คู่บ่าวสาวจัดเรือเล็กมาส่งภคพรกับประพนธ์ที่ฝั่งและเลื่อนการเจรจาไปเป็นวันอื่น ประพนธ์นั่งกอดร่างบางที่หนาวสั่นของภคพรไว้
ในอ้อมแขนตลอดทาง
“ผมเป็นอะไรไป”
ประพนธ์บ่นงึมงำกับตัวเองด้วยหัวใจที่แสนสับสน เกิดอะไรขึ้นกับหัวใจดวงน้อยที่เคยรักมั่นแค่เพียงผู้หญิงคนเดียวในโลกที่ชื่อว่าเกตุแก้ว
“หนาว หนาว”
เสียงสั่นเครือของภคพร ทำให้ประพนธ์กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น อ้อมกอดนี้แม้จะทำให้ภคพรอบอุ่นขึ้น แต่สำหรับประพนธ์แล้วเขากำลัง
รู้สึกผิดอยู่เต็มหัวใจ
ทันทีที่เรือจอดเทียบท่าประพนธ์ก็อุ้มร่างไร้สติของภรรยาขึ้นด้วยความทุลักทุเล เขาพาเธอไปที่โรงพยาบาลทันทีเพื่อดูอาการ
ไม่นานภคพรก็ได้สติและนอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลียโดยมีประพนธ์คอยอยู่เคียงข้างไม่ยอมห่างไปไหน
“เอ่อ คุณค่ะ คุณค่ะ”
พยาบาลคนสวยเดินเข้ามาหาประพนธ์ที่นอนหลับอยู่บนโซฟาใกล้ๆเตียงคนไข้
“เอ่อ ครับ มีอะไรครับ”
ประพนธ์ลุกขึ้นมาคุยกับนางพยาบาลด้วยความสุภาพ
“เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณเป็นอะไรกับคนไข้ค่ะ”
นางพยาบาลถาม ประพนธ์ตอบออกมาเสียงดังอย่างไม่ลังเล
“เธอเป็นภรรยาผมครับ”
ประพนธ์กล่าวเสียงเข้ม โดยไม่รู้เลยว่าคำว่าภรรยาของเขาที่บอกกับนางพยาบาลกำลังทำให้หัวใจที่ด้านชาของภคพรอ่อนโยนลงได้
“คือคุณหมออยากจะให้ยาตัวใหม่นะค่ะ ไม่ทราบว่าคนไข้มีประวัติแพ้ยาอะไรหรือเปล่า”
นางพยาบาลถามอีกครั้ง
“เอ่อ ...”
ประพันธ์งงงัน แต่ภคพรก็โพล่งออกมาเสียงดัง
“ไม่มีค่ะ”
หญิงสาวกล่าวเสียงแผ่วเบา ประพนธ์หันไปหาเธอด้วยความตกใจ
“อ้าว ตื่นแล้วหรอค่ะ นอนหลับพักผ่อนเยอะๆนะค่ะ แล้วหมอจะมาตรวจตอนเช้ามืดค่ะ”
นางพยาบาลกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใสและเดินจากไป
“คุณตื่นแล้วหรอ”
ประพนธ์เดินเข้าไปหาภคพรด้วยใบหน้าเศร้า เขายังคงรู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้ภคพรเจ็บหนักขนาดนี้
“เสียใจด้วย ฉันยังไม่ยอมตายง่ายๆหรอก”
ภคพรมองจ้องหน้าประพนธ์ตาใส
“ดีแล้ว ผมไม่อยากให้คุณตายหรอก”
ประพนธ์กล่าวเสียงเรียบ ภคพรมองจ้องหน้าเขาด้วยความสับสน คำพูดของประพนธ์กำลังทำให้หัวใจเธอว้าวุ่น
“คิดว่าพูดดีกับฉันแล้วฉันจะยกโทษให้หรอ ไม่มีวัน”
ภคพรเกรี้ยวกราดอีกครั้งเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกสับสนที่เกิดขึ้นในใจเธอ
“คุณนอนเถอะ อย่าคิดเรื่องอะไรให้ปวดหัวเลย”
ประพนธ์กล่าวเสียงเข้ม เดินกลับมาที่โซฟาของตัวเอง
“ภคพร”
ประพนธ์หันไปหาหญิงสาวที่นอนป่วยอยู่ตรงหน้า
“อะไร”
ภคพรหันมามองหน้าเขาเขม็ง
“ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่ได้อยากทำร้ายคุณถึงขนาดนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง”
ประพนธ์กล่าวเสียงแผ่วเบา รู้สึกผิดอย่างที่สุด
“รู้ก็ดีแล้ว”
ภคพรเย็นชาใส่ชายหนุ่ม ก่อนจะหันมาแอบอมยิ้มด้วยความดีใจ
ทางด้านนวพรรษก็กำลังวุ่นวายอยู่กับการกินยาบำรุง กินนมก่อนนอนอยู่ในห้องนอนของเธอตามปกติโดยมีธาวินเป็นผู้ดูแลอยู่ใกล้ๆไม่ยอมห่างไปไหน
“คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว นอนพักผ่อนเถอะ เรื่องง่ายๆพวกเนี๊ยฉันทำเองได้ค่ะ”
นวพรรษกล่าวด้วยรอยยิ้มเศร้าๆตามเคย
“ให้ผมทำเถอะ อะไรที่ผมสามารถทำได้ เพื่อคน คุณปล่อยให้ผมทำเถอะ”
ธาวินกล่าวด้วยรอยยิ้มแสนอบอุ่น อุ้มร่างบางของภรรยาเขาจากเก้าอี้โยก มาวางลงบนเตียงนอนอย่างแผ่วเบา
“ขอบคุณค่ะ”
นวพรรษเอ่ยคำว่าขอบคุณเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
“พอเถอะครับคุณเมย์ เลิกขอบคุณผมเถอะ ผมเป็นสามี มีหน้าที่ต้องทำเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว อย่าขอบคุณผมอีกเลย”
ธาวินกล่าวด้วยรอยยิ้ม ห่มผ้าห่มให้นวพรรษด้วยความห่วงใย
“เราหย่ากันเถอะ”
นวพรรษเริ่มพูดเรื่องหย่าอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ธาวินไม่เคยยอมทำตามที่เธอขอเลย
“ผมไม่หย่า”
ธาวินปฏิเสธเสียงเข้ม เอื้อมมือไปกุมมือนวพรรษไว้มั่น
“ผมสัญญากับพ่อแม่คุณ สัญญากับคุณไปแล้วว่าผมจะทำให้คุณมีความสุข ผมทิ้งคุณไว้คนเดียวแบบนี้ไม่ได้หรอก”
ธาวินยังคงปฏิเสธ
“แล้วจะให้ฉันอยู่แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน คุณไม่คิดบ้างหรอว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้มันทำให้ฉันเจ็บปวด”
นวพรรษมองจ้องธาวิน
“ผม....”
ธาวินนิ่งไปเพราะไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขาไม่ได้รักนวพรรษเลย
“คุณคิดว่ามันสนุกนักหรือไงที่ต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านเรื่องแบบนี้ ฉันไม่เป็นไรหรอก เพราะฉันรู้ตัวเองดีว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เรื่องทุกอย่าง
มันเป็นแบบนี้ แต่พ่อกับแม่ของฉัน ฉันไม่อยากทำให้ท่านต้องเสียใจเพราะเรื่องของฉันอีกแล้ว เราหย่ากันเถอะค่ะ”
นวพรรษลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับธาวิน ที่นิ่งไปเพราะคำพูดของเธอ
“ผมคงหย่าให้คุณไม่ได้หรอก เพราะว่าถ้าผมหย่าพ่อกับแม่ของผมจะไม่มีที่อยู่ เมียกับลูกของผม ผมก็จะไม่ได้เจอพวกเขาอีก”
ธาวินกล่าวเสียงเศร้า มองจ้องหน้านวพรรษด้วยความเสียใจ
“ถ้าคุณกลัวเรื่องนั้นล่ะก็ ลืมมันไปได้เลย ฉันจะคุยกับพ่อแม่ของฉันเอง แค่คุณยอมหย่ากับฉัน แค่นั้นพอ”
นวพรรษกล่าวเสียงเข้ม
“คุณบังคับเธอไม่ได้หรอก พี่สาวคุณไม่ยอมหรอก ถ้าเธอคิดจะปล่อยผมไปง่ายๆ เธอคงไม่บังคับให้ผมมาแต่งงานกับคุณทั้งๆที่มีลูกมีเมีย
อยู่แล้วหรอก”
ธาวินกล่าวเสียงเข้ม เผยความในใจที่เก็บกลั้นเอาไว้นานแสนนานออกมา
“คุณหมายความว่ายังไง เรื่องทั้งหมดนี้เป็นความคิดของพี่เนย์จริงๆหรอ”
นวพรรษตกใจตาค้างกับเรื่องที่เพิ่งได้ยิน
“คุณฟังไม่ผิดหรอก พี่คุณเป็นคนวางแผนการเรื่องทั้งหมดมาตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่ใช่พ่อแม่ของคุณ แต่ที่ผมไม่พูดออกไปก็เพราะผมกลัว
กลัวว่าจะต้องสูญเสียทุกคนที่ผมรักไป”
ธาวินพูดความจริงในใจของเขาออกมาหมด อย่างไม่คิดที่จะปิดบัง
“หมายความว่าพี่สาวฉัน เป็นคนแยกคุณกับภรรยาของคุณทั้งๆที่เขารู้ว่าคุณมีภรรยาอยู่แล้ว ใช่ไหม”
นวพรรษเบิ่งตากว้าง ตกใจ
“ใช่ เธอรู้เรื่องนี้ดีกว่าใครทั้งหมด เพราะคนที่เป็นคนไปบังคับผมกับภรรยาถึงที่บ้านก็คือพี่สาวของคุณ พ่อกับแม่ของคุณพวกท่านไม่รู้หรอก
ว่าผมมีภรรยาอยู่แล้ว”
ธาวินอธิบายต่ออย่างไม่อยากปิดบัง
“พี่เนย์ ทำไมพี่ทำแบบนี้ ทำไมทำแบบนี้”
หญิงสาวน้ำตาเอ่อไหล ทุกสิ่งที่ทุกคนในครอบครัวทำมันผิดมหันต์ ทุกเรื่องมันมีแต่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน และที่ยิ่งเลวร้ายที่สุดก็คือพี่สาว
ของเธอทำความผิดทุกอย่างทั้งๆที่รู้ว่ามันผิด ทั้งๆที่รู้ว่าจะทำให้คนอื่นต้องเสียใจ
การเจราจาถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดและภคพรกับประพนธ์ก็ต้องรีบร้อนกลับบ้านมาเพราะอาการป่วยของภคพรที่ทำให้เธอดู
ผอมลงไปถนัดตา
“กลับมาแล้วหรอจ๊ะ ฮันนีมูนเป็นอย่างไรบ้าง”
ประไพรถามด้วยรอยยิ้ม
“ก็ดีครับแม่ ไม่มีอะไรมากหรอก”
ประพนธ์ตอบคำถาม หอบหิ้วข้าวของของภคพรพะลุงพะลัง
“ว่าไง จะมีข่าวดีของเราสองคนเร็วๆนี้หรือเปล่า”
พ่อของประพนธ์กล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ข่าวดีอะไรล่ะพ่อ ไม่มีข่าวดีอะไรทั้งนั้นแหละ”
ประพนธ์ปฏิเสธหน้าแดง
“ตัวหนูมันสกปรก ลูกชายคนพ่อคุณแม่เขาไม่มาแตะต้องให้มัวหมองหรอกค่ะ”
ภคพรพูดแทรกขึ้นมาหน้าตาเฉย จนทุกคนต้องเงียบงันกันไปหมดเพราะคำพูดร้ายๆของเธอ
“ถ้าจะไม่พูด ก็ไม่มีใครเขาหาว่าคุณเป็นใบ้หรอกนะ”
ประพนธ์หันมาตะวาดภคพร
“หรอ หนูเหนื่อย ขอตัวนะค่ะ”
ภคพรเดินตัวเปล่าขึ้นบันไดไปหน้าตาเฉย
“ยายผู้หญิงคนนี้ นิสัยไม่เคยเปลี่ยน”
ประพนธ์บ่นงึมงำ
“แต่แม่ว่าลูกนั่นแหละที่เปลี่ยน ถ้าเป็นเมื่อก่อน หนูภคพรพูดจาแบบนี้ใส่ลูก ป่านนี้คงทะเลาะกันบ้านแตกไปแล้ว”
ประไพรมองจ้องลูกชายอย่างจับผิด
“แม่พูดอะไรของแม่ ไม่ว่ายังไงผมกับยายผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นก็ไม่มีทางลงเอยกันได้ อย่าคิดให้รกสมองเลยแม่ ผมขอตัวนะ เหนื่อย”
ประพนธ์หอบหิ้วข้าวของเดินขึ้นบันไดโดยมีสายตาของผู้เป็นพ่อแม่คอยมองดูอยู่ ถ้าประพนธ์กับภคพรลงเอยกันได้เรื่องร้ายๆนี่ก็คงจะสิ้นสุด
ลงซะที
ภคพรนอนป่วยหมดสภาพอยู่บนเตียงนอน เพราะไข้ที่ขึ้นสูงทำให้เธอช่วยตัวเองไม่ได้เลย
“แกมัวยืนเซ่อทำอะไรอยู่ ไปหาเสื้อหาผ้ามาจัดแจงเปลี่ยนให้เมียสิ”
ประไพรดุลูกชายจนประพนธ์ต้องรีบร้อนไปหาเสื้อผ้าของภคพรมาให้แม่ของเขา
“อ่ะแม่”
ประพนธ์ยื่นให้แม่
“ให้แม่ทำไม เปลี่ยนสิ เปลี่ยน”
ประไพรดุ
“ไม่เอา แม่นั่นแหละเปลี่ยน ผมไม่ชิน”
ประพนธ์เขินอาย
“แกแหละเปลี่ยน เป็นผัวเมียกันภาษาอะไร แค่นี้ก็ทำไม่ได้”
ประไพรยังคงต่อว่าลูกชาย
“ไม่เอา แม่นั่นแหละ ผมไปหาพ่อดีกว่า”
ประพนธ์รีบร้อนออกจากห้องไป
“ไอ้ลูกคนนี้นี่”
ประไพรบ่นงึมงำ ก่อนจะจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ลูกสะใภ้และคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้อยู่ตลอดทั้งวันจนไข้ลดเป็นปกติ
“ขอบคุณค่ะ”
ภคพรลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง
“ไม่เป็นไรหรอก เมียลูกชายแม่ก็เหมือนลูกของแม่อีกคน แค่มีหลานให้แม่ไวไวก็พอ”
ประไพรกล่าวอมยิ้ม
“หึหึ”
ภคพรอมยิ้มเบาๆโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาของประพนธ์แอบมองดูอยู่อย่างอบอุ่นหัวใจ
ในขณะที่ภคพรเริ่มจะลดความร้ายกาจลง พร้อมๆกับความสัมพันธ์ใหม่ๆของพวกเขาที่ค่อยๆก่อตัวขึ้น เกตุแก้วก็กำลังทุกข์ทรมานใจ
อย่างหนักกับการหายหน้าไปของอดีตคู่หมั้น เดือดร้อนถึงกันย์ที่ไม่สามารถทนมองดูอยู่เฉยๆแบบนี้ได้อีกต่อไปแล้ว
“พี่เรียกผมมา มีอะไรหรอ”
ประพนธ์มาหากันย์ที่บริษัทตามคำเชื้อเชิญของเขา
“ฉันทนแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว นายต้องหย่ากับผู้หญิงคนนั้นให้เร็วที่สุด”
กันย์ยื่นคำขาดอย่างเลือดเย็น
“ผมพยายามทำอยู่ ผมกำลังทำให้ผู้หญิงคนนั้นหย่ากับผมอยู่”
ประพนธ์อธิบาย
“หมดเวลาของนายแล้ว พี่รอให้เกตุแก้วเสียใจตายเพราะรอนายไม่ได้อีกแล้ว พี่จะจัดการเรื่องนี้ด้วยวิธีการของพี่เอง”
แววตาแข็งกร้าวของกันย์เริ่มทำให้ประพนธ์หวั่นไหว
“พี่กันย์ เชื่อผมเถอะ ผมพยายามหาวิธีอยู่ พี่รอผมอีกนิดนะ”
ประพนธ์พยายามโน้มน้าว
“พี่จะให้นายเลือก ว่าจะร่วมมือกับพี่หรือจะดูอยู่เฉยๆ นายมีสิทธิ์แค่เลือก ไม่ใช่ออกความคิดเห็น”
กันย์กล่าวอย่างเลือดเย็น
“พี่จะทำอะไร”
ประพนธ์มองจ้องหน้ากันย์เขม็ง หวั่นไหวในหัวใจ
“ก็จะทำให้ผู้หญิงคนนั้นหมดปัญญาที่จะใช้บริษัทเป็นเครื่องต่อรองชีวิตของพวกเราไง”
กันย์กล่าวเสียงเรียบด้วยหัวใจที่แข็งกระด้าง ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ขอแค่เกตุแก้วมีความสุข เขายินดีที่จะทำ
“พี่กันย์ ถ้าพี่ทำแบบนั้น ปัญหานี้ก็ไม่มีวันจบลงได้หรอก ผู้หญิงคนนั้นก็จะกลับมาทำร้ายเราอีก มันก็จะวนเวียนกันอยู่แบบนี้ไม่มีวันจบสิ้น”
ประพนธ์กล่าวเตือนสติ
“ผู้หญิงคนนั้นจะไม่มีวันได้กลับมาทำร้ายใครได้อีกแน่นอน ผู้หญิงคนนั้นจะต้องหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างชนิดที่ไม่เหลืออะไรเลย นอกจาก
ลมหายใจ”
กันย์กล่าวคำพูดร้ายๆออกมาอย่างเลือดเย็นอีกครั้ง
“พี่กันย์ พี่รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา ถ้าพี่ทำแบบนั้นจริงๆแล้วพ่อแม่เธอล่ะ น้องสาวเธอล่ะ จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง”
ประพนธ์เตือนสติชายหนุ่มอีกครั้ง
“นายกลับไปได้แล้ว”
กันย์เลือกที่จะไม่ตอบคำถามที่ทำให้เขาอึดอัดใจ
“พี่กันย์แต่....”
ประพนธ์พยายามจะพูด แต่กันย์ก็ขัดขึ้นเสียงดัง
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ฉันทนดูน้องสาวฉันตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้อีกแล้ว ถ้านายทนดูได้ก็อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ฉันจะพาเกตุแก้วไป ไปในที่ที่นายไม่มีวันหาเธอเจอ เลือกเอาว่านายจะเลือกใคร ระหว่างคนที่รักนายจนหมดหัวใจ กับคนที่ทำร้ายนายอย่างเลือดเย็นตลอดมา
เลือกเอาเองละกัน”
กันย์กล่าวเสียงแข็ง ประพนธ์ยืนก้มหน้านิ่งพูดอะไรไม่ออก แม้ว่าเขาจะเกลียดภคพรขนาดไหน แต่การทำให้เธอหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตมันก็มากเกินไปสำหรับการลงโทษเธอ
ต่อด้านล่างนะจ๊ะ
ไร้หัวใจ ตอนที่ 24
ในอ้อมแขนตลอดทาง
“ผมเป็นอะไรไป”
ประพนธ์บ่นงึมงำกับตัวเองด้วยหัวใจที่แสนสับสน เกิดอะไรขึ้นกับหัวใจดวงน้อยที่เคยรักมั่นแค่เพียงผู้หญิงคนเดียวในโลกที่ชื่อว่าเกตุแก้ว
“หนาว หนาว”
เสียงสั่นเครือของภคพร ทำให้ประพนธ์กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น อ้อมกอดนี้แม้จะทำให้ภคพรอบอุ่นขึ้น แต่สำหรับประพนธ์แล้วเขากำลัง
รู้สึกผิดอยู่เต็มหัวใจ
ทันทีที่เรือจอดเทียบท่าประพนธ์ก็อุ้มร่างไร้สติของภรรยาขึ้นด้วยความทุลักทุเล เขาพาเธอไปที่โรงพยาบาลทันทีเพื่อดูอาการ
ไม่นานภคพรก็ได้สติและนอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลียโดยมีประพนธ์คอยอยู่เคียงข้างไม่ยอมห่างไปไหน
“เอ่อ คุณค่ะ คุณค่ะ”
พยาบาลคนสวยเดินเข้ามาหาประพนธ์ที่นอนหลับอยู่บนโซฟาใกล้ๆเตียงคนไข้
“เอ่อ ครับ มีอะไรครับ”
ประพนธ์ลุกขึ้นมาคุยกับนางพยาบาลด้วยความสุภาพ
“เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณเป็นอะไรกับคนไข้ค่ะ”
นางพยาบาลถาม ประพนธ์ตอบออกมาเสียงดังอย่างไม่ลังเล
“เธอเป็นภรรยาผมครับ”
ประพนธ์กล่าวเสียงเข้ม โดยไม่รู้เลยว่าคำว่าภรรยาของเขาที่บอกกับนางพยาบาลกำลังทำให้หัวใจที่ด้านชาของภคพรอ่อนโยนลงได้
“คือคุณหมออยากจะให้ยาตัวใหม่นะค่ะ ไม่ทราบว่าคนไข้มีประวัติแพ้ยาอะไรหรือเปล่า”
นางพยาบาลถามอีกครั้ง
“เอ่อ ...”
ประพันธ์งงงัน แต่ภคพรก็โพล่งออกมาเสียงดัง
“ไม่มีค่ะ”
หญิงสาวกล่าวเสียงแผ่วเบา ประพนธ์หันไปหาเธอด้วยความตกใจ
“อ้าว ตื่นแล้วหรอค่ะ นอนหลับพักผ่อนเยอะๆนะค่ะ แล้วหมอจะมาตรวจตอนเช้ามืดค่ะ”
นางพยาบาลกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใสและเดินจากไป
“คุณตื่นแล้วหรอ”
ประพนธ์เดินเข้าไปหาภคพรด้วยใบหน้าเศร้า เขายังคงรู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้ภคพรเจ็บหนักขนาดนี้
“เสียใจด้วย ฉันยังไม่ยอมตายง่ายๆหรอก”
ภคพรมองจ้องหน้าประพนธ์ตาใส
“ดีแล้ว ผมไม่อยากให้คุณตายหรอก”
ประพนธ์กล่าวเสียงเรียบ ภคพรมองจ้องหน้าเขาด้วยความสับสน คำพูดของประพนธ์กำลังทำให้หัวใจเธอว้าวุ่น
“คิดว่าพูดดีกับฉันแล้วฉันจะยกโทษให้หรอ ไม่มีวัน”
ภคพรเกรี้ยวกราดอีกครั้งเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกสับสนที่เกิดขึ้นในใจเธอ
“คุณนอนเถอะ อย่าคิดเรื่องอะไรให้ปวดหัวเลย”
ประพนธ์กล่าวเสียงเข้ม เดินกลับมาที่โซฟาของตัวเอง
“ภคพร”
ประพนธ์หันไปหาหญิงสาวที่นอนป่วยอยู่ตรงหน้า
“อะไร”
ภคพรหันมามองหน้าเขาเขม็ง
“ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่ได้อยากทำร้ายคุณถึงขนาดนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง”
ประพนธ์กล่าวเสียงแผ่วเบา รู้สึกผิดอย่างที่สุด
“รู้ก็ดีแล้ว”
ภคพรเย็นชาใส่ชายหนุ่ม ก่อนจะหันมาแอบอมยิ้มด้วยความดีใจ
ทางด้านนวพรรษก็กำลังวุ่นวายอยู่กับการกินยาบำรุง กินนมก่อนนอนอยู่ในห้องนอนของเธอตามปกติโดยมีธาวินเป็นผู้ดูแลอยู่ใกล้ๆไม่ยอมห่างไปไหน
“คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว นอนพักผ่อนเถอะ เรื่องง่ายๆพวกเนี๊ยฉันทำเองได้ค่ะ”
นวพรรษกล่าวด้วยรอยยิ้มเศร้าๆตามเคย
“ให้ผมทำเถอะ อะไรที่ผมสามารถทำได้ เพื่อคน คุณปล่อยให้ผมทำเถอะ”
ธาวินกล่าวด้วยรอยยิ้มแสนอบอุ่น อุ้มร่างบางของภรรยาเขาจากเก้าอี้โยก มาวางลงบนเตียงนอนอย่างแผ่วเบา
“ขอบคุณค่ะ”
นวพรรษเอ่ยคำว่าขอบคุณเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
“พอเถอะครับคุณเมย์ เลิกขอบคุณผมเถอะ ผมเป็นสามี มีหน้าที่ต้องทำเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว อย่าขอบคุณผมอีกเลย”
ธาวินกล่าวด้วยรอยยิ้ม ห่มผ้าห่มให้นวพรรษด้วยความห่วงใย
“เราหย่ากันเถอะ”
นวพรรษเริ่มพูดเรื่องหย่าอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ธาวินไม่เคยยอมทำตามที่เธอขอเลย
“ผมไม่หย่า”
ธาวินปฏิเสธเสียงเข้ม เอื้อมมือไปกุมมือนวพรรษไว้มั่น
“ผมสัญญากับพ่อแม่คุณ สัญญากับคุณไปแล้วว่าผมจะทำให้คุณมีความสุข ผมทิ้งคุณไว้คนเดียวแบบนี้ไม่ได้หรอก”
ธาวินยังคงปฏิเสธ
“แล้วจะให้ฉันอยู่แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน คุณไม่คิดบ้างหรอว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้มันทำให้ฉันเจ็บปวด”
นวพรรษมองจ้องธาวิน
“ผม....”
ธาวินนิ่งไปเพราะไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขาไม่ได้รักนวพรรษเลย
“คุณคิดว่ามันสนุกนักหรือไงที่ต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านเรื่องแบบนี้ ฉันไม่เป็นไรหรอก เพราะฉันรู้ตัวเองดีว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เรื่องทุกอย่าง
มันเป็นแบบนี้ แต่พ่อกับแม่ของฉัน ฉันไม่อยากทำให้ท่านต้องเสียใจเพราะเรื่องของฉันอีกแล้ว เราหย่ากันเถอะค่ะ”
นวพรรษลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับธาวิน ที่นิ่งไปเพราะคำพูดของเธอ
“ผมคงหย่าให้คุณไม่ได้หรอก เพราะว่าถ้าผมหย่าพ่อกับแม่ของผมจะไม่มีที่อยู่ เมียกับลูกของผม ผมก็จะไม่ได้เจอพวกเขาอีก”
ธาวินกล่าวเสียงเศร้า มองจ้องหน้านวพรรษด้วยความเสียใจ
“ถ้าคุณกลัวเรื่องนั้นล่ะก็ ลืมมันไปได้เลย ฉันจะคุยกับพ่อแม่ของฉันเอง แค่คุณยอมหย่ากับฉัน แค่นั้นพอ”
นวพรรษกล่าวเสียงเข้ม
“คุณบังคับเธอไม่ได้หรอก พี่สาวคุณไม่ยอมหรอก ถ้าเธอคิดจะปล่อยผมไปง่ายๆ เธอคงไม่บังคับให้ผมมาแต่งงานกับคุณทั้งๆที่มีลูกมีเมีย
อยู่แล้วหรอก”
ธาวินกล่าวเสียงเข้ม เผยความในใจที่เก็บกลั้นเอาไว้นานแสนนานออกมา
“คุณหมายความว่ายังไง เรื่องทั้งหมดนี้เป็นความคิดของพี่เนย์จริงๆหรอ”
นวพรรษตกใจตาค้างกับเรื่องที่เพิ่งได้ยิน
“คุณฟังไม่ผิดหรอก พี่คุณเป็นคนวางแผนการเรื่องทั้งหมดมาตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่ใช่พ่อแม่ของคุณ แต่ที่ผมไม่พูดออกไปก็เพราะผมกลัว
กลัวว่าจะต้องสูญเสียทุกคนที่ผมรักไป”
ธาวินพูดความจริงในใจของเขาออกมาหมด อย่างไม่คิดที่จะปิดบัง
“หมายความว่าพี่สาวฉัน เป็นคนแยกคุณกับภรรยาของคุณทั้งๆที่เขารู้ว่าคุณมีภรรยาอยู่แล้ว ใช่ไหม”
นวพรรษเบิ่งตากว้าง ตกใจ
“ใช่ เธอรู้เรื่องนี้ดีกว่าใครทั้งหมด เพราะคนที่เป็นคนไปบังคับผมกับภรรยาถึงที่บ้านก็คือพี่สาวของคุณ พ่อกับแม่ของคุณพวกท่านไม่รู้หรอก
ว่าผมมีภรรยาอยู่แล้ว”
ธาวินอธิบายต่ออย่างไม่อยากปิดบัง
“พี่เนย์ ทำไมพี่ทำแบบนี้ ทำไมทำแบบนี้”
หญิงสาวน้ำตาเอ่อไหล ทุกสิ่งที่ทุกคนในครอบครัวทำมันผิดมหันต์ ทุกเรื่องมันมีแต่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน และที่ยิ่งเลวร้ายที่สุดก็คือพี่สาว
ของเธอทำความผิดทุกอย่างทั้งๆที่รู้ว่ามันผิด ทั้งๆที่รู้ว่าจะทำให้คนอื่นต้องเสียใจ
การเจราจาถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดและภคพรกับประพนธ์ก็ต้องรีบร้อนกลับบ้านมาเพราะอาการป่วยของภคพรที่ทำให้เธอดู
ผอมลงไปถนัดตา
“กลับมาแล้วหรอจ๊ะ ฮันนีมูนเป็นอย่างไรบ้าง”
ประไพรถามด้วยรอยยิ้ม
“ก็ดีครับแม่ ไม่มีอะไรมากหรอก”
ประพนธ์ตอบคำถาม หอบหิ้วข้าวของของภคพรพะลุงพะลัง
“ว่าไง จะมีข่าวดีของเราสองคนเร็วๆนี้หรือเปล่า”
พ่อของประพนธ์กล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ข่าวดีอะไรล่ะพ่อ ไม่มีข่าวดีอะไรทั้งนั้นแหละ”
ประพนธ์ปฏิเสธหน้าแดง
“ตัวหนูมันสกปรก ลูกชายคนพ่อคุณแม่เขาไม่มาแตะต้องให้มัวหมองหรอกค่ะ”
ภคพรพูดแทรกขึ้นมาหน้าตาเฉย จนทุกคนต้องเงียบงันกันไปหมดเพราะคำพูดร้ายๆของเธอ
“ถ้าจะไม่พูด ก็ไม่มีใครเขาหาว่าคุณเป็นใบ้หรอกนะ”
ประพนธ์หันมาตะวาดภคพร
“หรอ หนูเหนื่อย ขอตัวนะค่ะ”
ภคพรเดินตัวเปล่าขึ้นบันไดไปหน้าตาเฉย
“ยายผู้หญิงคนนี้ นิสัยไม่เคยเปลี่ยน”
ประพนธ์บ่นงึมงำ
“แต่แม่ว่าลูกนั่นแหละที่เปลี่ยน ถ้าเป็นเมื่อก่อน หนูภคพรพูดจาแบบนี้ใส่ลูก ป่านนี้คงทะเลาะกันบ้านแตกไปแล้ว”
ประไพรมองจ้องลูกชายอย่างจับผิด
“แม่พูดอะไรของแม่ ไม่ว่ายังไงผมกับยายผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นก็ไม่มีทางลงเอยกันได้ อย่าคิดให้รกสมองเลยแม่ ผมขอตัวนะ เหนื่อย”
ประพนธ์หอบหิ้วข้าวของเดินขึ้นบันไดโดยมีสายตาของผู้เป็นพ่อแม่คอยมองดูอยู่ ถ้าประพนธ์กับภคพรลงเอยกันได้เรื่องร้ายๆนี่ก็คงจะสิ้นสุด
ลงซะที
ภคพรนอนป่วยหมดสภาพอยู่บนเตียงนอน เพราะไข้ที่ขึ้นสูงทำให้เธอช่วยตัวเองไม่ได้เลย
“แกมัวยืนเซ่อทำอะไรอยู่ ไปหาเสื้อหาผ้ามาจัดแจงเปลี่ยนให้เมียสิ”
ประไพรดุลูกชายจนประพนธ์ต้องรีบร้อนไปหาเสื้อผ้าของภคพรมาให้แม่ของเขา
“อ่ะแม่”
ประพนธ์ยื่นให้แม่
“ให้แม่ทำไม เปลี่ยนสิ เปลี่ยน”
ประไพรดุ
“ไม่เอา แม่นั่นแหละเปลี่ยน ผมไม่ชิน”
ประพนธ์เขินอาย
“แกแหละเปลี่ยน เป็นผัวเมียกันภาษาอะไร แค่นี้ก็ทำไม่ได้”
ประไพรยังคงต่อว่าลูกชาย
“ไม่เอา แม่นั่นแหละ ผมไปหาพ่อดีกว่า”
ประพนธ์รีบร้อนออกจากห้องไป
“ไอ้ลูกคนนี้นี่”
ประไพรบ่นงึมงำ ก่อนจะจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ลูกสะใภ้และคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้อยู่ตลอดทั้งวันจนไข้ลดเป็นปกติ
“ขอบคุณค่ะ”
ภคพรลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง
“ไม่เป็นไรหรอก เมียลูกชายแม่ก็เหมือนลูกของแม่อีกคน แค่มีหลานให้แม่ไวไวก็พอ”
ประไพรกล่าวอมยิ้ม
“หึหึ”
ภคพรอมยิ้มเบาๆโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาของประพนธ์แอบมองดูอยู่อย่างอบอุ่นหัวใจ
ในขณะที่ภคพรเริ่มจะลดความร้ายกาจลง พร้อมๆกับความสัมพันธ์ใหม่ๆของพวกเขาที่ค่อยๆก่อตัวขึ้น เกตุแก้วก็กำลังทุกข์ทรมานใจ
อย่างหนักกับการหายหน้าไปของอดีตคู่หมั้น เดือดร้อนถึงกันย์ที่ไม่สามารถทนมองดูอยู่เฉยๆแบบนี้ได้อีกต่อไปแล้ว
“พี่เรียกผมมา มีอะไรหรอ”
ประพนธ์มาหากันย์ที่บริษัทตามคำเชื้อเชิญของเขา
“ฉันทนแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว นายต้องหย่ากับผู้หญิงคนนั้นให้เร็วที่สุด”
กันย์ยื่นคำขาดอย่างเลือดเย็น
“ผมพยายามทำอยู่ ผมกำลังทำให้ผู้หญิงคนนั้นหย่ากับผมอยู่”
ประพนธ์อธิบาย
“หมดเวลาของนายแล้ว พี่รอให้เกตุแก้วเสียใจตายเพราะรอนายไม่ได้อีกแล้ว พี่จะจัดการเรื่องนี้ด้วยวิธีการของพี่เอง”
แววตาแข็งกร้าวของกันย์เริ่มทำให้ประพนธ์หวั่นไหว
“พี่กันย์ เชื่อผมเถอะ ผมพยายามหาวิธีอยู่ พี่รอผมอีกนิดนะ”
ประพนธ์พยายามโน้มน้าว
“พี่จะให้นายเลือก ว่าจะร่วมมือกับพี่หรือจะดูอยู่เฉยๆ นายมีสิทธิ์แค่เลือก ไม่ใช่ออกความคิดเห็น”
กันย์กล่าวอย่างเลือดเย็น
“พี่จะทำอะไร”
ประพนธ์มองจ้องหน้ากันย์เขม็ง หวั่นไหวในหัวใจ
“ก็จะทำให้ผู้หญิงคนนั้นหมดปัญญาที่จะใช้บริษัทเป็นเครื่องต่อรองชีวิตของพวกเราไง”
กันย์กล่าวเสียงเรียบด้วยหัวใจที่แข็งกระด้าง ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ขอแค่เกตุแก้วมีความสุข เขายินดีที่จะทำ
“พี่กันย์ ถ้าพี่ทำแบบนั้น ปัญหานี้ก็ไม่มีวันจบลงได้หรอก ผู้หญิงคนนั้นก็จะกลับมาทำร้ายเราอีก มันก็จะวนเวียนกันอยู่แบบนี้ไม่มีวันจบสิ้น”
ประพนธ์กล่าวเตือนสติ
“ผู้หญิงคนนั้นจะไม่มีวันได้กลับมาทำร้ายใครได้อีกแน่นอน ผู้หญิงคนนั้นจะต้องหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างชนิดที่ไม่เหลืออะไรเลย นอกจาก
ลมหายใจ”
กันย์กล่าวคำพูดร้ายๆออกมาอย่างเลือดเย็นอีกครั้ง
“พี่กันย์ พี่รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา ถ้าพี่ทำแบบนั้นจริงๆแล้วพ่อแม่เธอล่ะ น้องสาวเธอล่ะ จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง”
ประพนธ์เตือนสติชายหนุ่มอีกครั้ง
“นายกลับไปได้แล้ว”
กันย์เลือกที่จะไม่ตอบคำถามที่ทำให้เขาอึดอัดใจ
“พี่กันย์แต่....”
ประพนธ์พยายามจะพูด แต่กันย์ก็ขัดขึ้นเสียงดัง
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ฉันทนดูน้องสาวฉันตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้อีกแล้ว ถ้านายทนดูได้ก็อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ฉันจะพาเกตุแก้วไป ไปในที่ที่นายไม่มีวันหาเธอเจอ เลือกเอาว่านายจะเลือกใคร ระหว่างคนที่รักนายจนหมดหัวใจ กับคนที่ทำร้ายนายอย่างเลือดเย็นตลอดมา
เลือกเอาเองละกัน”
กันย์กล่าวเสียงแข็ง ประพนธ์ยืนก้มหน้านิ่งพูดอะไรไม่ออก แม้ว่าเขาจะเกลียดภคพรขนาดไหน แต่การทำให้เธอหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตมันก็มากเกินไปสำหรับการลงโทษเธอ
ต่อด้านล่างนะจ๊ะ