เป็นไปได้หรือไม่ที่บุคคลตายแล้วจะไปเกิดบนสวรรค์เพียงแค่ทำใจให้มีศรัทธาใน พระพุทธเจ้าเท่านั้น

เรื่องมัฏฐกุณฑลี




          เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ที่พระเชตวัน กรุงสาวัตถี ทรงปรารภมัฏฐกุณฑลี ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 2 นี้

          มัฏ ฐกุณฑลีเป็นชายหนุ่ม มีบิดาชื่อ อทินนปุพพกะ ซึ่งเป็นเศรษฐีที่มีความตระหนี่ไม่เคยบริจาคทานให้แก่ผู้ใด แม้แต่เครื่องประดับสำหรับบุตรชายเขาก็ทำให้เอง เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย(ค่ากำเหน็จ)สำหรับช่างเงินช่างทอง เมื่อบุตรชายคนนี้ล้มเจ็บลง แทนที่ท่านเศรษฐีจะไปจ้างแพทย์มาทำการรักษาก็ใช้ยากลางบ้านมารักษาตามมีตาม เกิด จนกระทั่งอาการของบุตรชายเข้าขั้นโคม่า เมื่อรู้ว่าบุตรชายจะต้องตายแน่แล้ว เขาก็นำบุตรชายที่มีอาการร่อแร่ใกล้ตายนั้นออกไปนอนเสียนอกบ้าน เพื่อที่ว่าคนอื่นๆที่มาเยี่ยมลูกชายที่บ้านจะได้ไม่สามารถมองเห็นทรัพย์ สมบัติของเขาได้

          เช้าวันนั้น พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาดูสัตว์โลกที่จะไปโปรดหนุ่มตุ้มหูเกลี้ยงปรากฏในข่ายคือพระญาณว่าจะได้บรรลุธรรม จึงเสด็จเข้าไปบิณฑบาต มุ่งพระพักตร์ไปเรือนของเศรษฐีขี้เหนียวทรงแผ่ฉัพพรรณรังสีไปต้องกายของหนุ่มตุ้มหูเกลี้ยง ซึ่งนอนรอความตายอยู่ที่ชานเรือน เด็กหนุ่มเห็นแสงวาบๆ นึกว่าแสงอะไร จึงค่อยๆ พลิกตัวหันไปมองเห็นพระพุทธองค์ประทับอยู่ตรงหน้าด้วยพระรัศมีอันรุ่งเรืองงดงาม จึงนึกด้วยความสลดใจว่า

"เราเกิดมาในตระกูลที่พ่อไม่นับถือพระศาสนา พ่อจึงไม่เคยพาเข้าวัดฟังธรรม ไม่เคยถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์แม้แต่ทัพพีเดียว บัดนี้เราก็ป่วยหนัก เพียงแค่จะยกมือนมัสการก็แสนยาก มีจิตอ่อนโยน ข้าพระองค์ขอนมัสการ พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ด้วยจิตอันเลื่อมใสนี้"

          แล้วเขาก็ค่อยๆ ยกมือขึ้นได้ข้างเดียวมนัสการพระพุทธองค์อย่างยากเย็น ไหว้เสร็จก็สิ้นลมทันที พระพุทธองค์ตรัสบอกภิกษุสงฆ์ในภายหลังว่า มัฏฐกุณฑลี หรือ หนุ่มตุ้มหูเกลี้ยง ไปเกิดเป็นเทพบุตร เพราะอานิสงส์ คือ ยกมือนมัสการพระเจ้าด้วยจิตที่เลื่อมใส

          เศรษฐีผู้เป็นพ่อ พอหลังจากลูกชายตายไปแล้ว แกก็ไปป่าช้าที่เผาศพลูก ไปร้องไห้คร่ำครวญหาลูกทุกวัน จนเทพบุตรซึ่งเป็นลูกของพราหมณ์เธอต้องการมาอนุเคราะห์บิดา แปลงเป็นเด็กหนุ่มมาร้องไห้อยู่ข้างๆเศรษฐี ร้องไห้จนเศรษฐ๊ต้องถามว่าร้องไห้ทำไม  เด็กหนุ่มบอกว่าอยากได้ล้อรถ  เศรษฐี เห็นเด็กหนุ่มรูปร่างหน้าตาเหมือนลูกของตนเกิดความรัก จึงคิดจะหาล้อรถให้ ว่า ล้อรถทำด้วยเงิน ทอง และเพชร เจ้าปรารถนาอย่างไหนโปรดบอกมาเถิดเราจะหามาให้  เทพบุตรคิดว่า พ่อเรานี้เป็นพาลแท้หนอ เมื่อเรายังเป็นมนุษย์อยู่เจ็บป่วยอย่างหนัก แม้ค่ายารักษาก็ไม่ยอมที่จะเสียแต่เมื่อเสียของที่รักไปแล้ว ก็ให้ได้แม้แต่สิ่งที่ตัวเองหวงแหนมากในกาลที่ไม่สามารถเป็นประโยชน์อันใดแล้ว  แล้วจึงบอกว่ารถของเรานั้นล้วนแล้วแต่ทอง ล้อที่จะเหมาะสมจะมาทำเป็นล้อนั้น คือพระอาทิตย์   กับพระจันทร์เท่านั้น เศรษฐีจึงบอกว่าเจ้านี้เป็นคนโง่โดยแท้  สิ่งที่เจ้าต้องการนั้นต่อให้ร้องไห้จนตายก็ไม่สามารถจะเอามาทำล้อรถได้ เทพบุตรจึงบอกว่า พระจันทร์ พระอาทิตย์ นั้น ยังพอมองเห็นได้ในปัจจุบัน  แต่ลูกชายของท่านนั้นตายไปมองไม่  ไม่มีนิมิตรหมายอันใดเหลืออยู่ ท่านยังร้องไห้ถึงเขา ต้องการให้เขากลับมา  ท่านว่าระหว่างข้าพเจ้ากับท่านนั้นใคร โง่กว่ากัน  พราหมณ์ได้ฟังแล้วหายโศกเป็นปลิดทิ้ง  กล่าวขอบคุณเด็กหนุ่มที่ทำให้หายโศกได้  แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อเทพบุตรได้  แสดงตนให้เห็นว่าเป็นเทพบุตร เศรษฐีจึงถามว่า ท่านเป็นใครกัน เทพบุตรก็เล่าความแต่ต้นให้ฟัง เศรษฐีอัศจรรย์ใจมากว่า โอ้ ศาสนาของพระผู้มีพระภาคนี้มี ฤทธิ์ มีอานุภาพ มีคุณมากหนอ แค่เพียงมีจิตเลื่อมใสยังสามารถนำคนที่ไม่เคยให้ ไม่เคยถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์แม้แต่ทัพพีเดียว บังเกิดในสวรรค์ได้ หากแม้กระทำบุญในศาสนานี้แล้ว ความพ้นทุกข์จักมีเป็นแน่   จึงได้ถามเทพบุตรว่า เราควรทำอย่างไร เทพบุตรตอบเศรษฐีว่าพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ที่ใด แล้วจึงกล่าวกับเศรษฐีอีกว่า กิจใดที่ควรทำ ท่านพึงสำเหนียกกิจนั้นเทอญ  แล้วก็อันตรธานหายไป  เศรษฐีจึงเข้าไปเข้าเฝ้าพระศาสดา ทูลนิมนต์พระศาสดามารับภัตตาหารที่บ้าน และที่บ้านของอทินนปุพพกเศรษฐี แล้วทูลถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่บุคคลตายแล้วจะไปเกิดบนสวรรค์เพียงแค่ทำใจให้มีศรัทธาใน พระพุทธเจ้าเท่านั้น  พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า  ท่านก็ทราบชัดด้วยตัวเองแล้วมิใช่หรือ แล้วพระศาสดาก็ตรัสบอกชนในที่นั้นเรื่องที่เศรษฐีเจอกับลูกชายที่ป่าช้า แล้วพระศาสดาจึงทรงอธิษฐานจิตให้มัฏฐกุณฑลีมาปรากฏในร่างของเทวดา และมัฏฐกุณฑลีก็ได้มาปรากฏตัวในร่างของเทวดาพร้อมด้วยเครื่องประดับที่เป็น ทิพย์ และได้บอกว่าตนได้ไปเกิดอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์จริงๆ ชนอันมากได้เห็นแล้วมีจิตเลื่อมใส ฟังธรรมแล้วบรรลุธรรมเป็นอันมากด้วย การมาของเศรษฐีนี้เป็นต้นเค้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่