ที่ฟาร์มแห่งหนึ่งมีเนื้อที่ 4,000ไร่. มีเจ้าของฟาร์มหนึ่งครอบครัวเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ ภายในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ไว้หลากหลายชนิด เช่น
ช้างสำหรับลากซุง
ม้าสำหรับเดินพาเที่ยวรอบฟาร์ม
แกะสำหรับตัดขนขาย
ล่อสำหรับใช้งานขนของและเที่ยวชมฟาร์มและสุดท้ายที่เลี้ยงคือ ลาที่ใช้สำหรับขนฟางและหญ้าเพื่อมาให้สัตว์ต่างในฟาร์มกิน/ขายให้ฟาร์มข้างเคียงและหุ้นส่วนในสหกรณ์ที่ร่วมลงทุน
ลาและล่อมีหลายร้อยตัว มีขนาดตัวและความแข็งแรงที่แตกต่างกันเจ้าของให้ลาและล่อแต่ละตัวจะต้องขนฟางและหญ้าจากท้ายไร่ที่ห่างออกไปกลับประมาน 150 กม.มาที่โรงนา ล่อและลาตัวใดมาถึงก่อนเจ้าของฟาร์มก็จะจัดเตรียมฟางและหญ้าให้กิน
ทำเช่นนี้ทุกๆวันเป็นเวลานานหลายปี
มาอยู่มาวันหนึ่งทางเจ้าของฟาร์มเกิดสงสัยทำไมฟางและหญ้าจึงไม่พอเลี้ยงสัตว์ในฟาร์มก็เริ่มไปสังเกตุว่าเกิดจากอะไร ล่อและลาขนมาได้น้อยหรอ เจ้าของฟาร์มจึงปรึกษากันว่าจะให้ไอพวกตัวที่แข็งแรงขนฟางและหญ้าเพิ่มขึ้นจากเดิมมันแบก100 กก./ตัว ให้ไอ้ตัวที่ถึงเร็วกว่าตัวอื่นแบกเพิ่มอีกรอบทำจนกว่าตะวันจะตกดินแล้วค่อยให้กินฟางและหญ้าพร้อมกัน
เจ้าล่อและลากลุ่มหนึ่งต่างๆเริ่มเหนื่อย ท้อ เพราะระหว่างทาง ล่อและลาในแต่ละตัวทำหน้าที่เหมือนกันแต่นิสัยไม่ได้เหมือนกันเลย มันมีหลายแบบที่มันจะเป็นไปได้
บางตัวมันหิวก็แอบกินฟางและหญ้าบนหลังเพื่อนบางตัวกินหลังตัวเองไม่พอเห็นตัวข้างๆอ่อนแอกว่าก็แอบกินบนหลังตัวข้างๆบางตัวก็แวะกินใบไม้ใบหญ้าข้างทางทำให้พวกล่อและลาที่ทำงานหนักท้อใจอย่างมาก บางตัวแอบหนี้ไปอยู่ฟาร์มอื่นบ้างตัวเริ่มขาเจ็บเพราะเดินมากขึ้นเป็น2-3รอบ/วันเพื่อให้เจ้าของฟาร์มมีหญ้าและฟางใช้ทันเท่าเดิม
พวกล่อและลาเริ่มล้มเจ็บมากขึ้น
เจ้าของฟาร์มจะทำอย่างไรต่อไป เมื่อเริ่มเห็นปัญหาเหล่าเจ้าของก็คุยกันว่าเอาแบบไหนดีในที่ประชุมออกความเห็นกันหลากหลาย
๑.ขายฟาร์มทิ้ง
๒.ดูแลล่อและลาที่เจ็บปวยมั้ย
๓.ฝึกล่อและลาที่ไม่มีละเบียบมากขึ้น
๔.ขายตัวที่ฝึกไม่ได้ออกไปสั่งซื้อตัวใหม่มาแทน
ทั้งหมดนี้ยังไม่มีใครตอบได้ เพื่อนที่เข้ามาอ่านร่วมแชร์ความคิดเห็นได้นะครับ
ฟาร์มของฉัน
ช้างสำหรับลากซุง
ม้าสำหรับเดินพาเที่ยวรอบฟาร์ม
แกะสำหรับตัดขนขาย
ล่อสำหรับใช้งานขนของและเที่ยวชมฟาร์มและสุดท้ายที่เลี้ยงคือ ลาที่ใช้สำหรับขนฟางและหญ้าเพื่อมาให้สัตว์ต่างในฟาร์มกิน/ขายให้ฟาร์มข้างเคียงและหุ้นส่วนในสหกรณ์ที่ร่วมลงทุน
ลาและล่อมีหลายร้อยตัว มีขนาดตัวและความแข็งแรงที่แตกต่างกันเจ้าของให้ลาและล่อแต่ละตัวจะต้องขนฟางและหญ้าจากท้ายไร่ที่ห่างออกไปกลับประมาน 150 กม.มาที่โรงนา ล่อและลาตัวใดมาถึงก่อนเจ้าของฟาร์มก็จะจัดเตรียมฟางและหญ้าให้กิน
ทำเช่นนี้ทุกๆวันเป็นเวลานานหลายปี
มาอยู่มาวันหนึ่งทางเจ้าของฟาร์มเกิดสงสัยทำไมฟางและหญ้าจึงไม่พอเลี้ยงสัตว์ในฟาร์มก็เริ่มไปสังเกตุว่าเกิดจากอะไร ล่อและลาขนมาได้น้อยหรอ เจ้าของฟาร์มจึงปรึกษากันว่าจะให้ไอพวกตัวที่แข็งแรงขนฟางและหญ้าเพิ่มขึ้นจากเดิมมันแบก100 กก./ตัว ให้ไอ้ตัวที่ถึงเร็วกว่าตัวอื่นแบกเพิ่มอีกรอบทำจนกว่าตะวันจะตกดินแล้วค่อยให้กินฟางและหญ้าพร้อมกัน
เจ้าล่อและลากลุ่มหนึ่งต่างๆเริ่มเหนื่อย ท้อ เพราะระหว่างทาง ล่อและลาในแต่ละตัวทำหน้าที่เหมือนกันแต่นิสัยไม่ได้เหมือนกันเลย มันมีหลายแบบที่มันจะเป็นไปได้
บางตัวมันหิวก็แอบกินฟางและหญ้าบนหลังเพื่อนบางตัวกินหลังตัวเองไม่พอเห็นตัวข้างๆอ่อนแอกว่าก็แอบกินบนหลังตัวข้างๆบางตัวก็แวะกินใบไม้ใบหญ้าข้างทางทำให้พวกล่อและลาที่ทำงานหนักท้อใจอย่างมาก บางตัวแอบหนี้ไปอยู่ฟาร์มอื่นบ้างตัวเริ่มขาเจ็บเพราะเดินมากขึ้นเป็น2-3รอบ/วันเพื่อให้เจ้าของฟาร์มมีหญ้าและฟางใช้ทันเท่าเดิม
พวกล่อและลาเริ่มล้มเจ็บมากขึ้น
เจ้าของฟาร์มจะทำอย่างไรต่อไป เมื่อเริ่มเห็นปัญหาเหล่าเจ้าของก็คุยกันว่าเอาแบบไหนดีในที่ประชุมออกความเห็นกันหลากหลาย
๑.ขายฟาร์มทิ้ง
๒.ดูแลล่อและลาที่เจ็บปวยมั้ย
๓.ฝึกล่อและลาที่ไม่มีละเบียบมากขึ้น
๔.ขายตัวที่ฝึกไม่ได้ออกไปสั่งซื้อตัวใหม่มาแทน
ทั้งหมดนี้ยังไม่มีใครตอบได้ เพื่อนที่เข้ามาอ่านร่วมแชร์ความคิดเห็นได้นะครับ