มีหุ้นไหนกระทบบ้างครับ แต่ไม่เป็นไรครับ ผมว่ายอดน่าจะดีดตัวขึ้นตอนปลายปีครับ
ธุรกิจโฆษณา 6 เดือนแรกซบเซา
ครึ่งปีแรกภาพรวมธุรกิจโฆษณาหดโตเพียง 2% คาดการณ์สิ้นปีสถานการณ์ดีขึ้น ขณะที่สื่อดิจิตอลเริ่มมาแรง
นายสงกรานต์ เศรษฐสมภพ ประธานกรรมการบริหาร เดอะ ลีโอ เบอร์เนทท์ กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาธุรกิจโฆษณาภาพรวมมีการเติบโตที่ไม่มากเท่าไรนัก มีตัวเลขการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 2% เนื่องจากมีการเลื่อนการจัด งานแคมเปญของลูกค้าออกไป เหตุเพราะความไม่พร้อมในหลายๆ ด้านของลูกค้าเอง แต่คาดว่าสิ้นปีนี้ตัวเลขการเติบโตน่าจะดีขึ้นหรือตกอยู่ประมาณ 10% เพราะลูกค้าได้เริ่มมีการเปิดตัวสินค้ามากกว่าเดิม หลังจากที่เลื่อนการจัดงานมาในช่วงครึ่งปีแรก
ขณะที่ภาพรวมของบริ ษัทฯ มีการเติบโตที่ดีขึ้นจากปีที่แล้ว ตั้งเป้าว่าสิ้นปีนี้ต้องมีการเติบโตไม่น้อยกว่าสองหลักหรือไม่ควรโตน้อยไปกว่าตลาดภาพรวม ล่าสุด บริษัทฯ ยังได้ลูกค้าใหม่เข้ามาอีกมาก อาทิ ปตท.สผ., ซีพีฟู้ดในบางสินค้า และโอเรียนทอล พริ้นเซส เป็นต้น คาดการณ์ว่าภายในปีนี้ยังจะมีลูกค้าเข้ามาอีกหลายรายเช่นกัน
ทั้งนี้ ธุรกิจโฆษณาในปัจจุบันควรมีการปรับตัวให้เข้าถึงผู้บริโภคให้มากขึ้น มีความเข้าใจในตัวผู้บริโภคให้มากกว่าเดิม ต้องทำให้ผู้บริโภครักและมีส่วนร่วมกลับมา ขณะเดียวกันนั้นการเข้ามาของระบบดิจิตอลก็ทำให้พฤติกรรมการดูสื่อของผู้บริโภคเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นครีเอทีฟที่จะคิดงานในยุคนี้ ต้องมีความคิดที่รวดเร็ว ล้ำสมัย ต้องทันโลก เปิดหู เปิดตาให้มากกว่าเดิม ซึ่งพฤติกรรมการดูสื่อที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค ทำให้ลูกค้าหันมาทุ่มงบประมาณโฆษณาในส่วนของดิจิตอลมากขึ้น มีอัตราการเติบโตมากขึ้นถึง 20-25%
สำหรับสื่อที่น่าวิตกในการผลิตโฆษณาคือ สื่อสิ่งพิมพ์หรือ แมกกาซีน ซึ่งการที่ราคาอุปกรณ์ ในด้านดิจิตอลมีราคาถูกลง ประ ชาชนในหลากหลายระดับสามารถหาซื้อได้ง่ายขึ้น ทำให้การดูสื่อในยุคนี้มักจะดูผ่านอุปกรณ์ไอทีต่างๆ รวมไปถึงสื่อวิทยุก็น่าเป็น ห่วงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่เริ่มมีตัวเลขตกลงมานั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงกับธุรกิจโฆษณาเท่าไรนัก
ธุรกิจโฆษณา 6 เดือนแรกซบเซา
ธุรกิจโฆษณา 6 เดือนแรกซบเซา
ครึ่งปีแรกภาพรวมธุรกิจโฆษณาหดโตเพียง 2% คาดการณ์สิ้นปีสถานการณ์ดีขึ้น ขณะที่สื่อดิจิตอลเริ่มมาแรง
นายสงกรานต์ เศรษฐสมภพ ประธานกรรมการบริหาร เดอะ ลีโอ เบอร์เนทท์ กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาธุรกิจโฆษณาภาพรวมมีการเติบโตที่ไม่มากเท่าไรนัก มีตัวเลขการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 2% เนื่องจากมีการเลื่อนการจัด งานแคมเปญของลูกค้าออกไป เหตุเพราะความไม่พร้อมในหลายๆ ด้านของลูกค้าเอง แต่คาดว่าสิ้นปีนี้ตัวเลขการเติบโตน่าจะดีขึ้นหรือตกอยู่ประมาณ 10% เพราะลูกค้าได้เริ่มมีการเปิดตัวสินค้ามากกว่าเดิม หลังจากที่เลื่อนการจัดงานมาในช่วงครึ่งปีแรก
ขณะที่ภาพรวมของบริ ษัทฯ มีการเติบโตที่ดีขึ้นจากปีที่แล้ว ตั้งเป้าว่าสิ้นปีนี้ต้องมีการเติบโตไม่น้อยกว่าสองหลักหรือไม่ควรโตน้อยไปกว่าตลาดภาพรวม ล่าสุด บริษัทฯ ยังได้ลูกค้าใหม่เข้ามาอีกมาก อาทิ ปตท.สผ., ซีพีฟู้ดในบางสินค้า และโอเรียนทอล พริ้นเซส เป็นต้น คาดการณ์ว่าภายในปีนี้ยังจะมีลูกค้าเข้ามาอีกหลายรายเช่นกัน
ทั้งนี้ ธุรกิจโฆษณาในปัจจุบันควรมีการปรับตัวให้เข้าถึงผู้บริโภคให้มากขึ้น มีความเข้าใจในตัวผู้บริโภคให้มากกว่าเดิม ต้องทำให้ผู้บริโภครักและมีส่วนร่วมกลับมา ขณะเดียวกันนั้นการเข้ามาของระบบดิจิตอลก็ทำให้พฤติกรรมการดูสื่อของผู้บริโภคเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นครีเอทีฟที่จะคิดงานในยุคนี้ ต้องมีความคิดที่รวดเร็ว ล้ำสมัย ต้องทันโลก เปิดหู เปิดตาให้มากกว่าเดิม ซึ่งพฤติกรรมการดูสื่อที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค ทำให้ลูกค้าหันมาทุ่มงบประมาณโฆษณาในส่วนของดิจิตอลมากขึ้น มีอัตราการเติบโตมากขึ้นถึง 20-25%
สำหรับสื่อที่น่าวิตกในการผลิตโฆษณาคือ สื่อสิ่งพิมพ์หรือ แมกกาซีน ซึ่งการที่ราคาอุปกรณ์ ในด้านดิจิตอลมีราคาถูกลง ประ ชาชนในหลากหลายระดับสามารถหาซื้อได้ง่ายขึ้น ทำให้การดูสื่อในยุคนี้มักจะดูผ่านอุปกรณ์ไอทีต่างๆ รวมไปถึงสื่อวิทยุก็น่าเป็น ห่วงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่เริ่มมีตัวเลขตกลงมานั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงกับธุรกิจโฆษณาเท่าไรนัก