สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
หัวอกเดียวกันเลยตัวเอง T T บางคนอาจจะคิดว่าเค้าเป็นแม่ ปล่อยเค้าบ่นไปเถอะ เดี๋ยววันนึงก็ไม่มีแม่ให้บ่นแล้ว แต่...มันทำให้คนรอบข้างเครียดอ่ะ เราเองก็ยึดกรอบของเด็กกตัญญูค่ะ ไม่เถียง ไม่ก้าวร้าว แต่นั่นแหละ ทำให้เรายิ่งเครียด เราไม่ได้อยากเปลี่ยนแม่ แค่ไม่เห็นประโยชน์ของการบ่นและการคิดลบ มันอาจดูเป็นเรื่องเล็กๆนะคะ แต่สำหรับบางครอบครัว นี่เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสังคมเลยนะ เด็กบางคนไม่อยากกลับบ้าน ไปติดเพื่อน เพราะกลับมาบ้านก็ไม่มีความสุข เด็กบางคนถูกหล่อหลอมมาให้เป็นเด็กก้าวร้าว มองโลกในแง่ร้าย เพราะซึมซับจากตัวอย่างที่บ้าน จนกลายเป็นคนติดทุกข์สุขไม่เป็น เพราะคนที่บ้านไม่เคยอนุญาติให้มีความสุข มองโลกในแง่ดีก็โดนด่า ต้องคิดแง่ร้ายเข้าไว้ ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นคนที่เข้าใจโลก นี่ขนาดแม่อยู่บ้านสบายๆนะคะ มีเงินให้ใช้ อยากไปเที่ยวไหน ลูกก็พาไป ถ้าต้องเป็นคนทำงานหาเลี้ยงครอบครัวด้วย สงสัยจะอาการหนักกว่านี้ 555+
ความคิดเห็นที่ 12
เรามองว่า คนที่ขี้บ่น มีอะไรในใจ เขาพูดออกมาหมด ระบายออกมาหมด จริงๆลึกๆไม่น่าเครียดนะ เป็นความเครียดระดับตื้นๆ
พอได้บ่น ได้ระบาย ก็จะสบายใจขึ้น พอได้เห็นสิ่งที่ตนไม่พอใจ พอบ่นแล้วมีคนช่วยแก้ไข หรือตนเองได้ทำให้ดีขึ้นก็สบายใจ
ต่างกับคนที่เก็บความรู้สึก ไม่เคยพูดบ่น หรือแสดงท่าทีไม่พอใจอะไรเลย พวกนี้เก็บความเครียดไว้ลึกกว่านะ ถ้าระหว่างคุณเครียด
กับแม่ของคุณเครียด ดูท่าคุณจะเครียดกว่านะ เพราะไม่ได้ระบายออกมา จะกลายเป็นความรู้สึกเก็บกดมากกว่า
แม่คุณพูดแล้วความรู้สึกจบ แต่คุณไม่พูด เก็บไว้ความรู้สึกมันยังคงอยู่นะ ไม่หายไป
ถ้าเป็นเราจะฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่ใส่ใจกับคำพูดเหล่านั้น ก็ปล่อยท่านบ่นไป อยากทำอะไรก็ทำ ช่วยได้ก็ช่วย ไม่ช่วยก็ปล่อย
แต่คำพูดที่ไม่ใส่ใจ ปล่อยเขาพูดไป เราจะสังเกตุนะ ว่าบ่นปรกติ หรือไม่ปรกติ คนที่มีอะไรแล้วพูดหมด เวลาเป็นหรือมีอะไรก็บอก
แต่ถ้าเริ่มเงียบ ไม่พูดแสดงว่าผิดปรกติแล้ว จับสังเกตุได้ไม่ยาก แสดงว่ามีเรื่อง อันนี้ปล่อยผ่านไม่ได้แล้ว ต้องคุยให้พูดออกมา
แสดงว่าปัญหานั้นมันใหญ่เกินกว่าเขาจะกล้าพูด
ส่วนคนที่ไม่พูด ถ้าไม่ถึงที่สุด เราจะไม่ได้ยินเขาบ่นหรอกนะ แต่ถ้าบ่นออกมาแล้ว แสดงว่ามันเป็นปัญหาที่เกินจะเก็บไว้แล้ว
อย่างเช่นความรู้สึกของคุณในตอนนี้ คือ ไม่รู้จะทำยังไงดี ถึงต้องหาที่ปรึกษา ถ้าแก้เองได้ คุณทำไปนานแล้วไม่พูดหรอก
ความต่างของคุณกับแม่ ความน่าเป็นห่วงตัวคุณน่าเป็นห่วงกว่านะ แม่คุณบ่นไปก็เท่านั้นไม่มีอะไร เพราะทุกอย่างที่คิดพูดหมดแล้ว
ทุกข์อะไรก็ระบายออกมาหมด ไม่จำหรอก ว่าตนเองพูดอะไรบ้าง ปล่อยออกมาแล้วก็ลืม ทุกข์หยุมหยิม ไร้สาระ ไม่น่ากังวลหรอก
แต่คุณเก็บความรู้สึกได้ดีกว่า อมทุกข์ได้นานกว่า กังวลลึกกว่า กว่าจะปล่อยออกมาได้ น่าเป็นห่วงจริงๆ
พอได้บ่น ได้ระบาย ก็จะสบายใจขึ้น พอได้เห็นสิ่งที่ตนไม่พอใจ พอบ่นแล้วมีคนช่วยแก้ไข หรือตนเองได้ทำให้ดีขึ้นก็สบายใจ
ต่างกับคนที่เก็บความรู้สึก ไม่เคยพูดบ่น หรือแสดงท่าทีไม่พอใจอะไรเลย พวกนี้เก็บความเครียดไว้ลึกกว่านะ ถ้าระหว่างคุณเครียด
กับแม่ของคุณเครียด ดูท่าคุณจะเครียดกว่านะ เพราะไม่ได้ระบายออกมา จะกลายเป็นความรู้สึกเก็บกดมากกว่า
แม่คุณพูดแล้วความรู้สึกจบ แต่คุณไม่พูด เก็บไว้ความรู้สึกมันยังคงอยู่นะ ไม่หายไป
ถ้าเป็นเราจะฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่ใส่ใจกับคำพูดเหล่านั้น ก็ปล่อยท่านบ่นไป อยากทำอะไรก็ทำ ช่วยได้ก็ช่วย ไม่ช่วยก็ปล่อย
แต่คำพูดที่ไม่ใส่ใจ ปล่อยเขาพูดไป เราจะสังเกตุนะ ว่าบ่นปรกติ หรือไม่ปรกติ คนที่มีอะไรแล้วพูดหมด เวลาเป็นหรือมีอะไรก็บอก
แต่ถ้าเริ่มเงียบ ไม่พูดแสดงว่าผิดปรกติแล้ว จับสังเกตุได้ไม่ยาก แสดงว่ามีเรื่อง อันนี้ปล่อยผ่านไม่ได้แล้ว ต้องคุยให้พูดออกมา
แสดงว่าปัญหานั้นมันใหญ่เกินกว่าเขาจะกล้าพูด
ส่วนคนที่ไม่พูด ถ้าไม่ถึงที่สุด เราจะไม่ได้ยินเขาบ่นหรอกนะ แต่ถ้าบ่นออกมาแล้ว แสดงว่ามันเป็นปัญหาที่เกินจะเก็บไว้แล้ว
อย่างเช่นความรู้สึกของคุณในตอนนี้ คือ ไม่รู้จะทำยังไงดี ถึงต้องหาที่ปรึกษา ถ้าแก้เองได้ คุณทำไปนานแล้วไม่พูดหรอก
ความต่างของคุณกับแม่ ความน่าเป็นห่วงตัวคุณน่าเป็นห่วงกว่านะ แม่คุณบ่นไปก็เท่านั้นไม่มีอะไร เพราะทุกอย่างที่คิดพูดหมดแล้ว
ทุกข์อะไรก็ระบายออกมาหมด ไม่จำหรอก ว่าตนเองพูดอะไรบ้าง ปล่อยออกมาแล้วก็ลืม ทุกข์หยุมหยิม ไร้สาระ ไม่น่ากังวลหรอก
แต่คุณเก็บความรู้สึกได้ดีกว่า อมทุกข์ได้นานกว่า กังวลลึกกว่า กว่าจะปล่อยออกมาได้ น่าเป็นห่วงจริงๆ
แสดงความคิดเห็น
แม่ขี้บ่นมากและเครียดกับทุกเรื่องในชีวิตทำไงดีคะ?