ขอความเห็น ติติง วิจารณ์ ผลงานเขียนนิทานหน่อยครับ

เรื่องมีอยู่ว่า

มีลาตัวหนึ่ง ชื่อ "อับ"
อับเป็นลาที่ซื่อสัตย์ มีหน้าที่ขนฟางไปให้ม้ากินในฟาร์ม โดยมีเจ้าของชื่อนุช
นุช เป็นคนเลี้ยงม้าที่ขยันขันแข็ง เธอรู้จักที่ที่มีฟางให้ม้ากินอยู่เสมอ เธอเป็นเพื่อนกับอับ และอับก็เชื่อเสมอว่านุชคือเพื่อนที่ดีที่สุด
ทั้งสองแบกฟางไปแจกม้ากันอย่างมีความสุข และเป็นมืออาชีพ
อับโตขึ้น จากลาเด็ก เป็นลาหนุ่ม และเป็นลาวัยฉกรรจ์  แบกฟางได้มากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้นตามสภาพร่างกายที่กำยำแข็งแรง
นุชโตขึ้นไม่มากเท่า  แค่จากสาวน้อย เป็นสาวไม่น้อย  และค่อย ๆ มีเพื่อนฝูงมากมายให้คบหา  งานอดิเรกของนุชคือการพบปะเพื่อนฝูง สังสรรค์พูดคุยกันกับเพื่อนที่เป็นมนุษย์  ด้วยภาษามนุษย์
อับพูดภาษามนุษย์ไม่ได้  จึงได้แค่รอให้นุชเที่ยวกับเพื่อนให้พอแล้วค่อยกลับมาหาอับ  แล้วจะได้มาทำงานขนฟางด้วยกันอย่างที่เพื่อนเคยทำ
รอบตัวอับ ไม่มีลาตัวอื่นเลย  ที่ไกล้ที่สุดก็เป็นตัวที่อยู่อีกฟาร์มนึง  ทำงานขนฟางเลี้ยงม้าอยู่เหมือนกัน  อับอยากให้นุชพาอับไปเที่ยวบ้าง
ลา 1 ตัว สามารถขนฟางได้ทีละสามมัด  ถ้าระยะไกลหน่อยก็สองมัด  งานของอับคือการทำให้ม้าอยู่ดีกินดี โดยที่นุชได้ประโยชน์จากค่าจ้างขน อับได้ประโยชน์จากอาหารและความเป็นเพื่อนจากนุช   แม้จะทำงานโดยไม่ได้พักผ่อนอับก็มีความสุขดีที่มีนุชเป็นเพื่อน

ฟาง 1 มัด จะมีขนาดไม่เกิน 1 คนโอบเท่านั้น   ใหญ่กว่านั้นคนจะโอบมันขึ้นหรือลงหลังลาไม่ได้
หลังลา 1 ตัว สามารถแบกน้ำหนักได้เกือบ ๆ เท่าน้ำหนักตัวเองสำหรับการเดินเท้าสามสี่ชั่วโมง   แต่บางตัวก็แข็งแรงกว่านั้น   บางตัวก็อ่อนแอกว่านั้น
โดยทั่วไปถ้าลารู้สึกหนักมากจนไม่ใหว มันจะทิ้งตัวลงด้านข้างทิ้งฟางทั้งหมดทันที   เป็นสัญญาณว่า  อย่าว่าแต่เดินสิบก้าวเลย  ยืนเฉย ๆ ก็ยังไม่ใหว
แต่หลังลาหนึ่งตัว แบกฟางได้สามมัดก็จริง แต่สามารถแบกนุ่นได้ 10 กระสอบ  ถ้าเจ้าของรู้จักวิธีมัดที่ถูกต้อง สามารถเดินได้ไกลเท่า ๆ กัน
วันหนึ่ง  ทั้งสองจำเป็นต้องเร่งขนฟางสิบมัดไปยังฟาร์มแห่งหนึ่งให้ทันก่อนห้าโมงเย็น  นุชขอร้องให้อับ แบกฟางให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่เช่นนั้นเธอจะกลับถึงบ้านหลังมืดค่ำ  เธอไม่อยากหลงในป่าตอนกลางคืนและอาจจะอดดูละคร... เธอคุยกับเจ้าลาอับ
ลาฟังภาษามนุษย์ไม่รู้เรื่อง จึงไม่รู้เหตุรู้ผลอะไรตามที่นุชกำลังกังวลอยู่  แต่ลารู้ว่าสีหน้าเพื่อนตอนนี้ไม่ดีเลย อับยินดีทำทุกอย่างเพื่อให้เธอหายความกังวลนั้น
ไม่ทันที่อับจะเข้าไปปลอบ  นุชก็เริ่มแบกฟางมัดที่ หนึ่ง สอง ใส่หลัง  สีหน้าเธอตอนนี้ดูจริงจังและมุ่งมั่นมาก
เธอมองหน้าอับและแบกฟางมัดที่สาม สี่ ใส่หลัง  แล้วมัด
อับเคยแบกฟางสี่มัดมาก่อน แต่ไม่บ่อยนัก ต้องเดิน ๆ พัก ๆ แต่วันนี้นุชดูท่าทางไม่สบายใจ  อับจึงคิดว่า อะไรก็ตามที่นุชต้องการให้ทำ  อับจะทำให้เต็มที่
ฟางมัดที่ห้า ถูกมัดอย่างทุลักทุเล เพราะที่อยู่บนหลังทั้งหมดนั้น สูงจนโดนกิ่งไม้แล้ว  ถ้าสูงไปกว่านี้ คงต้องเดินหลบต้นไม้ใหญ่กันลำบากแน่
มัดที่หกและเจ็ด  ถูกมัดแขวนกับเชือกด้านบน  มัดฟางห้อยติดสีข้างขาหน้า  ถ้ามองมาจากทางด้านหน้าลา  จะเห็นมีใบหน้าของเจ้าลาอับ โผล่ออกมาจากมองฟางสูงเท่ากิ่งไม้
เธอเริ่มเห็นขาของเจ้าลาสั่นอย่างกับโดนฝูงลิงเขย่า เธอลูบหัวลาเบา ๆ แต่สายตาจ้องอยู่ที่ฟางอีกสามมัด และสีข้างขาหลัง ทั้งสองข้าง
นุชคิดว่าเธอคงจะเดินโอบไปได้ด้วยสองมือตัวเองสักมัด  เท่านี้ก็ครบแล้ว
ขาลาอับสั่นจนน่ากลัว แต่เธอก็ไม่ทันได้สังเกตุเห็น
เจ้าลาอับเริ่มรู้สึกเจ็บปวดทที่ขาทั้งสี่ ตอนนี้มันคิดแต่อยากจะล้มตัวลงไปเพื่อรักษาขามันใว้  แต่เมื่อเห็นเพื่อนรักยังขมักเขม้นกับการแบ่งฟางสองมัดที่เหลือออกเป็นส่วน ๆ  มันก็ยังนึกถึงคำที่ได้สัญญากับตัวเองใว้
เราจะทำให้เพื่อน ให้ได้มากกที่สุด
ฟาง สองมัดที่เหลือ ถูกแบ่งเป็น 4 มัดเล็ก เพื่อทยอยผูก เป็นวิธีการถ่วงน้ำหนักให้สมดุล
ค่อย ๆ มัดเข้าไปทีละมัด  
มัดแรก เจ้าลาเจ็บปวดจนมีเสียงร้องเบา ๆ ออกมา
มัดที่สอง เสียงร้องดังขึ้น
มัดที่สาม ลาอับร้องโหยหวน ขาสั่นจนแทบจะไม่เชื่อสายตาว่ามันยังยืนอยู่ได้  
ลาอับเจ็บปวดที่สุดในชีวิต แต่ความเจ็บก็ทำลายคำมั่นสัญญาที่ให้ใว้ไม่ได้ เพื่อนต้องผ่านพ้นความกังวลนี้ไปให้ได้  เจ้าลาอับคิด
มัดสุดท้าย  นุชตัดสินใจแกะมัดออกและ เอามันเข้ามาเสียบตามซอกมัดใหญ่ ทีละช่อ  ๆ  และทีละเส้น
ขาเจ้าลาไม่ล้าและสั่นไปกว่านี้อีกแล้ว น้ำตาลาเริ่มใหลออกมาพร้อมเสียงโดยหวนเท่าเดิม
ไม่ว่าจะเอาฟางเสียบเพิ่มมากี่เส้น  เสียร้องเจ็บปวดและน้ำตาก็ออกมาใจปริมาณเท่าเดิม
นุชบรรจงเอาเส้นฟางเสียบ ๆ เข้ามาในมัดฟางทีละเส้น ๆ แต่เสียงร้องเจ็บปวดของลาที่ดังเท่าเดิม ทำให้เธอคิดว่า ลาทนได้ขนาดนี้แล้ว มากกว่านี้ก็คงทนเท่ากัน ใว้เสร็จงานนี้เธอจะให้เจ้าลาพักสักสัปดาห์ หรืออาจจะชวนไปเที่ยวเหมือนที่เธอทำกับเพื่อนที่เป็นมนุษย์
ฟางเหลือไม่มาก ขาสั่นเท่าเดิม  น้ำตาใหลเท่าเดิม  เสียงร้องเท่าเดิม แต่นุชคลายกังวลลงไปมาก  แค่นั้นเจ้าลาก็ยิ้มออกมาด้วยความชื่นใจ
เหลือฟางในมืออีกไม่กี่เส้นเท่านั้น ซอกให้ยัดฟางก็เริ่มจะเต็มแล้ว  ถ้าค่อย ๆ เสียบค่อย ๆ วางไปทีละเส้นตามซอกและที่ที่ยังพอหาได้  ฟางก็จะหมด เราจะได้เริ่มเดินทางเสียที.. นุชคิด
เธอวางฟางทีละเส้นอย่างนุ่มมือที่สุดเท่าที่จะทำได้ ...  

กร๊อบ....!!
เสียงกระดูกหัก !!  
ไม่ใช่กระดูขาของลาที่ยังสั่นอยู่ แต่เป็นกระดูกสันหลัง ตั้งแต่คอจนถึงสะโพกที่เชื่อมด้วยข้อต่อใขสันหลัง  ตอนนี้มันขาดออกจากกันแต่ยังพยุงเป็นร่างอยู่ได้ด้วยผิวหนังกล้ามเนื้อ  ดูไปเหมือนกางเกงที่ยางยืดย้วย
เจ้าลาล้มลง ทำเอาฟางทั้งหมดที่หลังกระแทกทับและหลุดหล่นลงมากระจัดกระจาย  แม้นุชพยายามพยุงใว้ก็แลดูไร้ประโยชน์
กระดูกสันหลังลาที่หัก ส่งผลไปถึงต้นคอและสมอง   เจ้าลาสิ้นชีวิต นอนแน่นิ่งตาค้าง  โดยที่มันเองก็ไม่ทันรู้ตัว
นุกตกใจจนอึ้งไปนานหลายนาที  ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืด และทุกอย่างเงียบสงบ
เสียงร้องเจ้าลาไม่ดังแล้ว  ขาเจ้าลาไม่สั่นแล้ว
นุชเริ่มร้องให้แล้วเข้ามากอดเจ้าลา  และร้องให้เสียงดังขึ้น ๆ กลบเสียงป่า
เธอตะคอกถามทั้งน้ำตากับลาด้วยภาษามนุษย์ ซึ่งแม้แต่ลาเป็น  ก็ยังฟังไม่รู้เรื่อง
" ทำไมแกไม่ล้มตัวลงเมื่อรู้ว่าไมใหว "
" ทำไมแกต้องทนขนาดนี้   แกทำให้ทุกอย่างมันพังหมด "
" ฉันไม่ได้ขนฟางและต้องเดินกลับบ้านคนเดียว  ...  "
" เจ้าลาโง่   แกไม่น่าทำอย่างนี้เลย..แกทำทุกอย่างพังหมดแล้วเห็นใหม "
เธอร้องให้และทุบตีศพเจ้าลาด้วยความโศกเศร้า  ศพนั้นนอนแน่นิ่งไม่มีเสียงร้องและขาไม่สั่นอีกต่อไปแล้ว
แต่ที่ใบหน้าของลา ยังคงมีน้ำตาใหลออกมาอยู่
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่