ฟิลิปปินส์ยกเครื่องสาธารณูปโภค ทุ่มครั้งใหญ่แสนล้านเหรียญแซงหน้าไทย-อินโดฯ

กระทู้ข่าว


โกลด์แมน แซกส์ระบุเงินลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานฟิลิปปินส์มีแนวโน้มพุ่งสูงแตะ 110,000 ล้านดอลลาร์ในอีก 7 ปีข้างหน้า สูงสุดในบรรดา 4 ประเทศอาเซียน เทียบอินโดนีเซีย ไทย และมาเลเซีย หากรัฐบาลฟิลิปปินส์ต้องการผลักดันให้ประเทศเติบโตสูงสุดในบรรดาชาติอาเซียนรองจากสิงคโปร์

ฟิลิปปินส์ เดลี่ อินไควเรอร์รายงานว่า นายแอนดรูว์ ติตัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์โกลด์แมน แซกส์ เปิดเผยถึงรายงานเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของ 4 ประเทศอาเซียน โดยระบุว่า ฟิลิปปินส์ต้องการเงินลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานสูงสุดในบรรดา 4 ประเทศ เมื่อเทียบกับไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย โดยต้องการเงินลงทุนด้านนี้จำนวน 110,000 ล้านดอลลาร์ในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 2563

ปัจจุบันการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานต่อจีดีพีประเทศอยู่ที่ 2% และอาจเพิ่มขึ้นเป็น 4-5% ภายใน 7 ปีข้างหน้า เนื่องจากประเทศมีความต้องการด้านโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น

นายติตันกล่าวว่า ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีอัตรารายได้ต่อหัวต่ำที่สุดหากเทียบกับไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ทั้งยังติดอันดับประเทศที่มีระบบโครงสร้างพื้นฐานแย่ของโลกด้วย

ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวของโกลด์แมน แซกส์อ้างอิงถึงการจัดอันดับของเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ที่ระบุว่า ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานแย่สุดในบรรดา 4 ประเทศ โดยฟิลิปปินส์ได้คะแนน 3.2 ขณะที่มาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซียได้ 5.1, 4.6 และ 3.8 คะแนน ตามลำดับ

นายติตันเพิ่มเติมว่า หากรัฐบาลฟิลิปปินส์เพิ่มการใช้จ่ายเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานได้ ก็จะเป็นกุญแจหลักที่ขับเคลื่อนการลงทุนของประเทศ ทั้งนี้ เงินลงทุนจำนวน 110,000 ล้านดอลลาร์ เป็นการคำนวณในช่วงปี 2556-2563 โดยเปรียบเทียบกับแผนพัฒนาของประเทศฟิลิปปินส์ช่วงปี 2554-2559 โดยการประเมินตัวเลขการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวของโกลด์แมน แซกส์ สูงกว่าที่รัฐบาลฟิลิปปินส์คาดการณ์ราว 40,000 ล้านดอลลาร์

เงินลงทุนดังกล่าวสามารถแบ่งออกเป็นโครงการด้านพลังงาน 46,000 ล้านดอลลาร์ โครงการถนน 24,000 ล้านดอลลาร์ รถไฟ 23,000 ล้านดอลลาร์ ท่าเรือ 8,000 ล้านดอลลาร์ ระบบน้ำและสุขอนามัย 6,000 ล้านดอลลาร์ และสนามบิน 2,000 ล้านดอลลาร์

"การลงทุนด้านอื่น ๆ ที่ไม่ใช่โครงสร้างพื้นฐานเติบโตในระดับคงที่ รายงานของเราแนะว่า การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของฟิลิปปินส์สามารถทำให้การลงทุนโดยรวมเติบโตได้ราว 20% ไปจนถึงปี 2563" นายติตันกล่าว

อย่างไรก็ตาม รายงานฉบับดังกล่าวระบุว่า ช่วงปี 2556-2563 อินโดนีเซีย ไทย และมาเลเซียต้องการเงินลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานจำนวน 235,000 ล้านดอลลาร์ 105,000 ล้านดอลลาร์ และ 100,000 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ


http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1370487572

****************************************

แย่จังเล๊ยยยย..รัฐบาลฟิลิปปินส์ ไม่รู้จักมาปรึกษา รัฐมนตรีคลังโลก อย่างนาย กรณ์ เผื่อจะได้ประหยัดงบประมาณ์ได้เยอะเลย

มีอย่างที่ไหน รัฐบาลไทยลงทุน 2 ล้านล้านบาท ยังถูกหาว่า "ขายชาติ"

แล้วรัฐบาล ฟิลิปปินส์ คงกะจะ "ขายชาติ's" (มี "s" ให้รู้ว่าขายนานๆ ยิ้ม ) ตามแบบนี้ เสียวินัยทางการเงินหมด

ฝากถึงเหล่าไดโนเสาร์แห่งประเทศไทยทั้งหลายนะครับ โลกกำลังเปลี่ยน ยุคของไดโนเสาร์กำลังหมดไป

ควรสูญพันธุ์ไปดีๆ อย่าทำตัวสวนกระแสโลก แล้วทำให้อนาคตของไทย ล้าหลังกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่