บทที่ 12
“อ้าวหลิน วันนี้นอนหอเหรอ” ทิชากรทักเลขาฝ่ายช่างที่มาเคาะประตูห้อง “พี่นนท์ไม่ได้มารับหรือ”
“หลินสอนเดือนนี้ค่ะ เลยขอคุณนนท์นอนที่หอ” สุธีราตอบ ตอนแรกคิดว่าปุณยนนท์จะไม่อนุญาต แต่อาจจะเพราะช่วงนี้เขากลับดึกมาก มารับเธอกลับบ้านแล้ว ยังออกไปข้างนอกอีก
“ก็ดี นี่อาดังก็ไปงานยังไม่กลับมาเลย” ทิชากรบ่น
สุธีราเปิดตู้เอาเสื้อผ้าจากกระเป๋าเข้าเก็บ มองนาฬิกาแล้วก็แอบยิ้ม นี่ยังไม่ถึงสองทุ่ม เธอเพิ่งจะสอนเสร็จ ถ้าการินไปงานสังคม ตีสองคือเวลามาตรฐานที่เขาจะกลับ แต่ทิชากรบ่นเหมือนว่าเขาควรจะกลับมาตั้งแต่หกโมงเย็น
“อี๊ไม่ไปด้วยหรือคะ”
“ไม่ไปล่ะ งานมีแต่เด็กๆ เพื่อนๆ อี๊ไม่มีใครไป เลยปล่อยอาดังไปคนเดียว”
พูดแล้วทิชากรก็นึกได้ถึงหนังสือที่เพิ่งเปิดอ่านค้างยังวางอยู่บนโต๊ะเล็ก ทั้งรูปอาดัง หนูแอ้มแล้วยังปุณยนนท์ สาวใหญ่รีบเดินไปหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมา หัวคิดวิ่งเร็วจี๋ว่ายังมีเล่มไหนที่มีรูปปุณยนนท์และอรนภาอีกบ้าง มองไปทางสุธีราที่พอจัดเสื้อผ้าเข้าตู้เสร็จ ก็เข้าห้องน้ำอาบน้ำเตรียมตัวนอน
สุธีราคิดว่าตัวเองจะได้หลับแต่หัวค่ำบ้างไม่ต้องรอปุณยนนท์กลับมา แล้วยังไม่ต้องโดนสามีก่อกวนอีกนานกว่าจะยอมให้หลับ คืนนี้ยามไม่มีไออุ่นของชายหนุ่มแม้จะซุกตัวใต้ผ้านวมผืนหนาก็ไม่อาจทำให้หญิงสาวหลับตาลงได้
นาฬิกาหัวเตียงบอกเวลาใกล้เที่ยงคืน เวลาที่ปุณยนนท์กลับบ้าน สุธีราพลิกตัวนอนตะแคงมองผ่านรอยแยกของผ้าม่านมองเห็นไฟสลัวๆ ได้ยินเสียงพลิกตัวจากเตียงอีกเตียง ทิชากรเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือก่อนนอน บางทีก็เตลิดไปจนเกือบสว่าง หากหญิงเหล็ก อี๊ทิของคนทั้งบริษัทก็สามารถลุกจากที่นอนแต่งตัวไปทำงานในตอนเช้าได้อย่างสดชื่นราวกับนอนหลับตั้งแต่หัวค่ำ
สุธีรานั้นด้วยความเกรงใจไม่ได้บอกทิชากรว่าเธอชินกับการนอนปิดไฟเพราะเหตุผลทางเศรษฐกิจที่ต้องประหยัด พอมานอนร่วมห้องกับทิชากร สุธีราก็ฝึกตัวเองจนหลับได้แม้ไฟจะเปิดสว่างจ้าแค่ไหนก็ตาม แต่ตอนนี้เพราะความเคยชินในเวลาไม่นานเธอถึงกลับไม่รู้สึกง่วงเลยเชียวหรือ หากไม่เลยเวลาที่เขากลับมา
เสียงโทรศัพท์ที่วางเอาไว้ริมหมอนสั่นก่อนส่งเสียงเบาสุดตามที่ตั้งไว้ สุธีรารีบรับด้วยความเกรงใจทิชากร อี๊ทิของคนในบริษัทเหลือบตาจากหนังสือในมือมามอง ก่อนเอ่ยปากล้อเบาๆ
“พี่นนท์ใช่ไหม”
สุธีราได้แต่ยิ้มเขิน ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะเสีย
“สวัสดีค่ะ”
“หลิน นอนหรือยัง”
“ยังค่ะ” สุธีราตอบเสียงเบาด้วยความเกรงใจทิชากร
“ขอออกมาได้ไหม พี่อยู่ข้างหน้านี่เอง”
“เอ่อ...”
“ถ้าพี่นนท์บอกให้ลงไปหา ก็เล่นตัวเสียหน่อยค่อยลงไปนะ อี๊นอนคนเดียวได้ นิยายกำลังสนุก จะได้บ่นพระเอกนางเอกงี่เง่าได้ไม่ต้องเกรงใจหลิน” ทิชากรบอกเหมือนจะรู้ใจคนโทรมา
เสียงปุณยนนท์หัวเราะเบาๆ ได้ยินเสียงที่ดังไม่น้อยของทิชากรอย่างชัดเจน แล้วเขาก็กระซิบเสียงนุ่ม “ลงมาเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มาส่งแต่เช้า ค่อยมาแต่งตัวที่นี่ก็ได้”
สุธีราหน้าแดงก่อนรับคำเสียงเบาหวิว “ค่ะ”
พอหญิงสาวร่วมห้องขยับตัวลงเตียงพร้อมเก็บที่นอนให้เรียบร้อย รอยยิ้มก็ขยายกว้างเต็มหน้าทิชากร
“ฝากจุ๊บพี่นนท์ทีหนึ่งนะหลิน ห้ามลืมล่ะ อี๊จะโทรไปถามพี่นนท์พรุ่งนี้”
“อี๊คะ” สุธีราเรียกกึ่งปรามกึ่งอ่อนใจ
สาวใหญ่เพียงแต่หัวเราะเบาๆ โบกมือให้ลูกน้องสาวที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้รัดกุม พร้อมเก็บของใช้จำเป็นใส่กระเป๋าหิ้วไปได้
“รีบไป เดี๋ยวพี่นนท์ใจร้อนขึ้นมาตาม อี๊จะไปแทนนะ” สาวใหญ่หรี่ตาล้อ
สุธีรายิ้มตอบ ก่อนเปิดประตูออกไป กดล็อกให้เรียบร้อย ทิชากรลุกไปลงกลอน ก่อนเดินไปยืนดูที่หน้าต่าง จนเห็นร่างเล็กๆ ของลูกน้องสาวขึ้นรถของปุณยนนท์ไปเรียบร้อยแล้ว ถึงได้หยิบนิยายกลับไปนอนอ่านตามเดิม
การินเลี้ยวรถเข้าที่จอดประจำ กำลังจะขึ้นตึกนอนเห็นไฟรถเลี้ยวเข้ามาจอดบริเวณริมรั้วด้านนอก ยามเดินออกไปสอบถามก่อนจะกลับมาประจำที่ตู้ยามเช่นเดิม คิ้วเข้มขมวดอย่างสงสัย เดินไปดูในระยะใกล้ บริเวณที่เขายืนอยู่เป็นเงาของต้นไม้ทำให้คนข้างนอกมองไม่เห็น แต่เขาจะเห็นชัดแจ๋ว ปุณยนนท์มาทำอะไรที่นี่ หรือว่าคืนนี้สุธีรามานอนที่หอ นายช่างใหญ่ทวนความทรงจำ วันนี้ เดือนนี้ทั้งเดือนเลยที่สุธีรามีสอนเด็กนักเรียน ริมฝีปากบางแย้มกว้าง ส่ายศีรษะน้อยๆ เมื่อเห็นร่างลูกน้องสาว เดินแกมวิ่งลงจากตึกมาขึ้นรถคันงาม
พี่นนท์ พี่นนท์ ไปส่งอีกคนมารับอีกคน แล้วถ้าเกิดทั้งสองคนรู้เข้า ชีวิตหนุ่มของพี่นนท์จะเป็นยังไงนะ ชักอยากจะรู้เสียแล้วซิ
“อี๊ทิฝากมาค่ะ” ทันทีที่เข้ามานั่งในรถ สุธีราก็รีบชะโงกไปประทับจูบบนแก้มของปุณยนนท์ ชายหนุ่มหันมาเลิกคิ้วมองภรรยาตัวน้อยที่สาละวนคาดเข็มขัดนิรภัยยิ้มๆ
“พรุ่งนี้จะฝากไปคืน”
สุธีรากล้าพอที่จะส่งยิ้มทะเล้นตอบ “ฝากหลินก็ไม่ไปส่งให้”
“เก่งใหญ่แล้วนะเรา” ปุณยนนท์เอื้อมมือมาบีบจมูก ตามด้วยหอมแก้มอิ่มนวล ก่อนจะออกรถ
You are mine. ตอนที่ 12
“อ้าวหลิน วันนี้นอนหอเหรอ” ทิชากรทักเลขาฝ่ายช่างที่มาเคาะประตูห้อง “พี่นนท์ไม่ได้มารับหรือ”
“หลินสอนเดือนนี้ค่ะ เลยขอคุณนนท์นอนที่หอ” สุธีราตอบ ตอนแรกคิดว่าปุณยนนท์จะไม่อนุญาต แต่อาจจะเพราะช่วงนี้เขากลับดึกมาก มารับเธอกลับบ้านแล้ว ยังออกไปข้างนอกอีก
“ก็ดี นี่อาดังก็ไปงานยังไม่กลับมาเลย” ทิชากรบ่น
สุธีราเปิดตู้เอาเสื้อผ้าจากกระเป๋าเข้าเก็บ มองนาฬิกาแล้วก็แอบยิ้ม นี่ยังไม่ถึงสองทุ่ม เธอเพิ่งจะสอนเสร็จ ถ้าการินไปงานสังคม ตีสองคือเวลามาตรฐานที่เขาจะกลับ แต่ทิชากรบ่นเหมือนว่าเขาควรจะกลับมาตั้งแต่หกโมงเย็น
“อี๊ไม่ไปด้วยหรือคะ”
“ไม่ไปล่ะ งานมีแต่เด็กๆ เพื่อนๆ อี๊ไม่มีใครไป เลยปล่อยอาดังไปคนเดียว”
พูดแล้วทิชากรก็นึกได้ถึงหนังสือที่เพิ่งเปิดอ่านค้างยังวางอยู่บนโต๊ะเล็ก ทั้งรูปอาดัง หนูแอ้มแล้วยังปุณยนนท์ สาวใหญ่รีบเดินไปหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมา หัวคิดวิ่งเร็วจี๋ว่ายังมีเล่มไหนที่มีรูปปุณยนนท์และอรนภาอีกบ้าง มองไปทางสุธีราที่พอจัดเสื้อผ้าเข้าตู้เสร็จ ก็เข้าห้องน้ำอาบน้ำเตรียมตัวนอน
สุธีราคิดว่าตัวเองจะได้หลับแต่หัวค่ำบ้างไม่ต้องรอปุณยนนท์กลับมา แล้วยังไม่ต้องโดนสามีก่อกวนอีกนานกว่าจะยอมให้หลับ คืนนี้ยามไม่มีไออุ่นของชายหนุ่มแม้จะซุกตัวใต้ผ้านวมผืนหนาก็ไม่อาจทำให้หญิงสาวหลับตาลงได้
นาฬิกาหัวเตียงบอกเวลาใกล้เที่ยงคืน เวลาที่ปุณยนนท์กลับบ้าน สุธีราพลิกตัวนอนตะแคงมองผ่านรอยแยกของผ้าม่านมองเห็นไฟสลัวๆ ได้ยินเสียงพลิกตัวจากเตียงอีกเตียง ทิชากรเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือก่อนนอน บางทีก็เตลิดไปจนเกือบสว่าง หากหญิงเหล็ก อี๊ทิของคนทั้งบริษัทก็สามารถลุกจากที่นอนแต่งตัวไปทำงานในตอนเช้าได้อย่างสดชื่นราวกับนอนหลับตั้งแต่หัวค่ำ
สุธีรานั้นด้วยความเกรงใจไม่ได้บอกทิชากรว่าเธอชินกับการนอนปิดไฟเพราะเหตุผลทางเศรษฐกิจที่ต้องประหยัด พอมานอนร่วมห้องกับทิชากร สุธีราก็ฝึกตัวเองจนหลับได้แม้ไฟจะเปิดสว่างจ้าแค่ไหนก็ตาม แต่ตอนนี้เพราะความเคยชินในเวลาไม่นานเธอถึงกลับไม่รู้สึกง่วงเลยเชียวหรือ หากไม่เลยเวลาที่เขากลับมา
เสียงโทรศัพท์ที่วางเอาไว้ริมหมอนสั่นก่อนส่งเสียงเบาสุดตามที่ตั้งไว้ สุธีรารีบรับด้วยความเกรงใจทิชากร อี๊ทิของคนในบริษัทเหลือบตาจากหนังสือในมือมามอง ก่อนเอ่ยปากล้อเบาๆ
“พี่นนท์ใช่ไหม”
สุธีราได้แต่ยิ้มเขิน ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะเสีย
“สวัสดีค่ะ”
“หลิน นอนหรือยัง”
“ยังค่ะ” สุธีราตอบเสียงเบาด้วยความเกรงใจทิชากร
“ขอออกมาได้ไหม พี่อยู่ข้างหน้านี่เอง”
“เอ่อ...”
“ถ้าพี่นนท์บอกให้ลงไปหา ก็เล่นตัวเสียหน่อยค่อยลงไปนะ อี๊นอนคนเดียวได้ นิยายกำลังสนุก จะได้บ่นพระเอกนางเอกงี่เง่าได้ไม่ต้องเกรงใจหลิน” ทิชากรบอกเหมือนจะรู้ใจคนโทรมา
เสียงปุณยนนท์หัวเราะเบาๆ ได้ยินเสียงที่ดังไม่น้อยของทิชากรอย่างชัดเจน แล้วเขาก็กระซิบเสียงนุ่ม “ลงมาเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มาส่งแต่เช้า ค่อยมาแต่งตัวที่นี่ก็ได้”
สุธีราหน้าแดงก่อนรับคำเสียงเบาหวิว “ค่ะ”
พอหญิงสาวร่วมห้องขยับตัวลงเตียงพร้อมเก็บที่นอนให้เรียบร้อย รอยยิ้มก็ขยายกว้างเต็มหน้าทิชากร
“ฝากจุ๊บพี่นนท์ทีหนึ่งนะหลิน ห้ามลืมล่ะ อี๊จะโทรไปถามพี่นนท์พรุ่งนี้”
“อี๊คะ” สุธีราเรียกกึ่งปรามกึ่งอ่อนใจ
สาวใหญ่เพียงแต่หัวเราะเบาๆ โบกมือให้ลูกน้องสาวที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้รัดกุม พร้อมเก็บของใช้จำเป็นใส่กระเป๋าหิ้วไปได้
“รีบไป เดี๋ยวพี่นนท์ใจร้อนขึ้นมาตาม อี๊จะไปแทนนะ” สาวใหญ่หรี่ตาล้อ
สุธีรายิ้มตอบ ก่อนเปิดประตูออกไป กดล็อกให้เรียบร้อย ทิชากรลุกไปลงกลอน ก่อนเดินไปยืนดูที่หน้าต่าง จนเห็นร่างเล็กๆ ของลูกน้องสาวขึ้นรถของปุณยนนท์ไปเรียบร้อยแล้ว ถึงได้หยิบนิยายกลับไปนอนอ่านตามเดิม
การินเลี้ยวรถเข้าที่จอดประจำ กำลังจะขึ้นตึกนอนเห็นไฟรถเลี้ยวเข้ามาจอดบริเวณริมรั้วด้านนอก ยามเดินออกไปสอบถามก่อนจะกลับมาประจำที่ตู้ยามเช่นเดิม คิ้วเข้มขมวดอย่างสงสัย เดินไปดูในระยะใกล้ บริเวณที่เขายืนอยู่เป็นเงาของต้นไม้ทำให้คนข้างนอกมองไม่เห็น แต่เขาจะเห็นชัดแจ๋ว ปุณยนนท์มาทำอะไรที่นี่ หรือว่าคืนนี้สุธีรามานอนที่หอ นายช่างใหญ่ทวนความทรงจำ วันนี้ เดือนนี้ทั้งเดือนเลยที่สุธีรามีสอนเด็กนักเรียน ริมฝีปากบางแย้มกว้าง ส่ายศีรษะน้อยๆ เมื่อเห็นร่างลูกน้องสาว เดินแกมวิ่งลงจากตึกมาขึ้นรถคันงาม
พี่นนท์ พี่นนท์ ไปส่งอีกคนมารับอีกคน แล้วถ้าเกิดทั้งสองคนรู้เข้า ชีวิตหนุ่มของพี่นนท์จะเป็นยังไงนะ ชักอยากจะรู้เสียแล้วซิ
“อี๊ทิฝากมาค่ะ” ทันทีที่เข้ามานั่งในรถ สุธีราก็รีบชะโงกไปประทับจูบบนแก้มของปุณยนนท์ ชายหนุ่มหันมาเลิกคิ้วมองภรรยาตัวน้อยที่สาละวนคาดเข็มขัดนิรภัยยิ้มๆ
“พรุ่งนี้จะฝากไปคืน”
สุธีรากล้าพอที่จะส่งยิ้มทะเล้นตอบ “ฝากหลินก็ไม่ไปส่งให้”
“เก่งใหญ่แล้วนะเรา” ปุณยนนท์เอื้อมมือมาบีบจมูก ตามด้วยหอมแก้มอิ่มนวล ก่อนจะออกรถ