ที่บอกว่า เห็น-เห็นนั้น เห็นอย่างไร???
ใจความเต็มของบริบทว่า
*เห็น* นี้มาจากข้อความแนวขอรับทราบ คคห. เชิง ปุจฉา ว่า "
ท่านเห็นอย่างไร"
ซึ่งเป็นประสงค์เจตนาของท่านเจ้าของบทความ ที่ กรองคำ ยกขึ้นมาพิจารณา, และนำเข้าเป็นแกนเรื่องของกระทู้นี้นั่นเอง
และด้วย คหสต. จากที่มีเวลาและโอกาสได้พิจารณาด้วยปัญญาเท่าที่มี-ในทุกครั้งที่อ่านเนื้อหาจาก บทความนี้ - หลายรอบมากแล้ว ก็ยังเห็นว่า ที่พบเจอและรับรู้จากการอ่านผ่านมานั้น
เป็นหนทางสู่ ขุมอบาย เป็นแนวทางแห่ง อบายภูมิทั้ง ๘ ชัด-ชัด!!!!
จึง-ตาม คหสต. ของตน จึงให้ชื่อกระทู้ไปตามจริง-ตามที่ตั้งขึ้นมา ณ วันนี้
ซึ่งจะมีเหตุปัจจัยจากสิ่งอัน-เรื่องราวใด-หรือไม่มีอะไร ... เพียงแต่ต้องการ แชร์บทความ เท่านั้น -ขอยังไม่กล่าวถึง-นะ!!!
แต่ขออนุญาตนำ คคห. ของ จขกท. จากกระทู้ต้นฉบับ ขึ้นมาไว้ที่นี้ด้วย เพื่อให้ ความตรงตามจริง ตรงกับ ความจริงตามธรรม*
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ความคิดเห็นที่ 10 : (เอกอิสโร วรุณศรี)
เรียน คุณคนป่า "เห็นด้วยอย่างยิ่ง" แม้ว่าผมเองอาจจะยังไม่ถึงขั้นดวงตาเห็นธรรมก็ตาม ผมก็มีคำตอบในใจว่า ตัวอย่างที่ยกมานั้น เป็น "จริงหรือเท็จ" และก็ขอย้ำว่า ที่ยกมานี้ ก็เผื่อจะเป็นเครื่องทดสอบ กับเพื่อนๆ นักปฏิบัติ และผู้ที่แวะเวียนมาออกความเห็นได้ลองน้อมนำมาสู่ใจ เพื่อพิจารณาว่า "ท่านเห็นอย่างไร" หรือ "เราควรปฏิบัติอย่างไร?" ต่อผู้ที่เผยแพร่ความคิดเยี่ยงนี้
ขอความเจริญในธรรมและสัมมาทิฏฐิได้บังเกิดขึ้นแก่ท่านทั้งหลายครับ
จากคุณ : เอกอิสโร วรุณศรี [ 20 พ.ค. 2546 / 15:26:53 น. ] -
เนื้อความ : จากต้นฉบับ ซึ่งยังมีปรากฏอยู่ใน *เว็บลานธรรม* ยกมาเป็นอุทาหรณ์-ธรรมบรรณาการ แก่ท่านสาธุชน ตามเหตุ-ตามผล ตามกาลเทศะ ซึ่งจาก คหสต. ของ กรองคำ เห็นว่าเป็นบทความอันมีเนื้อหาเหมาะสมแก่กาลปัจจุบัน-พอดีพอควร-สมตามสมัยกาลนิยม แห่ง พ.ศ. นี้แล้ว
หากเราทั้งหลายได้ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูก จะไม่สงสัย ถกเถียง และเห็นเหตุทั้งหลายตามความเป็นจริง
(เอกอิสโร วรุณศรี)
**เพื่อสนับสนุนข้อความข้างต้น จึงใคร่จะขอจะยกเอาตัวอย่าง “ความเห็น” ของบางคณะ บางกลุ่ม ที่สอนสืบๆ กันมา ขอท่านทั้งหลายจงอย่าได้เข้าใจว่าเป็นการจับผิดเลย เป็นแต่เพียงยกมาเพื่อท่านทั้งหลายได้ใช้เป็นบททดสอบและพิจารณาโดยปัญญาของท่าน เพื่อพิจารณาว่าที่เราได้ตั้งเป็นกระทู้ว่า หากเราทั้งหลายได้ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูก จะไม่สงสัย ถกเถียง และเห็นเหตุทั้งหลายตามความเป็นจริง นั้น มีความเป็นจริงมากน้อยเพียงใด ดังนี้...
(คำ-ความในวงเล็บ[ _ ]คือส่วนของ คหสต.)
๐๑. ในสมัยของพระเจ้ากนิษกะมหาราช แห่งราชวงศ์กุศาณ แพร่หลายมาถึงชวา มลายู และ ไทย มีพระเถระที่มีชื่อเสียงหลายรูป เช่นพระอุปคุปตเถระ, พระปารศวเถระ, พระวสุมิตร
[แต่พระเถระ] ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ *
พระอัศวโฆษ* นักประพันธ์เอกของอินเดีย
[ท่าน] เคยเป็นพราหมณ์มาก่อน
[ท่าน] เห็นพราหมณ์ทำลายพุทธจนเกือบหมดไปในขณะนั้น จึงเข้ามาแก้ไขสถานการณ์
ด้วยการเอาคำสอนของพราหมณ์มาห่อหุ้มคำสอนพุทธเอาไว้ โดยแต่งพุทธประวัติเสียใหม่ชื่อว่า *พุทธจริต*
[อันมีแก่นใจความ] ว่า
เดิมพระพุทธเจ้านั้นเป็นเทวดา ชื่อท้าวสันดุสิตเทวราช อยู่บนสวรรค์ของพราหมณ์ อวตารลงมาเป็นพระพุทธเจ้าเพื่อช่วยเหลือมนุษย์
[แต่] เมื่อตรัสรู้แล้วคิดจะไม่สอนมนุษย์ (มีใจโลเล) ก็มี
ท้าวสหัมบดีพรหม* ของพวกพราหมณ์มาอาราธนาให้แสดงธรรม เป็นต้น
นอกจากนี้
อัศวโฆษ ยังได้แต่งนิทานเกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิดของพระพุทธเจ้า ๕๔๗ เรื่อง เรียกว่า*
พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ*
และเอาบารมี ๑๐ คือ
ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา มาแต่งนิทานประกอบ
ให้เป็นบุคลาธิษฐานอีก ๑๐ เรียกว่า *
ทศชาติ* และชาติสุดท้ายแต่งเป็นนิทาน(ชาดก)
[อันมีแก่นใจความ] ว่า พระพุทธเจ้าได้เกิดเป็นพระเวสสันดร เป็นเรื่องยาวที่สุด จึงเรียกว่า *มหาชาติชาดก*
เรื่องนิทานโกหกอย่างนี้มหาชนชอบ เพราะสนุกดีและพราหมณ์ก็พอใจ ไม่เบียดเบียนทำร้ายเหมือนเมื่อก่อน พุทธศาสนาจึงอยู่คู่กับพราหมณ์ได้ด้วยความสงบมาหลายร้อยปี
นิกายนี้เรียกว่า
นิกายสรวาสติวาทิน หรือ สรรวาสติวาทิน ต่อมาได้ไปเจริญรุ่งเรืองอยุ่ในลังกา
ได้ผสมกลมกลืนกับนิกายมหาสังฆิกะ ซึ่งเป็นมหายานฝ่ายใต้ ที่ได้มีการแต่งพระสูตรขึ้นใหม่หลายสูตรแล้วเอาใส่ในพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า อ้างว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้ที่นั่นที่นี่ในสมัยพุทธกาล ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่มีการกล่าวไว้ในคัมภีร์ใด ฯ
note :" **
[บทความต้นฉบับโดยสมบูรณ์มี ๑๐ ข้อ ๑๐ เนื้อความ]**
นำเรียนท่านผู้เจริญ-สมาชิกฯที่นับถือกันและกันทั้งหลาย,
หากท่านฯมีประสงค์เจตนา-ใฝ่เจริญปัญญาในการ
พิจารณา เหตุใดๆนั้นๆด้วย ข้อธรรมตามจริง ย่อมอ่านต่อทั้ง ๑๐ ข้อ ๑๐ เนื้อความ ได้ตาม link ที่แนบไว้นั้น
และ-หากท่านฯมีความสนใจที่จะทราบว่า
"หนทางลงสู่ขุมอบาย - แหล่งอบาย - และประตูสู่สำนักฯในอบายภูมิ" จาก คหสต. ของ กรองคำ นั้น เป็นไฉน ? -
ท่านฯก็ควรจะกด link เบื้องล่างนี้ไปโดยพลันเถิด!!! ฯ
Credit[ที่มา] :
http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/008856.htm
คือ ๑ ตัวอย่างของคลิปธรรมะบรรยาย โดย ท่านพุทธทาสภิกขุ ที่ชี้ถึง แหล่งอบาย ๔ ขุม..!!!
*อตีเต กาเล ปรุโส...* กาลผ่านมาถ้วน ๑๐ ปี, พิจารณาซ้ำ ณ วันนี้ก็ยังเห็น-เป็นแนวทางเข้าหา *แหล่งอบาย* ชัด-ชัด !!!
ที่บอกว่า เห็น-เห็นนั้น เห็นอย่างไร???
ใจความเต็มของบริบทว่า *เห็น* นี้มาจากข้อความแนวขอรับทราบ คคห. เชิง ปุจฉา ว่า "ท่านเห็นอย่างไร"
ซึ่งเป็นประสงค์เจตนาของท่านเจ้าของบทความ ที่ กรองคำ ยกขึ้นมาพิจารณา, และนำเข้าเป็นแกนเรื่องของกระทู้นี้นั่นเอง
และด้วย คหสต. จากที่มีเวลาและโอกาสได้พิจารณาด้วยปัญญาเท่าที่มี-ในทุกครั้งที่อ่านเนื้อหาจาก บทความนี้ - หลายรอบมากแล้ว ก็ยังเห็นว่า ที่พบเจอและรับรู้จากการอ่านผ่านมานั้น เป็นหนทางสู่ ขุมอบาย เป็นแนวทางแห่ง อบายภูมิทั้ง ๘ ชัด-ชัด!!!!
จึง-ตาม คหสต. ของตน จึงให้ชื่อกระทู้ไปตามจริง-ตามที่ตั้งขึ้นมา ณ วันนี้
ซึ่งจะมีเหตุปัจจัยจากสิ่งอัน-เรื่องราวใด-หรือไม่มีอะไร ... เพียงแต่ต้องการ แชร์บทความ เท่านั้น -ขอยังไม่กล่าวถึง-นะ!!!
แต่ขออนุญาตนำ คคห. ของ จขกท. จากกระทู้ต้นฉบับ ขึ้นมาไว้ที่นี้ด้วย เพื่อให้ ความตรงตามจริง ตรงกับ ความจริงตามธรรม*
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เนื้อความ : จากต้นฉบับ ซึ่งยังมีปรากฏอยู่ใน *เว็บลานธรรม* ยกมาเป็นอุทาหรณ์-ธรรมบรรณาการ แก่ท่านสาธุชน ตามเหตุ-ตามผล ตามกาลเทศะ ซึ่งจาก คหสต. ของ กรองคำ เห็นว่าเป็นบทความอันมีเนื้อหาเหมาะสมแก่กาลปัจจุบัน-พอดีพอควร-สมตามสมัยกาลนิยม แห่ง พ.ศ. นี้แล้ว
หากเราทั้งหลายได้ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูก จะไม่สงสัย ถกเถียง และเห็นเหตุทั้งหลายตามความเป็นจริง
(เอกอิสโร วรุณศรี)
**เพื่อสนับสนุนข้อความข้างต้น จึงใคร่จะขอจะยกเอาตัวอย่าง “ความเห็น” ของบางคณะ บางกลุ่ม ที่สอนสืบๆ กันมา ขอท่านทั้งหลายจงอย่าได้เข้าใจว่าเป็นการจับผิดเลย เป็นแต่เพียงยกมาเพื่อท่านทั้งหลายได้ใช้เป็นบททดสอบและพิจารณาโดยปัญญาของท่าน เพื่อพิจารณาว่าที่เราได้ตั้งเป็นกระทู้ว่า หากเราทั้งหลายได้ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูก จะไม่สงสัย ถกเถียง และเห็นเหตุทั้งหลายตามความเป็นจริง นั้น มีความเป็นจริงมากน้อยเพียงใด ดังนี้...
(คำ-ความในวงเล็บ[ _ ]คือส่วนของ คหสต.)
๐๑. ในสมัยของพระเจ้ากนิษกะมหาราช แห่งราชวงศ์กุศาณ แพร่หลายมาถึงชวา มลายู และ ไทย มีพระเถระที่มีชื่อเสียงหลายรูป เช่นพระอุปคุปตเถระ, พระปารศวเถระ, พระวสุมิตร [แต่พระเถระ] ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ *พระอัศวโฆษ* นักประพันธ์เอกของอินเดีย [ท่าน] เคยเป็นพราหมณ์มาก่อน [ท่าน] เห็นพราหมณ์ทำลายพุทธจนเกือบหมดไปในขณะนั้น จึงเข้ามาแก้ไขสถานการณ์
ด้วยการเอาคำสอนของพราหมณ์มาห่อหุ้มคำสอนพุทธเอาไว้ โดยแต่งพุทธประวัติเสียใหม่ชื่อว่า *พุทธจริต*
[อันมีแก่นใจความ] ว่า เดิมพระพุทธเจ้านั้นเป็นเทวดา ชื่อท้าวสันดุสิตเทวราช อยู่บนสวรรค์ของพราหมณ์ อวตารลงมาเป็นพระพุทธเจ้าเพื่อช่วยเหลือมนุษย์
[แต่] เมื่อตรัสรู้แล้วคิดจะไม่สอนมนุษย์ (มีใจโลเล) ก็มี ท้าวสหัมบดีพรหม* ของพวกพราหมณ์มาอาราธนาให้แสดงธรรม เป็นต้น
นอกจากนี้ อัศวโฆษ ยังได้แต่งนิทานเกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิดของพระพุทธเจ้า ๕๔๗ เรื่อง เรียกว่า*พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ*
และเอาบารมี ๑๐ คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา มาแต่งนิทานประกอบ
ให้เป็นบุคลาธิษฐานอีก ๑๐ เรียกว่า *ทศชาติ* และชาติสุดท้ายแต่งเป็นนิทาน(ชาดก)
[อันมีแก่นใจความ] ว่า พระพุทธเจ้าได้เกิดเป็นพระเวสสันดร เป็นเรื่องยาวที่สุด จึงเรียกว่า *มหาชาติชาดก*
เรื่องนิทานโกหกอย่างนี้มหาชนชอบ เพราะสนุกดีและพราหมณ์ก็พอใจ ไม่เบียดเบียนทำร้ายเหมือนเมื่อก่อน พุทธศาสนาจึงอยู่คู่กับพราหมณ์ได้ด้วยความสงบมาหลายร้อยปี
นิกายนี้เรียกว่า นิกายสรวาสติวาทิน หรือ สรรวาสติวาทิน ต่อมาได้ไปเจริญรุ่งเรืองอยุ่ในลังกา ได้ผสมกลมกลืนกับนิกายมหาสังฆิกะ ซึ่งเป็นมหายานฝ่ายใต้ ที่ได้มีการแต่งพระสูตรขึ้นใหม่หลายสูตรแล้วเอาใส่ในพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า อ้างว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้ที่นั่นที่นี่ในสมัยพุทธกาล ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่มีการกล่าวไว้ในคัมภีร์ใด ฯ
note :" **[บทความต้นฉบับโดยสมบูรณ์มี ๑๐ ข้อ ๑๐ เนื้อความ]**
นำเรียนท่านผู้เจริญ-สมาชิกฯที่นับถือกันและกันทั้งหลาย,
หากท่านฯมีประสงค์เจตนา-ใฝ่เจริญปัญญาในการ พิจารณา เหตุใดๆนั้นๆด้วย ข้อธรรมตามจริง ย่อมอ่านต่อทั้ง ๑๐ ข้อ ๑๐ เนื้อความ ได้ตาม link ที่แนบไว้นั้น
และ-หากท่านฯมีความสนใจที่จะทราบว่า "หนทางลงสู่ขุมอบาย - แหล่งอบาย - และประตูสู่สำนักฯในอบายภูมิ" จาก คหสต. ของ กรองคำ นั้น เป็นไฉน ? - ท่านฯก็ควรจะกด link เบื้องล่างนี้ไปโดยพลันเถิด!!! ฯ
Credit[ที่มา] : http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/008856.htm
คือ ๑ ตัวอย่างของคลิปธรรมะบรรยาย โดย ท่านพุทธทาสภิกขุ ที่ชี้ถึง แหล่งอบาย ๔ ขุม..!!!