คนเรานั้น  มีธรรมเป็นเครื่องประดับใจ  ให้ชีวิตอยู่ในกรอบอันเหมาะอันควร
หากจะนอกกรอบมั่ง  ก็อย่าให้เกินไป
เช่น  กินเหล้าก็กินไป  แต่อย่าให้เหล้ากิน  

ธรรม  คืออะไร   ธรรม  คือ ธรรมชาติ
เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว   พระพทธเจ้าท่านค้นพบ  แล้วนำมาสั่งสอน
เป็นเรื่องเหตุผล  ไม่ใช่เรื่องความเชื่อ  เป็นหลักคิดทางวิทยาศาสตร์


สิ่งพื้น ๆ ที่ธรรมสอนคนเราก็คือ   พฤติกรรมทางกาย  วาจา  ใจ
บางคนดูสุภาพเรียบร้อย   พูดเพราะพริ้ง   แต่ใจหมา
บางคนโผงผาง   บุคลิกน่ากลัว น่าเกลียด   แต่ใจงามนัก

พื้น ๆ เรื่องหนึ่งที่ธรรมสอนก็คือเรื่องสีลัพพตปรามาส
คืออะไร   ศึกษาเอาเองครับ

ธรรมกาย   รูปแบบหรูหรา  ดูโอ่อ่า  ภูมิฐาน  ศักดิ์สิทธิ์
(ตรงกับจริตของมนุษย์  เปรียบทียบเช่นร้านโชวห่วยกับบิ๊กซี)
เข้าไปแล้วรู้สึกสะอาด  แน่นในธรรม  แต่ผมบอกได้เลย  กลวงทั้งนั้น

สีลัพพตปรามาส  คือหลักธรรมเบื้องต้นพื้น ๆ ที่คนเราควรมี
แต่ผมว่า  ธรรมกายนี่  สอนให้ใจคนเราเพี้ยน
กายอาจดูุนุ่มนวล  สุภาพ   ปากอาจพูดอ่อนโยน   แต่ใจหาได้ละกิเลสไม่

กิเลสนั้น  ไม่ใช่แค่การทำชั่วนะครับ
ประเภท "ติดดี"  นี่ก็กิเลสเหมือนกัน  แถมเป็นกิเลสใหญ่ด้วย
โลกนี้เรือหายวุ่นวายมานักต่อนัก  ก็เพราะโมหะในเรื่องติดดีนี่แหละครับ

ธรรมชาติ  ไม่ใช่เรื่องการปรุงแต่งครับ  ยิ่งปรุงแต่ยิ่งเพิ่มกิเลส  ยิ่งเพิ่มตัณหา
แล้วคิดดูนะครับ   ธรรมกายน่ะ  ปรุงแต่งหรือไม่


กระทรวงศึกษาธิการกับธรรมกายนี่   หลายทีแล้วครับ
ไม่ใช่เรื่องธรรมเลย  แต่คือเรื่องการเมืองล้วน ๆ   เรื่องผลประโยชน์ล้วน ๆ
บ้านเมืองจะเรือหายเอาง่าย ๆ นะครับ   เอาศาสนามาเล่นการเมืองเรื่องผลประโยชน์นี่

สั่งเลิกการเกณฑ์ครู-นักเรียนเข้าธรรมกายเถอะครับคุณจาตุรนต์
อย่ากลัว  อย่าเกรงใจผู้มีอำนาจในพรรคที่งมงายกับธรรมกาย



พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ว่า    คนเราต้องมีศรัทธาคู่กับปัญญา
หากมีแต่ศรัทธา็ก็จะเป็นความงมงาย
หากมีแต่ปัญญาก็จะเป็นคนไม่ฟังใคร  ทรนงตนผิด ๆ
คนเราต้องฟังคนอื่น  เชื่อคนอื่น   คือมีศรัทธาในสิ่งอื่น  แต่ศรัทธานั้นต้องเกิดจากปัญญา  ไม่ใช่เกิดจากความเชื่ออย่างเดียว

ชักจะเลอะ
ลงธรรมาสน์ล่ะครับ