พรรคประชาธิปัตย์รอดถูกยุบพรรคอีกครั้ง
คดีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นยุบประชาธิปัตย์ เนื่องจากสมัยที่เป็นรัฐบาลได้รับเงินบริจาค 1 ล้านบาท ถุงยังชีพ 500 ถุง และน้ำดื่ม 850 โหล จากบริษัท อีสท์วอเตอร์ จำกัด
ล่าสุด นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. ในฐานะ นายทะเบียนพรรคการเมือง มีความเห็นให้ยุติเรื่องนี้ ตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง
นายอภิชาตให้เหตุผลว่า "ใช้ความเป็นผู้พิพากษาพิจารณา ในกรณีนี้พบว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีเจตนาทุจริต รับบริจาคเงินแล้วนำทั้งต้นและดอกเบี้ยส่งให้กับสำนักนายกรัฐมนตรี จึงเห็นว่าไม่มีความผิด จึงเสนอยุติการดำเนินการในเรื่องนี้"
ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึงว่านายอภิชาตใช้ความรู้สึกในการตัดสิน
ข้ามระเบียบกฎหมาย และพยานหลักฐาน
ทั้งที่ในชั้นสืบสวนของอนุกรรมการไต่สวน มีมติเสียงข้างมาก 3 ต่อ 2 ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ !
ที่สำคัญยังให้ดำเนินคดีอาญากับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นางอัญชลี วานิช เทพบุตร และ นายณัฐพล ทีปสุวรรณ ผู้เปิดบัญชีศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของพรรคด้วย
หากย้อนกลับดูเมื่อปี 2553 ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง ยกคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์กรณีรับเงินบริจาค "ทีพีไอ" ผ่านบริษัท เมซไซอะ เป็นเงิน 258 ล้าน
ตุลาการมีมติ 4 ต่อ 2 ให้ยกคำร้อง เพราะประธานกกต.ไม่ได้ทำความเห็นในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง และยื่นคำร้องไม่ทันกำหนด 15 วัน
นายทะเบียนในขณะนั้นก็คือนายอภิชาติ สุขัคคานนท์ !?
ตอนนี้ยังเหลืออีก 1 คดี ในมือกกต.ที่เกี่ยวข้องกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยตรง
เพราะนายเรืองไกรร้องขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติส.ส. ของนายอภิสิทธิ์ กรณีกระทรวงกลาโหมมีคำสั่งปลดพ้นจากการเป็นนายทหารกองหนุน
ขณะนี้อนุกรรมการไต่สวนของกกต.ยังสอบสวนอยู่
ก็ต้องรอลุ้นกันว่าจะออกมาแบบไหน
นายทะเบียนมีความเห็นได้ทันกำหนด 15 วันหรือไม่
หรือจะมีความเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่มีเจตนาทำผิดอีกหรือเปล่า !?
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM01USXlNakkzTWc9PQ==
ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ จะให้นายอภิชาติฯ เพียงคนเดียว ให้ดุลพินิจ กล่าวอ้างว่า การกระทำความผิดขาดเจตนา
ทั้ง ๆ ที่อนุกรรมการลงความเห็นว่าผิด คิดว่า องค์ประกอบความผิดเรื่องเจตนาหรือไม่ควรให้ศาลเป็นผู้พิจารณา
ไม่ใช่ตัดตอนความผิด สรุปเอาเอง คราวที่แล้ว ยื่นคำร้องไม่ทันทำให้ศาลยกฟ้องมาที่หนึ่งแล้ว
ทำไม่ยังจะทำผิดซ้ำสอง อีก
พรรคประชาธิปัตย์รอดถูกยุบพรรคอีกครั้ง
คดีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นยุบประชาธิปัตย์ เนื่องจากสมัยที่เป็นรัฐบาลได้รับเงินบริจาค 1 ล้านบาท ถุงยังชีพ 500 ถุง และน้ำดื่ม 850 โหล จากบริษัท อีสท์วอเตอร์ จำกัด
ล่าสุด นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. ในฐานะ นายทะเบียนพรรคการเมือง มีความเห็นให้ยุติเรื่องนี้ ตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง
นายอภิชาตให้เหตุผลว่า "ใช้ความเป็นผู้พิพากษาพิจารณา ในกรณีนี้พบว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีเจตนาทุจริต รับบริจาคเงินแล้วนำทั้งต้นและดอกเบี้ยส่งให้กับสำนักนายกรัฐมนตรี จึงเห็นว่าไม่มีความผิด จึงเสนอยุติการดำเนินการในเรื่องนี้"
ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึงว่านายอภิชาตใช้ความรู้สึกในการตัดสิน
ข้ามระเบียบกฎหมาย และพยานหลักฐาน
ทั้งที่ในชั้นสืบสวนของอนุกรรมการไต่สวน มีมติเสียงข้างมาก 3 ต่อ 2 ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ !
ที่สำคัญยังให้ดำเนินคดีอาญากับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นางอัญชลี วานิช เทพบุตร และ นายณัฐพล ทีปสุวรรณ ผู้เปิดบัญชีศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของพรรคด้วย
หากย้อนกลับดูเมื่อปี 2553 ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง ยกคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์กรณีรับเงินบริจาค "ทีพีไอ" ผ่านบริษัท เมซไซอะ เป็นเงิน 258 ล้าน
ตุลาการมีมติ 4 ต่อ 2 ให้ยกคำร้อง เพราะประธานกกต.ไม่ได้ทำความเห็นในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง และยื่นคำร้องไม่ทันกำหนด 15 วัน
นายทะเบียนในขณะนั้นก็คือนายอภิชาติ สุขัคคานนท์ !?
ตอนนี้ยังเหลืออีก 1 คดี ในมือกกต.ที่เกี่ยวข้องกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยตรง
เพราะนายเรืองไกรร้องขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติส.ส. ของนายอภิสิทธิ์ กรณีกระทรวงกลาโหมมีคำสั่งปลดพ้นจากการเป็นนายทหารกองหนุน
ขณะนี้อนุกรรมการไต่สวนของกกต.ยังสอบสวนอยู่
ก็ต้องรอลุ้นกันว่าจะออกมาแบบไหน
นายทะเบียนมีความเห็นได้ทันกำหนด 15 วันหรือไม่
หรือจะมีความเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่มีเจตนาทำผิดอีกหรือเปล่า !?
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM01USXlNakkzTWc9PQ==
ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ จะให้นายอภิชาติฯ เพียงคนเดียว ให้ดุลพินิจ กล่าวอ้างว่า การกระทำความผิดขาดเจตนา
ทั้ง ๆ ที่อนุกรรมการลงความเห็นว่าผิด คิดว่า องค์ประกอบความผิดเรื่องเจตนาหรือไม่ควรให้ศาลเป็นผู้พิจารณา
ไม่ใช่ตัดตอนความผิด สรุปเอาเอง คราวที่แล้ว ยื่นคำร้องไม่ทันทำให้ศาลยกฟ้องมาที่หนึ่งแล้ว
ทำไม่ยังจะทำผิดซ้ำสอง อีก