มีเพื่อนสมาชิกหลังไมค์มาพูดคุยถึงหุ้น และวิธีการหาซื้อหุ้น
ตอบไปแล้ว คิดว่า คนอื่นๆ น่าจะอ่านได้
เพราะไม่ใช่ความลับหรือเรื่องส่วนตัวอะไร
โดยขอเพิ่มเติมและ แก้ไขข้อความบางส่วน ให้เหมาะสมต่อเนื่อง
คำถาม
......................, 12 ชั่วโมงที่แล้ว Block
แงๆ ตอนนั้นทีเคยถามพี่เคยบอก รู้งี้อีกแร่ะ 555 นู๋มีซื้อตามด้วย แต่ขายไปตั้งกะ 4.5 แย้ว หมูตลอด ปล เพราะนู๋ไม่เข้าใจธุรกิจเค้าอะค่ะ รบกวนถามพี่เพิ่มเติมว่าตอนนี้พี่มองตลาดยังไงคะ แล้วการที่เราจะเลือกซื้อหุ้นเหมือนที่พี่เคยมี เช่น sithai เราต้องหาอย่างไรคะ เหมือนเราต้องวิเคราะห์แล้วซื้อก่อนชาวบ้านเค้า จนมันวิ่งแล้วเต็มมูลค่าเราถึงขายใช่มั้ยคะ
ตอบกลับ
endophine, 18 นาทีที่แล้ว
มีความเชื่อ(ที่อาจจะผิด)ว่า ดัชนีหุ้นได้ถึงจุดสูงสุดไปแล้ว
จะมีแต่หุ้นรายตัว บางตัวเท่านั้น ที่ขึ้นสวนดัชนีขาลงได้
ถ้าซื้อมาตอนแพงแล้ว ประมาณว่าได้ยีลด์เต็มที่
มากกว่าฝากประจำธนาคาร ไม่ถึง ๕๐ %
ก็คิดว่าหุ้นตัวนั้น เหมาะสำหรับการเล่นรอบ
สะสมส่วนต่างราคาหุ้น หรือสะสมหุ้นเพิ่ม โดยไม่ต้องเพิ่มเงิน
มากกว่าจะถือยาว เก็บไว้เฉยๆ
ที่ถามว่า
จะซื้อหุ้น ต้องมองหาจากอะไร ?
ผมเชื่อว่า เราต้องมองหาเอาจากสิ่งที่เราคิดว่า เราจะทำได้ดีที่สุด
แล้วก็เริ่มจากจุดนั้น
ยกตัวอย่างของผม เรื่องที่ทำได้ดีที่สุดก็คือ
สามารถถือหุ้นที่คิดว่าดีๆ ได้ไม่จำกัดเวลา "โดยไม่เสียสุขภาพจิต"
ก็เลยต้องไปหาหุ้น "ที่คิดว่าดีๆ"
มียีลด์เงินปันผลมากกว่าฝากธนาคารซักสองเท่า
ก็จะได้หุ้นมาในราคาถูกๆ เพราะไม่มีใครสนใจ
สื่อสิ่งพิมพ์หุ้นไม่เชียร์
เวบบอร์ดหุ้นไม่มีใครพูดถึง
โบรกเกอร์ไม่เชื่ยร์ผ่านมันนี่แชนแนล
ป๊อบเทรดไม่เล่นกับกองทุนไม่กล้าซื้อ(กลัวขายไม่ได้)
พอเราสะสมจนพอกับระดับความเสี่ยงที่เรารับได้แล้ว
ก็ถือกินปันผลไปเรื่อยๆ
โดยต้องเน้นการกระจายความเสี่ยงถือหลายๆตัว
เพราะหาอนาคตของหุ้นไม่เป็น
คงตอบได้แบบกำปั้นทุบดินว่า
เราคิดว่า เราจะทำอะไรได้ดีที่สุด วิธีการอะไรเหมาะสมกับการลงทุนของเรามากที่สุด
ก็ให้เริ่มต้นจากจุดนั้นครับ
ผมเน้น รู้เรา แล้วค่อยตามไปรู้เขา
ตอนนี้รู้เราว่า
ความสามารถของเรา ไม่มีแต้มต่อเหลือแล้ว
ก็เลยหยุดซื้อหุ้นอย่างจริงจัง มาเกินครึ่งปีแล้วครับ
รอมันกลับมามีแต้มต่ออีกเมื่อไร ค่อยกลับเข้าไปซื้อ
ส่วนใครที่เชื่อว่า
ตัวเอง รู้ทั้งเรา รู้ทั้งเขา
ก็ตามไปตะลุมบอนต่อได้ ตามความรู้ ความสามารถของแต่ละคน
ถ้าไม่มีความรู้ ความสามารถพอ แล้วยังตามไปตะลุมบอน
จุดจบจะเป็นอย่างไร ก็คิดกันเอาเอง
* หุ้นในพอร์ตที่ซื้อมาตอนที่ ความสามารถของเรามีแต้มต่อสูง
เป็นไปตามภาพประกอบข้างใต้
โดยชักเงินจริง ออกมาจากเงินมายาแล้วส่วนหนึ่ง
จากการทำคลายเครียดเรโช หุ้นเกือบทั้งหมด
ผ่านตลาดหุ้น และผ่านเงินปันผลสะสมรับ
ผมกล้าพูดว่า
ตราบใดที่ไม่ใส่เงินจริง
เพิ่มกลับเข้าไปในพอร์ตหุ้น
มากกว่าที่เคยได้กำไรมาทั้งหมด
ผมถือว่า สามารถเอาชนะความโลภของตัวเองได้ตลอดกาล
ไม่ว่า ตลาดหุ้นจะเป็นขาขึ้น หรือขาลง
+
เชื่อว่า นักลงทุนรายย่อย
จะประสพความสำเร็จใจการลงทุนได้
ต้องทำให้ได้แบบภาพประกอบ
ไม่ใช่การเอาชนะได้ทุกครั้ง
คำพูดของโซรอส ใช้ได้จริงๆ ลองนึกกันให้ดีๆ
+
๙ แล้ว ๖ ๖ แล้ว ๙ คำตอบไม่ได้อยู่ในสายลม
ตอบไปแล้ว คิดว่า คนอื่นๆ น่าจะอ่านได้
เพราะไม่ใช่ความลับหรือเรื่องส่วนตัวอะไร
โดยขอเพิ่มเติมและ แก้ไขข้อความบางส่วน ให้เหมาะสมต่อเนื่อง
คำถาม
......................, 12 ชั่วโมงที่แล้ว Block
แงๆ ตอนนั้นทีเคยถามพี่เคยบอก รู้งี้อีกแร่ะ 555 นู๋มีซื้อตามด้วย แต่ขายไปตั้งกะ 4.5 แย้ว หมูตลอด ปล เพราะนู๋ไม่เข้าใจธุรกิจเค้าอะค่ะ รบกวนถามพี่เพิ่มเติมว่าตอนนี้พี่มองตลาดยังไงคะ แล้วการที่เราจะเลือกซื้อหุ้นเหมือนที่พี่เคยมี เช่น sithai เราต้องหาอย่างไรคะ เหมือนเราต้องวิเคราะห์แล้วซื้อก่อนชาวบ้านเค้า จนมันวิ่งแล้วเต็มมูลค่าเราถึงขายใช่มั้ยคะ
ตอบกลับ
endophine, 18 นาทีที่แล้ว
มีความเชื่อ(ที่อาจจะผิด)ว่า ดัชนีหุ้นได้ถึงจุดสูงสุดไปแล้ว
จะมีแต่หุ้นรายตัว บางตัวเท่านั้น ที่ขึ้นสวนดัชนีขาลงได้
ถ้าซื้อมาตอนแพงแล้ว ประมาณว่าได้ยีลด์เต็มที่
มากกว่าฝากประจำธนาคาร ไม่ถึง ๕๐ %
ก็คิดว่าหุ้นตัวนั้น เหมาะสำหรับการเล่นรอบ
สะสมส่วนต่างราคาหุ้น หรือสะสมหุ้นเพิ่ม โดยไม่ต้องเพิ่มเงิน
มากกว่าจะถือยาว เก็บไว้เฉยๆ
ที่ถามว่า
จะซื้อหุ้น ต้องมองหาจากอะไร ?
ผมเชื่อว่า เราต้องมองหาเอาจากสิ่งที่เราคิดว่า เราจะทำได้ดีที่สุด
แล้วก็เริ่มจากจุดนั้น
ยกตัวอย่างของผม เรื่องที่ทำได้ดีที่สุดก็คือ
สามารถถือหุ้นที่คิดว่าดีๆ ได้ไม่จำกัดเวลา "โดยไม่เสียสุขภาพจิต"
ก็เลยต้องไปหาหุ้น "ที่คิดว่าดีๆ"
มียีลด์เงินปันผลมากกว่าฝากธนาคารซักสองเท่า
ก็จะได้หุ้นมาในราคาถูกๆ เพราะไม่มีใครสนใจ
สื่อสิ่งพิมพ์หุ้นไม่เชียร์
เวบบอร์ดหุ้นไม่มีใครพูดถึง
โบรกเกอร์ไม่เชื่ยร์ผ่านมันนี่แชนแนล
ป๊อบเทรดไม่เล่นกับกองทุนไม่กล้าซื้อ(กลัวขายไม่ได้)
พอเราสะสมจนพอกับระดับความเสี่ยงที่เรารับได้แล้ว
ก็ถือกินปันผลไปเรื่อยๆ
โดยต้องเน้นการกระจายความเสี่ยงถือหลายๆตัว
เพราะหาอนาคตของหุ้นไม่เป็น
คงตอบได้แบบกำปั้นทุบดินว่า
เราคิดว่า เราจะทำอะไรได้ดีที่สุด วิธีการอะไรเหมาะสมกับการลงทุนของเรามากที่สุด
ก็ให้เริ่มต้นจากจุดนั้นครับ
ผมเน้น รู้เรา แล้วค่อยตามไปรู้เขา
ตอนนี้รู้เราว่า
ความสามารถของเรา ไม่มีแต้มต่อเหลือแล้ว
ก็เลยหยุดซื้อหุ้นอย่างจริงจัง มาเกินครึ่งปีแล้วครับ
รอมันกลับมามีแต้มต่ออีกเมื่อไร ค่อยกลับเข้าไปซื้อ
ส่วนใครที่เชื่อว่า
ตัวเอง รู้ทั้งเรา รู้ทั้งเขา
ก็ตามไปตะลุมบอนต่อได้ ตามความรู้ ความสามารถของแต่ละคน
ถ้าไม่มีความรู้ ความสามารถพอ แล้วยังตามไปตะลุมบอน
จุดจบจะเป็นอย่างไร ก็คิดกันเอาเอง
* หุ้นในพอร์ตที่ซื้อมาตอนที่ ความสามารถของเรามีแต้มต่อสูง
เป็นไปตามภาพประกอบข้างใต้
โดยชักเงินจริง ออกมาจากเงินมายาแล้วส่วนหนึ่ง
จากการทำคลายเครียดเรโช หุ้นเกือบทั้งหมด
ผ่านตลาดหุ้น และผ่านเงินปันผลสะสมรับ
ผมกล้าพูดว่า
ตราบใดที่ไม่ใส่เงินจริง
เพิ่มกลับเข้าไปในพอร์ตหุ้น
มากกว่าที่เคยได้กำไรมาทั้งหมด
ผมถือว่า สามารถเอาชนะความโลภของตัวเองได้ตลอดกาล
ไม่ว่า ตลาดหุ้นจะเป็นขาขึ้น หรือขาลง
+
เชื่อว่า นักลงทุนรายย่อย
จะประสพความสำเร็จใจการลงทุนได้
ต้องทำให้ได้แบบภาพประกอบ
ไม่ใช่การเอาชนะได้ทุกครั้ง
คำพูดของโซรอส ใช้ได้จริงๆ ลองนึกกันให้ดีๆ
+