ฉันเกิดในจังหวัดหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อายุได้ 7 ขวบ พ่อก็พาย้ายบ้าน ฉันเริ่มเรียนหนังสือที่นี่
ที่ห่างจากบ้านเกิดฉันเกือบๆ 500 กิโลเมตร พอฉันเรียนจบประถม พ่อก็พาย้ายบ้านอีกหน ฉันเติบโตที่นี่ เป็นหมู่บ้านที่ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
พึ่งจะเริ่มเป็นสาวรุ่น ฉันก็มีอันต้องเดินทางเข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯด้วยอายุเพียง 14 ปี .และตอนนี้ ฉันย้ายบ้านอีกแล้วโดยปราศจากผู้นำอย่างพ่อ
.ชีวิตฉันขึ้นอยู่กับการเดินทางโยกย้ายที่อยู่ตั้งแต่ จำความได้ครอบครัวเราย้ายมา 4 จังหวัดแล้ว ในทุกจังหวัดฉันมีความทรงจำที่ต่างๆกันไป
เพราะต่างช่วงวัยทุกที่ แต่เวลาและความทรงจำที่มีความสุขที่สุดเห็นจะเป็นบ้านเกิดของฉันเองที่นั่น ฉันอยู่ตั้งแต่เกิดจนอายุได้7ขวบ
เป็นช่วงวัยที่ฉันคิดว่า มีความสุขที่สุด แต่ความทรงจำของฉันมันชั่งกระท่อนกระแท่นเหลือเกิน
บ้านไม้หลังเล็กๆยกใต้ถุนขึ้นมาแค่เล็กน้อย ราวๆ 3 ขั้นบันไดเลือนลางในความทรงจำ ฝาบ้านที่ประกอบด้วยไม้ไผ่สานเข้ากับใบไม้ใบใหญ่ๆ
ที่ตากแห้งแล้ว พ่อเรียกมันว่า"ใบตองกุง" ฉันมีหมา 5ตัวกับควายฝูงใหญ่ ฉันชอบเจ้าหมาที่ชื่อ ทองแดงกับทองดำ
เพราะสีของมันเป็นอย่างชื่อที่พ่อตั้งให้ อีก3 ตัวฉันจำชื่อมันไม่ได้ และควายที่ชื่อ อีเฒ่า เพราะมันแก่แล้ว เขายาวโง้งปลายแหลมของมัน
ดูน่ากลัว แต่มันใจดีกับฉันเสมอ ฉันยังจำได้ว่าตอนเย็นๆวิ่งเล่นกับไอ้เจ้าหมาทั้ง5 ตัว เก็บผักในบึงไปให้แม่ เพื่อเป็นผักจิ้มน้ำพริกมื้อเย็น
ในวัยเด็กที่ไม่ต้องมีอะไรมาคิดให้รกสมอง เล่นกิน นอนไปวันๆ จนวันนึง พ่อบอกว่าเราจะย้ายบ้านกัน พี่ๆถามพ่อว่า ย้ายไปใหน ทำไมต้องย้าย
ฉันเองก็จำไม่ได้แล้วว่าพ่อตอบเราอย่างไร จำได้แค่ฉันนั่งมองพี่ๆทุกคนร้อง ไห้ อย่างสงสัย รุ่งเช้าเราขนของขึ้นรถบันทุก คันใหญ่ที่มารับเราที่หน้าบ้าน
ลานบ้านกว้างๆนั่นฉันคงไม่ได้วิ่งเล่นอีกแล้ว มีคนมาจูงอีเฒ่าของฉันพร้อมกับต้อนลูกๆของมันออกไปจากบ้าน
มันยังหันมามองฉันทำหน้าเศร้าๆเหมือนมันจะร้องให้ ไม่ว่าใครจะฉุดจะดึงมันอย่างไร มันยังคงมองมาที่ฉัน เหมือน อ้อนวอน
แม่หันหลังให้ พร้อมๆกับซ่อนน้ำตา ฉันยังสงสัยว่า พวกเขาจะพาอีเฒ่ากับลูกๆของมันไปใหน แต่ก็ไม่กล้าที่จะถามแม่ พอขนของขึ้นรถ
เจ้าทองแดงวิ่งมาคลอเคลียที่ขาของฉัน พร้อมๆกับเจ้าทองดำและเพื่อนๆของมัน เสียงพ่อเรียกให้ขึ้นรถ ทำให้ฉันสงสัย
แล้วเจ้าเพื่อนยาก 5 ตัวนี่เล่าพ่อ ไม่พามันไปด้วยหรือ คำตอบจากเจ้าของรถ คือห้ามเอาหมาขึ้นรถ แน่นอนว่า เราเอามันไปด้วยไม่ได้
ฉันเริ่มร้องให้คิดถึงอีเฒ่าสายตาของมันยังติดตาฉัน มองลงไปจากรถ เห็นเจ้าเพื่อนยาก 5 ตัววิ่งตามรถอย่างไม่ลดละ
มันตามจนหมดแรง
เราพ้นหมู่บ้านมาได้เกือบๆ5 กิโล ฉันมองเห็นเจ้าเพื่อน 4 ขา ที่ยืนเห่าร้องระงม ห่างออกไป ทุกที ทุกที
****ปลายทางแห่งความฝัน***By...อิป้า
ที่ห่างจากบ้านเกิดฉันเกือบๆ 500 กิโลเมตร พอฉันเรียนจบประถม พ่อก็พาย้ายบ้านอีกหน ฉันเติบโตที่นี่ เป็นหมู่บ้านที่ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
พึ่งจะเริ่มเป็นสาวรุ่น ฉันก็มีอันต้องเดินทางเข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯด้วยอายุเพียง 14 ปี .และตอนนี้ ฉันย้ายบ้านอีกแล้วโดยปราศจากผู้นำอย่างพ่อ
.ชีวิตฉันขึ้นอยู่กับการเดินทางโยกย้ายที่อยู่ตั้งแต่ จำความได้ครอบครัวเราย้ายมา 4 จังหวัดแล้ว ในทุกจังหวัดฉันมีความทรงจำที่ต่างๆกันไป
เพราะต่างช่วงวัยทุกที่ แต่เวลาและความทรงจำที่มีความสุขที่สุดเห็นจะเป็นบ้านเกิดของฉันเองที่นั่น ฉันอยู่ตั้งแต่เกิดจนอายุได้7ขวบ
เป็นช่วงวัยที่ฉันคิดว่า มีความสุขที่สุด แต่ความทรงจำของฉันมันชั่งกระท่อนกระแท่นเหลือเกิน
บ้านไม้หลังเล็กๆยกใต้ถุนขึ้นมาแค่เล็กน้อย ราวๆ 3 ขั้นบันไดเลือนลางในความทรงจำ ฝาบ้านที่ประกอบด้วยไม้ไผ่สานเข้ากับใบไม้ใบใหญ่ๆ
ที่ตากแห้งแล้ว พ่อเรียกมันว่า"ใบตองกุง" ฉันมีหมา 5ตัวกับควายฝูงใหญ่ ฉันชอบเจ้าหมาที่ชื่อ ทองแดงกับทองดำ
เพราะสีของมันเป็นอย่างชื่อที่พ่อตั้งให้ อีก3 ตัวฉันจำชื่อมันไม่ได้ และควายที่ชื่อ อีเฒ่า เพราะมันแก่แล้ว เขายาวโง้งปลายแหลมของมัน
ดูน่ากลัว แต่มันใจดีกับฉันเสมอ ฉันยังจำได้ว่าตอนเย็นๆวิ่งเล่นกับไอ้เจ้าหมาทั้ง5 ตัว เก็บผักในบึงไปให้แม่ เพื่อเป็นผักจิ้มน้ำพริกมื้อเย็น
ในวัยเด็กที่ไม่ต้องมีอะไรมาคิดให้รกสมอง เล่นกิน นอนไปวันๆ จนวันนึง พ่อบอกว่าเราจะย้ายบ้านกัน พี่ๆถามพ่อว่า ย้ายไปใหน ทำไมต้องย้าย
ฉันเองก็จำไม่ได้แล้วว่าพ่อตอบเราอย่างไร จำได้แค่ฉันนั่งมองพี่ๆทุกคนร้อง ไห้ อย่างสงสัย รุ่งเช้าเราขนของขึ้นรถบันทุก คันใหญ่ที่มารับเราที่หน้าบ้าน
ลานบ้านกว้างๆนั่นฉันคงไม่ได้วิ่งเล่นอีกแล้ว มีคนมาจูงอีเฒ่าของฉันพร้อมกับต้อนลูกๆของมันออกไปจากบ้าน
มันยังหันมามองฉันทำหน้าเศร้าๆเหมือนมันจะร้องให้ ไม่ว่าใครจะฉุดจะดึงมันอย่างไร มันยังคงมองมาที่ฉัน เหมือน อ้อนวอน
แม่หันหลังให้ พร้อมๆกับซ่อนน้ำตา ฉันยังสงสัยว่า พวกเขาจะพาอีเฒ่ากับลูกๆของมันไปใหน แต่ก็ไม่กล้าที่จะถามแม่ พอขนของขึ้นรถ
เจ้าทองแดงวิ่งมาคลอเคลียที่ขาของฉัน พร้อมๆกับเจ้าทองดำและเพื่อนๆของมัน เสียงพ่อเรียกให้ขึ้นรถ ทำให้ฉันสงสัย
แล้วเจ้าเพื่อนยาก 5 ตัวนี่เล่าพ่อ ไม่พามันไปด้วยหรือ คำตอบจากเจ้าของรถ คือห้ามเอาหมาขึ้นรถ แน่นอนว่า เราเอามันไปด้วยไม่ได้
ฉันเริ่มร้องให้คิดถึงอีเฒ่าสายตาของมันยังติดตาฉัน มองลงไปจากรถ เห็นเจ้าเพื่อนยาก 5 ตัววิ่งตามรถอย่างไม่ลดละ
มันตามจนหมดแรง
เราพ้นหมู่บ้านมาได้เกือบๆ5 กิโล ฉันมองเห็นเจ้าเพื่อน 4 ขา ที่ยืนเห่าร้องระงม ห่างออกไป ทุกที ทุกที