนช่วยส่งฉันที่ 321 แทนนะคะ”
จ่าเล็กหันขวับมาทันทีอย่างแปลกใจ ขนลุกซุ่โดยไม่มีสาเหตุยิ้มแหยให้หล่อน นึกอยากจะขัดแต่เมื่อเห็นสายตามุ่งมั่นแล้วจึงได้แต่ขับรถต่อไปแต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวจนได้
“ไป 321 ยิ่งไปใหญ่เลยคุณตี รับรองผมโดนหมวดด่าแน่”
จ่าเล็กน้ำเสียงสยองเมื่อนึกไปถึงสถานที่ที่ตีระกาต้องการจะไป หญิงสาวยิ้มหวานเอาใจจนจ่าเล็กขัดไม่ได้
“ไม่เห็นยากเลยก็แค่อย่าบอกเขาสิคะ น๊า นะ”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บรรยากาศสงัดวังเวงท่ามกลางแสงสลัวจากไฟทางส่องสว่างไม่มากนัก ชาญชลอรถมอเตอร์ไซค์ไม่ไกลจากจุดที่คนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่แล้วเดินข้ามฝั่งถนนเข้าไปยังภายในตัวสุสานที่แสนเงียบสงัดวังเวง
“มาเร็วนี่หมอ”
“ครับ..หมวด พอแจ้งไปผมก็รีบมาเลย จากที่ตรวจดูลักษณะภายนอก ศพนี้เป็นผู้ชายแน่นอนอยู่แล้วถึงแม้จะเริ่มเน่าเฟะ หนอนแมลงวันตอมเต็มไปหมด แต่จากรูปพรรณสัณฐานแล้วใกล้เคียงกับศพนั้นมากทีเดียว อายุน่าจะราวๆประมาณไม่เกินสามสิบปี สภาพลำคอคล้ายถูกตัดด้วยของมีคมชนิดบางเฉียบและรวดเร็ว สังเกตจากแผลที่ค่อนข้างเรียบไม่ค่อยขรุขระน่าจะเป็นการตัดที่รวดเร็ว ดูจากน้ำเหลืองที่ยังไหลเยิ้มอยู่นิดๆ และเนื้อเยื่อบริเวณหน้าผากเริ่มเห็นกะโหลกแล้ว คาดเดาเบื้องต้นได้อีกว่าศพนี้น่าจะตายมาแล้วไม่ต่ำกว่าสามสี่วัน อ้อ..ผมจะเอาไปตรวจหารอยพิมพ์ฟันเปรียบเทียบและเก็บแมลงที่ตอมศพไปแล้วครับ แล้วจะรายงานผลอีกที”
ราชันต์..แพทย์นิติเวชหนุ่ม บนศีรษะมีไฟฉายสำหรับสวมศีรษะส่องสว่างในการตรวจตราดูศพรายงานในขณะที่มือสวมถุงมือแน่นหนากำลังจะหยิบจับศีรษะของศพบรรจุลงในถุงสะอาดอย่างชำนาญ ชาญยั้งไว้ก่อนพร้อมกับหยิบถุงมือที่ราชันต์ยื่นให้มาสวมใส่อย่างรู้งาน
“น้ำเหลืองเยิ้มเชียว คุณคิดว่าใช่ศพที่จมคูน้ำที่เราคิดรึเปล่า ”
ชาญสำรวจศีรษะที่พบคร่าวๆ พร้อมเอานิ้วป้ายน้ำเหลืองที่เยิ้มเหนียวบนพื้นมาสำรวจดู สภาพน่าสยดสยองไม่น้อย แล้วจึงสำรวจสถานที่แวดล้อมทั่วไปด้วยความสงสัย
“อาจจะครับ คงต้องเอากลับไปพิสูจน์อีกที”
หลังจากสำรวจสภาพทั่วไปโดยรวมและราชันต์กลับไปแล้วพร้อมกับศีรษะที่ถูกค้นพบ เจ้าหน้าที่ก็เริ่มทยอยกลับ มีเพียงชาญที่ยังคงอยู่ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“แปลก..ศพเสียชีวิตที่หนึ่ง แต่หัวมาอยู่อีกที่หนึ่งได้ยังไง ไกลกันตั้งเกือบกิโล จะว่าลอยมาก็ไม่ใช่ในเมื่อคูน้ำไม่ได้ต่อกันกับจุดนี้และ..เอ๊ะ”
ชาญถึงกับอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อสำรวจสิ่งที่อาจจะเป็นหลักฐานได้แล้วเพิ่งสังเกตุเห็นชื่อที่ปรากฏบนแผ่นสลักชื่อว่า
“รริน พฤธิพันธ์..รริน รริน เฮ๊ย!!นี่มัน”
“รริน..ใครเหรอหมวด”
ชาญถึงกับผงะหันกลับมาทางต้นเสียง มือหนากระชับปืนพกสั้นหลังเอวแน่นอย่างระวังตัว แต่พอเห็นว่าเป็นใครสีหน้าจึงดีขึ้นเล็กน้อย
“จ่า มายังไงเงียบๆ ส่งตีเสร็จแล้วเหรอ”
“เรียบร้อยครับหมวด แล้วทางนี้”
“เรียบร้อยเหมือนกัน ว่าแต่ไปส่งตีเห็นอะไรแปลกๆมั๊ย”
ชาญถามขึ้นมาลอยๆ ในขณะที่จ่าเล็กถึงกับเหลียวซ้ายแลขวาอย่างหวาดหวั่น เสียงสุนัขเห่าหอนดังรับกันระงมไปทั่วบริเวณ จ่าเล็กถึงกับตัดพ้อต่อว่าหมวดหนุ่มเล็กๆ
“โถ่ หมวด ผมยิ่งเสียวสันหลังอยู่ด้วย ไอ้แปลกๆคงไม่ใช่ผีนะ เมื่อกี้ไปส่งคุณตีเห็นรอยยิ้มหนุ่มบริกรนั่นขนลุกยี่งกว่าเห็นผีอีกขอบอก”
“เมื่อกี้ว่าไงนะ ตกลงไปส่งที่ไหนอย่าบอกนะว่า 321”
ชาญรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอย่างร้อนใจเมื่อได้รับคำตอบจากจ่าเล็ก เป็นเช่นนั้นจริงอย่างที่คิดสถานที่แห่งนั้นมีบางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร จึงนึกเป็นห่วงตีระกานัก พอก้าวเท้าผ่านต้นไม้ใหญ่ริมถนนก็รู้สึกหนาวยะเยือกอย่างไม่รู้สาเหตุรู้สึกเหมือนลมวูบหนึ่งปะทะบนร่างจนขนกายลุกชัน นายตำรวจหนุ่มก้าวยาวๆอย่างรีบเร่งขับรถออกไปทันที โดยมีสายตาเจ้าของหลุมศพเมื่อครู่มองตามด้วยสีหน้าเรียบเฉย ใบหน้าซีดขาวสลดหดหู่นั่งอยู่บนเก้าอี้สีขาวภายใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เขาเดินผ่านไปเมื่อครู่ก่อนจะลุกขึ้นแล้วตามติดชาญไปอย่างกระชั้นชิด เสียงร่ำร้องแผ่วเบาที่ชาญไม่อาจได้ยินดังตามติดเป็นระยะ
“คนทำผิดจะต้องถูกลงโทษ...ฉันจะลงโทษพวกมันเอง”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บนถนนสายรองยามย่ำค่ำแสงจากภายในร้าน 321 คาเฟ่สว่างไสวขึ้นมาอีกครั้งรอรับการมาเยือนของคุณตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งดังขึ้นอีกครั้งท่ามกลางเสียงต้อนรับอย่างยินดีของบริกรชายที่ยังคงส่งยิ้มเย็นอย่างต่อเนื่องไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย...
“321 คาเฟ่ ยินดีต้อนรับครับ”
เสียงเจรจาพร้อมรอยยิ้มเย็นที่คุ้นเคยของบริกรหนุ่ม ตีระกาได้แต่นั่งจิบกาแฟรอเวลาให้เขาต้อนรับลูกค้าคนล่าสุดให้เสร็จโดยไว เพื่อจะได้เข้าเรื่องที่ต้องการรู้ แล้วหล่อนก็ต้องวางแก้วกาแฟลงพร้อมทั้งเพ่งสายตามองไปยังลูกค้ามาใหม่ด้วยความสนใจ พีรัชเดินเอื่อยอย่างเหน็ดเหนื่อยเข้ามานั่งโต๊ะริมหน้าต่างมุมในสุดโดยไม่ทันเห็นว่าเดินผ่านตีระกาไป หญิงสาวรู้สึกแปลกใจที่เขาไม่ทักทายกลับมองเลยผ่านไปราวกับไม่เห็น แต่สิ่งที่ตีระกาแปลกใจและถึงกับต้องเขม้นมองอีกครั้งก็คือเงาทะมึนสีดำที่เห็นเริ่มจางจนพอจะมองเห็นเป็นรูปร่างชัดเจนและที่สำคัญเงานั้นเริ่มปรากฏศีรษะขึ้นมาทีละน้อย...
“วันนี้รับอะไรดีครับ”
น้ำเสียงเยือกเย็นจากบริกรหนุ่มคนเดิมดึงความสนใจให้พีรัชหันกลับมาหลังจากทอดสายตามองนอกหน้าต่างอยู่นาน
“อเมริกาโน่”
คำตอบสั้นห้วนจากชายหนุ่มที่มีสีหน้าหนักใจ บริกรหนุ่มโค้งคำนับก่อนจะหายไปสักพักแล้วกลับมาพร้อมถ้วยอเมริกาโน่หอมกรุ่น เงาทะมึนสีดำยังคงนั่งอยู่ตรงข้ามพีรัชราวกับเป็นส่วนหนึ่งของผู้ร่วมโต๊ะที่เจ้าของเชื้อเชิญ ตีระกาเฝ้ามองอย่างแปลกใจก่อนจะกวักมือเรียกบริกรหนุ่มคนเดิม
“ต้องการรับอะไรเพิ่มครับ”
“คือ..ฉันขอถามหน่อยได้มั๊ยคะ คุณบอกว่าเคยเจอภรรยาคุณคนนั้นทั้งก่อนและหลังจากเธอตาย..หมายความว่ายังไงคะ”
ตีระกากระซิบถามอยากรู้ความนัยที่เขาเคยสื่อ บริกรหนุ่มยิ้มเย็นเช่นเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย แต่คราวนี้กลับได้รับคำตอบที่ยาวกว่าปกติจนตีระกานึกแปลกใจ
“เธอจะยังไม่ไปไหนจนกว่าภารกิจของเธอจะสำเร็จเสร็จสิ้น และมันคงใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้วเพราะเธอกำลังตรงมาทางนี้”
“ห๊ะ..ไม่เข้าใจ หมายความว่าไงคะ”
ไม่ทันได้รับคำตอบ เสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งก็ดังกังวานขึ้นอีกครั้ง ชาญก้าวเข้ามาในร้านด้วยความรีบเร่งสีหน้าตื่นตระหนก เมื่อเห็นตีระกานั่งหน้าเสียอยู่ที่โต๊ะประจำตัวเดิม ชายหนุ่มถึงกับหรี่ตามองอย่างคาดโทษนิดๆยามที่เห็นสายตาอ้อนจากคนรัก ไม่พูดพร่ำทำเพลงถามด้วยความห่วงใยแต่น้ำเสียงติดเครียดเล็กๆ