* มัฏฐกุณฑลี ผู้ทำใจให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า *

พระพุทธเจ้าเล็งเห็นอุปนิสัยของมัฏฐกุณฑลี      
     
               ในเวลากำลังปัจจุสมัย (คือเวลาจวนสว่าง) วันนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากพระมหากรุณาสมาบัติ ทรงเล็งดูโลกด้วยพุทธจักษุ เพื่อทอดพระเนตรเหล่าสัตว์ ผู้เป็นเผ่าพันธุ์อันพระองค์พอแนะนำได้ ซึ่งมีกุศลมูลอันหนาแน่นแล้ว มีความปรารถนา๑- ซึ่งได้ทำไว้แล้วในพระพุทธเจ้าแต่ปางก่อนทั้งหลาย ได้ทรงแผ่ตาข่ายคือพระญาณไปในหมื่นจักรวาล. มัฏฐกุณฑลีมาณพปรากฏแล้ว ณ ภายในตาข่าย คือพระญาณนั้น โดยอาการอันนอนที่ระเบียงข้างนอกอย่างนั้น.

           พระศาสดาทอดพระเนตรเห็นเขาแล้ว ทรงทราบว่า พราหมณ์ผู้บิดานำเขาออกจากภายในเรือนแล้ว ให้นอนในที่นั้น

ทรงดำริว่า “จะมีประโยชน์บ้างหรือไม่หนอ ด้วยปัจจัยที่เราไปในที่นั้น” กำลังทรงรำพึง (อยู่)

ได้ทรงเห็นเหตุนี้ว่า “มาณพนี้จักทำจิตให้เลื่อมใสในเรา ทำกาละแล้ว จักเกิดในวิมานทองสูง ๓๐ โยชน์ในดาวดึงสเทวโลก มีนางอัปสรเป็นบริวารพันหนึ่ง.


ในขณะนั้น มัฏฐกุณฑลีมาณพกำลังนอนผินหน้าไปข้างในเรือน. พระศาสดาทรงทราบว่าไม่เห็นพระองค์, จึงได้เปล่งพระรัศมีไปวาบหนึ่ง.

มาณพคิดว่า “นี่แสงสว่างอะไร?” จึงนอนพลิกกลับมา เห็นพระศาสดาแล้ว คิดว่า

เราอาศัยบิดาเป็นอันธพาล จึงไม่ได้เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า เห็นปานนี้แล้ว ทำความขวนขวายด้วยกาย หรือถวายทาน หรือฟังธรรม,

เดี๋ยวนี้แม้แต่มือสองข้างของเราก็ยกไม่ไหว กิจที่ควรทำอย่างอื่นไม่มี" ดังนี้แล้ว ได้ทำใจเท่านั้นให้เลื่อมใส.


พระศาสดาทรงพระดำริว่า “พอละ ด้วยการที่มาณพนี้ทำใจให้เลื่อมใสประมาณเท่านั้น” ก็เสด็จหลีกไปแล้ว.

เมื่อพระตถาคตพอกำลังเสด็จลับตาไป,

มาณพนั้นมีใจเลื่อมใส ทำกาละแล้ว เป็นประดุจดังว่า หลับแล้วกลับตื่นขึ้น ไปเกิดในวิมานทองสูงประมาณ ๓๐ โยชน์ในเทวโลก


http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=11&p=2

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่