3
ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี แม้จะเป็นบ่าวในเรือนของแม่หญิงนิ่มแต่พิมพ์มาดาก็ถือว่าเป็นบ่าวที่มีอภิสิทธิ์เหนือบ่าวคนอื่นๆ ด้วยความเมตตาจากแม่หญิงนิ่ม พิมพ์มาดาจึงได้อาศัยอยู่บนเรือนของนาย มิหนำซ้ำนายหญิงยังเอาเสื้อผ้าต่างๆที่ไม่ได้ใส่แล้วมาให้อยู่เรื่อยๆ แม่หญิง
นิ่มเล่าว่าเสื้อผ้าพวกนี้เป็นของเธอสมัยยังไม่ได้ออกเรือนซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อผ้าแบบหญิงมอญ แต่พอเมื่อออกเรือนไปกับขุนนางไทยการ
แต่งกายจึงเปลี่ยนไปแบบหญิงไทยทั่วไป ดังนั้นเสื้อผ้าของพิมพ์มาดาจึงมีสีสันสวยงามมากกว่าบ่าวทั่วไป ผ้าถุงสีสันสวยงามกับเสื้อแขน
ยาวกรอมข้อมือแบบเอกลักษณ์ของสาวมอญก็ทำให้เธอชอบใจอยู่ไม่น้อย
เกือบสัปดาห์แล้วที่ดาราสาวชื่อดังแห่งยุคปัจจุบันต้องมาใช้ชีวิตเป็นบ่าวในเรือนของตระกูลขุนนางสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พิมพ์
มาดานับวันโดยใช้หินขูดกับต้นไม้ แต่ละวันผ่านไปอย่างน่าเบื่อหน่าย หากไม่ได้อยู่ในเรือนแม่หญิงนิ่ม พิมพ์มาดาก็จะมานั่งจับเจ่าอยู่ในครัว
คอยช่วยแม่หญิงนิ่มและพี่
งในการเตรียมสำรับอาหาร
“ทำไมเป็นเจ้านายแล้วยังต้องเข้าครัวอีกหรือ พี่
ง” พิมพ์มาดา
วตัวกระซิบถามบ่าวอ้วนขณะที่นางกำลังเด็ดใบอ่อนของกระเจี๊ยบ เพื่อใช้
ทำแกงกระเจี๊ยบ
“แม่หญิงชอบเข้าครัวมาตั้งแต่สมัยสาวๆ ฝีมือทำอาหารของแม่หญิงนิ่มนั้นเป็นที่เลื่องลือ” นาง
งตอบอย่างภูมิใจในตัวนาย ตอนนี้พี่
งเริ่ม
จะคุ้นเคยกับพิมพ์มาดามากขึ้น แม้จะยังกล้าๆกลัวอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจนเหมือนช่วงแรกๆ
“แล้วนี่ที่พี่เด็ดแต่ใบ จะเอาไปทำอะไรหรือ ฉันเคยกินแต่ดอกกระเจี๊ยบ ที่มันสีแดงๆน่ะ”
“เด็ดใบไว้ทำแกงกระเจี๊ยบ ของโปรดของคุณหญิงนวลเชียวหนาเอ็ง แต่ถ้าจะให้อร่อยเข้ากันก็ต้องใส่กระต๊าดลงไปด้วย”
“กระต๊าก แบบไก่นะหรือ” พิมพ์มาดาแปลกหูกับศัพท์คำหลัง
“กระต๊าด มิใช่กระต๊ากแบบเสียงไก่ขันเสียหน่อย แม่หญิงนิ่มเล่าว่าเป็นกระเจี๊ยบของทางมอญ”
“อ๋อ” สาวหน้างงลากเสียงยาว
“แม่นี่ นั่งหน้าสลอน ไม่ไปดูปลาที่ย่างฤา” พี่
งเอ็ดเสียงแหลม แม้จะตัวใหญ่แต่เสียงของพี่
งกลับเล็กแหลมอย่างไม่น่าเชื่อ
“เออจริงด้วย ลืมไปเลย” พูดแล้วก็รีบวิ่งหน้าตื่นไปดูปลาที่ย่างไว้โชคดีที่ยังไม่ไหม้ บ่าวหลายคนในครัวมองเธอด้วยสายตาแปลกๆแต่พิมพ์
มาดาก็ไม่คิดจะใส่ใจ เธอเพิ่งรู้เหมือนกันว่าสมัยก่อนเจ้านายคนหนึ่งมีบ่าวมากมายเหลือเกิน แต่เมื่อมานึกดูดีๆการมีนายคอยคุ้มหัวก็ถือว่าโชค
ดีแล้ว มีบ้านให้อยู่ มีข้าวให้กิน ถึงแม้อาจจะขาดอิสระไปบ้าง เอาน่า ถึงบ่นไปเธอก็ทำอะไรไม่ได้ แกะปลาดีกว่ายัยพิมเอ๋ย
“เตรียมเครื่องแกงแล้วฤายัง
” แม่หญิงนิ่มเดินเข้ามาในครัวทำให้พวกบ่าวต่างตะลีตะลานรีบทำหน้าของตัวเองอย่างขมีขมัน แม่หญิงนิ่ม
เดินแล้วตรวจตราในครัวอย่างละเอียดลออ เมื่อเห็นว่าเครื่องแกงและส่วนประกอบเตรียมไว้เสร็จแล้ว จึงใช้ให้
เอาเนื้อปลาที่พิมพ์มาดา
เพิ่งแกะเสร็จโขลกรวมกับเครื่องแกง พริก หอมแดง กะปิ เมื่อเนื้อเข้ากันดีแล้วจึงใส่ไปในน้ำต้มจนเดือดและตามด้วยใบกระเจี๊ยบสีเขียวสดกับ
ฝักกระต๊าดที่หั่นเป็นแว่นเล็กๆ เมื่อน้ำเดือดผุดๆกลิ่นแกงกระเจี๊ยบก็ส่งกลิ่นเผ็ดเปรี้ยวชวนน้ำลายสอไปทั่วครัว
สงสัยแม่หญิงที่มีเสน่ห์ปลายจวักผู้นี้จะได้ยินเสียงกลืนน้ำลายดังเอื๊อกจึง จึงยกจวักตักแกงยื่นมาให้พิมพ์มาดา “ชิมสิ”
สาวในชุดมอญรีบพยักหน้าและใช้นิ้วจิ้มไปในจวักทันที รสชาติคล้ายแกงส้มจริงๆด้วย แต่ออกเปรี้ยวกว่าเยอะ สาวหน้ามนหยีตาด้วยความ
เปรี้ยวแล้วยกนิ้วโป้งให้คนทำซึ่งยืนยิ้มน้อยๆ
“แกงที่เหลือนี่พวกเจ้าจงเอาไปแบ่งกันเสีย” แม่หญิงนิ่มพูดกับบ่าวในครัว
ทั้งสวย ใจดี แล้วก็ทำอาหารเก่ง ชักอยากจะเห็นหน้าชายผู้โชคดีที่ได้ผู้หญิงแสนดีอย่างแม่หญิงนิ่มไปครอบครองจเสียงจริง พิมพ์มาดาได้แต่
คิดในใจ ถ้วยชามสมัยก่อนนั้นเป็นถ้วยหรูหราแบบชามเบญจรงค์เคลือบสีสันสวยงาม แต่หนักเป็นบ้าเลย อันหลังนี่พิมพ์มาดาได้แต่บ่นในใจ
ขณะยกสำหรับอาหารไปยังเรือนใหญ่
กรุงเทพนิรมิตร ตอนที่ 3
ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี แม้จะเป็นบ่าวในเรือนของแม่หญิงนิ่มแต่พิมพ์มาดาก็ถือว่าเป็นบ่าวที่มีอภิสิทธิ์เหนือบ่าวคนอื่นๆ ด้วยความเมตตาจากแม่หญิงนิ่ม พิมพ์มาดาจึงได้อาศัยอยู่บนเรือนของนาย มิหนำซ้ำนายหญิงยังเอาเสื้อผ้าต่างๆที่ไม่ได้ใส่แล้วมาให้อยู่เรื่อยๆ แม่หญิง
นิ่มเล่าว่าเสื้อผ้าพวกนี้เป็นของเธอสมัยยังไม่ได้ออกเรือนซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อผ้าแบบหญิงมอญ แต่พอเมื่อออกเรือนไปกับขุนนางไทยการ
แต่งกายจึงเปลี่ยนไปแบบหญิงไทยทั่วไป ดังนั้นเสื้อผ้าของพิมพ์มาดาจึงมีสีสันสวยงามมากกว่าบ่าวทั่วไป ผ้าถุงสีสันสวยงามกับเสื้อแขน
ยาวกรอมข้อมือแบบเอกลักษณ์ของสาวมอญก็ทำให้เธอชอบใจอยู่ไม่น้อย
เกือบสัปดาห์แล้วที่ดาราสาวชื่อดังแห่งยุคปัจจุบันต้องมาใช้ชีวิตเป็นบ่าวในเรือนของตระกูลขุนนางสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พิมพ์
มาดานับวันโดยใช้หินขูดกับต้นไม้ แต่ละวันผ่านไปอย่างน่าเบื่อหน่าย หากไม่ได้อยู่ในเรือนแม่หญิงนิ่ม พิมพ์มาดาก็จะมานั่งจับเจ่าอยู่ในครัว
คอยช่วยแม่หญิงนิ่มและพี่งในการเตรียมสำรับอาหาร
“ทำไมเป็นเจ้านายแล้วยังต้องเข้าครัวอีกหรือ พี่ง” พิมพ์มาดาวตัวกระซิบถามบ่าวอ้วนขณะที่นางกำลังเด็ดใบอ่อนของกระเจี๊ยบ เพื่อใช้
ทำแกงกระเจี๊ยบ
“แม่หญิงชอบเข้าครัวมาตั้งแต่สมัยสาวๆ ฝีมือทำอาหารของแม่หญิงนิ่มนั้นเป็นที่เลื่องลือ” นางงตอบอย่างภูมิใจในตัวนาย ตอนนี้พี่งเริ่ม
จะคุ้นเคยกับพิมพ์มาดามากขึ้น แม้จะยังกล้าๆกลัวอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจนเหมือนช่วงแรกๆ
“แล้วนี่ที่พี่เด็ดแต่ใบ จะเอาไปทำอะไรหรือ ฉันเคยกินแต่ดอกกระเจี๊ยบ ที่มันสีแดงๆน่ะ”
“เด็ดใบไว้ทำแกงกระเจี๊ยบ ของโปรดของคุณหญิงนวลเชียวหนาเอ็ง แต่ถ้าจะให้อร่อยเข้ากันก็ต้องใส่กระต๊าดลงไปด้วย”
“กระต๊าก แบบไก่นะหรือ” พิมพ์มาดาแปลกหูกับศัพท์คำหลัง
“กระต๊าด มิใช่กระต๊ากแบบเสียงไก่ขันเสียหน่อย แม่หญิงนิ่มเล่าว่าเป็นกระเจี๊ยบของทางมอญ”
“อ๋อ” สาวหน้างงลากเสียงยาว
“แม่นี่ นั่งหน้าสลอน ไม่ไปดูปลาที่ย่างฤา” พี่งเอ็ดเสียงแหลม แม้จะตัวใหญ่แต่เสียงของพี่งกลับเล็กแหลมอย่างไม่น่าเชื่อ
“เออจริงด้วย ลืมไปเลย” พูดแล้วก็รีบวิ่งหน้าตื่นไปดูปลาที่ย่างไว้โชคดีที่ยังไม่ไหม้ บ่าวหลายคนในครัวมองเธอด้วยสายตาแปลกๆแต่พิมพ์
มาดาก็ไม่คิดจะใส่ใจ เธอเพิ่งรู้เหมือนกันว่าสมัยก่อนเจ้านายคนหนึ่งมีบ่าวมากมายเหลือเกิน แต่เมื่อมานึกดูดีๆการมีนายคอยคุ้มหัวก็ถือว่าโชค
ดีแล้ว มีบ้านให้อยู่ มีข้าวให้กิน ถึงแม้อาจจะขาดอิสระไปบ้าง เอาน่า ถึงบ่นไปเธอก็ทำอะไรไม่ได้ แกะปลาดีกว่ายัยพิมเอ๋ย
“เตรียมเครื่องแกงแล้วฤายัง” แม่หญิงนิ่มเดินเข้ามาในครัวทำให้พวกบ่าวต่างตะลีตะลานรีบทำหน้าของตัวเองอย่างขมีขมัน แม่หญิงนิ่ม
เดินแล้วตรวจตราในครัวอย่างละเอียดลออ เมื่อเห็นว่าเครื่องแกงและส่วนประกอบเตรียมไว้เสร็จแล้ว จึงใช้ให้เอาเนื้อปลาที่พิมพ์มาดา
เพิ่งแกะเสร็จโขลกรวมกับเครื่องแกง พริก หอมแดง กะปิ เมื่อเนื้อเข้ากันดีแล้วจึงใส่ไปในน้ำต้มจนเดือดและตามด้วยใบกระเจี๊ยบสีเขียวสดกับ
ฝักกระต๊าดที่หั่นเป็นแว่นเล็กๆ เมื่อน้ำเดือดผุดๆกลิ่นแกงกระเจี๊ยบก็ส่งกลิ่นเผ็ดเปรี้ยวชวนน้ำลายสอไปทั่วครัว
สงสัยแม่หญิงที่มีเสน่ห์ปลายจวักผู้นี้จะได้ยินเสียงกลืนน้ำลายดังเอื๊อกจึง จึงยกจวักตักแกงยื่นมาให้พิมพ์มาดา “ชิมสิ”
สาวในชุดมอญรีบพยักหน้าและใช้นิ้วจิ้มไปในจวักทันที รสชาติคล้ายแกงส้มจริงๆด้วย แต่ออกเปรี้ยวกว่าเยอะ สาวหน้ามนหยีตาด้วยความ
เปรี้ยวแล้วยกนิ้วโป้งให้คนทำซึ่งยืนยิ้มน้อยๆ
“แกงที่เหลือนี่พวกเจ้าจงเอาไปแบ่งกันเสีย” แม่หญิงนิ่มพูดกับบ่าวในครัว
ทั้งสวย ใจดี แล้วก็ทำอาหารเก่ง ชักอยากจะเห็นหน้าชายผู้โชคดีที่ได้ผู้หญิงแสนดีอย่างแม่หญิงนิ่มไปครอบครองจเสียงจริง พิมพ์มาดาได้แต่
คิดในใจ ถ้วยชามสมัยก่อนนั้นเป็นถ้วยหรูหราแบบชามเบญจรงค์เคลือบสีสันสวยงาม แต่หนักเป็นบ้าเลย อันหลังนี่พิมพ์มาดาได้แต่บ่นในใจ
ขณะยกสำหรับอาหารไปยังเรือนใหญ่