มันก็เหมือนกับการเหยีดสีผิวน่ะครับ อะไรทีมันเป็นอคติ อะไรที่มันริดรอนสิทธิความเสมอภาคของศักศรีคามเป็นมนุษย์ เมื่อกาลเวลาผ่านไป มันก็จะได้รับการปรับเปลี่ยนแก้ไขครับ ผมมองว่านี่เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้นที่ซักวันเรื่องของความรัก จะไม่มีพรมแดนของเพศเข้ามาเกี่ยวข้องหรือขวางกั้น ซัก50ปีก่อน คงเป็นเรื่องที่จินตนาการไม่ออกว่าคนผิวดำจะมีสิทธิในสังคมได้เท่าคนผิวขาว แต่ในปัจจุบันเป้นเรื่องธรรมดา (แต่ก็ยังมีคนใจแคบอคติที่ยังเหยียดสีผิวอยู่) ประเด็นของการสมรสในเพศเดียวกัน ผมมองว่าเป็นเรื่องลักษณะเดียวกัน อีก 10 ปี 20 ปี มันจะเป็นเรื่องธรรมดามาก ที่คนที่มีอคติรับไม่ได้ คงทรมานพิลึก เหมือนคนที่รับไม่ได้กับการที่คนผิวดำมีสิทธิเท่าเทียมคนผิวขาว  

ส่วนตัวไม่ได้มองแค่เรื่องของความรู้สึก ผมมองเน้นไปที่เรื่องของสิทธิตามกฏหมาย เช่นการลดหย่อนภาษีในฐานะคู่สมรส การมีสิทธิในมรดกทรัพย์สินในกรณีที่คู่ชีวิตเสียชีวิตกระทันหัน (คิดดูว่า สร้างชีวิตมาด้วยกันเหมือนสามีภรรยาทั่วไป คนนึงตาย อีกคนนึงไม่มีสิทธิอะไรทางกฎหมายเพราะไม่ได้จดทะเบียน ยุติธรรมแน่แล้วหรือ?) กับเรื่องสุดท้ายที่ส่วนตัวผมเห็นว่าสำคัญที่สุดคือ ในกรณีที่บาดเจ็บหรือป่วยหนัก คู่ชีวิตตามกฎหมายสามารถเข้าเยี่ยมหรือทำการตัดสินใจเรื่องของแนวทางการรักษากับแพทย์ได้ (นึกถึงคู่ชีวิตคุณอาการสาหัส แต่คุณเข้าเยี่ยมไม่ได้เพราะตามกฎหมายแล้ว คุณเป็นคนอื่น ไม่สามารถตัดสินใจอะไรแทนได้เลยเรื่องของการรักษา ยุติธรรมแล้วหรือ)

คนที่อ้างไบเบิลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมบอกเลยว่า ถ้าจะตีความกันตามตัวอักษรเป๊ะๆ เลย ไบเบิลก็บอกไว้เหมือนกันว่า ในการแต่งงาน หญิงที่ไม่ใช่สาวพรมจรรย์สมควรได้รับโทษประหาร .... ผมยังไม่เห็นมีใครให้แก้กฎหมายการสมรสให้สอดคล้องกับข้อความในไบเบิลอันนี้เลย

ปล. ส่วนตัวไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้ เพราะคู่ชีวิตผมก็เป็นผู้หญิงครับ  ผมแค่สนับสนุนสิ่งที่น่าจะถูกต้อง ยุติธรรม เท่าเทียม และเป็นประโยชน์กับคนในสังคมมากขึ้น