บทนำ
บทที่
1
ตอนนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในอนิเมนั่นแหละ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บทที่ 2 สัตว์ร้ายตรงหน้าเป็นเพียงภาพมายา
(幻と言われたあの怪物が目の前に = สัตว์ประหลาดที่เป็นเพียงภาพมายาตัวนั้น มาปรากฏอยู่ตรงหน้า (ขอบคุณคุณ Lemonade4-0 ครับ))
แล้วผมกับคนที่ไม่รู้จะเรียกว่าป่วยได้รึเปล่า ก็มาถึงห้องพยาบาลที่ชั้น 1 ที่ปกติต้องเป็นคนป่วยถึงจะมาที่นี่ได้
ขณะที่ผมกำลังคิดหนัก หาเหตุผลไว้ตอบว่าทำไมถึงได้มาห้องพยาบาล ทาคานาชิก็เข้าไปในห้องซะแล้ว
ผมเลยตามเข้าไปอย่างไม่มีทางเลือก แต่ดูเหมือนครูพยาบาลจะไม่อยู่แฮะ
มีพูดกันว่าครูพยาบาลของโรงเรียนเป็นชายหนุ่มรูปงามล่ะ ได้ยินแบบนั้นก็ทำให้อยากตบมุกกลับเหมือนกันว่า ปกติต้องเป็นครูสาวแสนสวยไม่ใช่รึไง
ผมเองก็ไม่เคยเจอซักกะทีเหมือนกัน แต่ดูเหมือนเหล่าสาวๆมักจะมีข้ออ้างต่างๆนานาเพื่อจะมาพบกับครูคนนี้ ทั้งว่าป่วย ปวดท้อง บาดเจ็บ สารพัดเหตุผลเลย ทั้งๆที่มันเป็นแค่ข่าวลือนะเนี่ย
ถึงผมจะอยากเจอกับครูคนนึ้ดูซักครั้งเหมือนกันว่าเป็นคนแบบไหน แต่การที่ไม่ได้เจอตอนนี้ก็ดีไปอย่างล่ะ
“ไม่มีใครเลย”
ทาคานาชิพูดออกมาด้วยเสียงเรียบๆ ผมตอบกลับไป
“น่าจะอย่างนั้นนะ”
“แล้วไงกันต่อดี?”
“ตาเธอเจ็บไม่ใช่รึ……?”
“อะ….เจ็บจัง…”
ช้าไปแล้วเธอจ๋า
จากที่มองๆดู ไม่มีใครอยู่เลยแฮะ ไม่มีใครมานอนพักอะไรเลยด้วย ทาคานาชิตอนนี้ก็ไปนั่งที่เก้าอี้ที่ว่างอยู่ แล้วก็รื้อหายาหยอดตาโดยไม่ได้รับอนุญาตทั้งแบบนั้น
ถึงจะบอกว่าเจ็บตาหนักแค่ไหนก็เถอะ ยังไงก็ไม่ควรไปค้นของแบบนั้นนะ!
“โอ๊ะ ชั้นเจอยาหยอดตาแล้ว เดี๋ยวชั้นจะหยอดข้างที่มีสีทองให้นะ”
ตาข้างนั้นมันคงจะแห้งเกินไป แต่ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าใช่แบบนั้นรึเปล่า
ผมมองไปทางทาคานาชิขณะที่หยิบยาหยอดตา
“แน่ใจรึเปล่าว่านั่นคือน้ำศักดิ์สิทธิ์?”
“ไม่ใช่แน่ล่ะ! แล้วน้ำศักดิ์สิทธิ์อะไรล่ะนั่น?”
“ของเหลวอย่างอื่นนอกจากน้ำศักดิ์สิทธิ์อาจทำความเสียหายให้จาโอชินกังได้”
มันอันตรายขนาดนั้นเลยเรอะ แบบนั้นมันน่ากลัวไปนะ จะเหมือนกับซอมบี้ที่ตาถลนออกมานั่นเรอะ
“อืม~ ทำไมไม่ลองทดลองประสิทธิภาพของมันดูก่อนล่ะ? ว่ามันใช้ได้รึเปล่า”
ผมเริ่มเหนื่อยใจ เลยตอบไปว่า “มันคือน้ำศักดิ์สิทธิ์นั่นแหละ!” แต่ใครจะรู้ มันอาจจะมีความศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้างก็ได้
“ตาของชั้นมันก็เหนื่อยล้าเต็มทนแล้ว….เข้าใจล่ะ ถ้างั้นก็ใช้มันได้เลย”
“การตอบรับที่ดูไม่เต็มใจนั่นมันอะไรกัน!?”
เธอเข้าใจมั้ยเนี่ยว่าการรักษาด้วยยากับด้วยวิธีทางศาสนามันต่างกัน จะยังไงก็เถอะ มาหยอดตากันดีกว่า แต่มันคงไม่เป็นไรใช่มั้ยถ้าให้เด็กม.ปลายหยอดตากันเองเนี่ย? แต่ก็ไม่มีทางเลือกอยู่ดีล่ะนะ
ทาคานาชิเงยหน้าขึ้นในท่าทางที่ไร้การป้องกันตัว นั่นทำให้ใจผมเต้นรัว แต่ผมก็พยายามเต็มที่ไม่ให้มือสั่นขณะหยอดตาให้เธอ
“นี่ อย่าขยับสิ!”
“มะ…ไม่นะ….มันกำลังจะเข้ามาแล้ว”
“หยุดทำเสียงแปลกๆนั่นด้วย!”
“อึก…อือ…มองไม่ชัดเลย….”
“อย่าหลบสิ!? มองภาพไม่ชัดเดี๋ยวเดียวเองน่า”
ผ่านไป 10 นาที
สุดท้ายผมก็หยอดตาให้เธอสำเร็จ ใจผมที่เต้นแรงก็สงบลง ผมเหนื่อยล้าทั้งกายและใจเพราะเพียงแค่หยอดตาให้เธอเนี่ยนะ...บ้าชัดๆเลย สงสัยต้องของีบสักนิดแล้ว
“ตาของชั้นฟื้นสภาพแล้ว ขอบคุณในความช่วยเหลือนะยูตะ”
ทาคานาชิที่นั่งอยู่ก้มหัวขอบคุณ
เดี๋ยวสิ เรียกว่ายูตะเหรอ?
เอ๋?
ผมแนะนำตัวกับเธอเมื่อไร?
ยิ่งกว่านั้น ทำไมเป็นชื่อต้นล่ะ?
มีแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจถาโถมมาแหะ
“อ๊ะ ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่รู้ชื่อชั้นได้ยังไงน่ะ?”
“มันเป็นหนึ่งในขั้นตอนตอนทำพันธะสัญญากันน่ะ หรือจะบอกว่าเป็นพลังจากการทำพันธะสัญญากันก็ได้”
“พลังจากการทำพันธะสัญญา…..พูดจริงเรอะนั่น?”
“แน่นอนสิ”
ใจผมเริ่มเต้นแรงอีกครั้ง ไม่ๆๆๆๆ ไม่ใช่แล้ว ไม่ใช่ พลังงั้นเหรอ?
นั่นมันไม่ใช่เรื่องจริงอยู่แล้ว ต้องมีสักครั้งล่ะมั้งที่ผมเคยหลุดปากบอกเธอไป ถ้ายังงั้นก็คงไม่แปลกที่เธอจะจำได้ แต่..ถ้าเธอมีพลังนั่นจริงๆ แปลว่าเธอรู้เรื่องของผมมากกว่านั้นงั้นสิ
ลองทดสอบดูละกัน
“ยอดไปเลยนี่นา งั้นลองบอกเรื่องอื่นที่รู้เกี่ยวกับตัวชั้นอีกหน่อยสิ”
“ตอนวันปฐมนิเทศ นายขึ้นไปที่ดาดฟ้า มองลงมายังสนามกีฬาข้างล่าง แล้วก็พูดว่า ‘วะฮะฮ่า! โลกเป็นของข้าแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่า! ด้วยพลังนี่ โลกเป็นของข้าแล้ว’”
“กว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!”
เธอพูดตะโกนด้วยเสียงหวานๆนั่นทำเอาผมทรุดเลย รู้สึกเสียใจที่ถามออกไปจริงๆ
แล้ว เธอรู้ได้ยังไงกัน?
เดี๋ยวสิ จะว่าไปตอนนั้นผมยังมีนิสัยตอนม.ต้นหลงเหลือนิดหน่อย เลยอยากจะปลดปล่อยมันออกไปเป็นครั้งสุดท้ายจากบนหลังคานั่น! แต่ผมก็มั่นใจแล้วนะว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นแน่ๆน่ะ!
แต่แล้วทำไมตัวผมต้องพูดซ้ำกัน 2 ครั้งล่ะนั่น!?
ตัวผมตอนในตอนนั้นเอ๋ย นายน่าจะตายๆไปซะจริงๆ กระโดดจากดาดฟ้านั่นแล้วตายไปตั้งแต่ตอนนั้นซะเถอะ แต่จากดาดฟ้ามันก็สูงนะ สงสัยคงจะกลัวจนไม่กล้ากระโดดละมั้ง อ๊า! น่าอายจริงโว้ย!
“ชั้นรู้อย่างอื่นอีก อย่างเรื่องที่เสื้อยืดใต้ชุดนักเรียนที่นายใส่ มีตัวอักษร ‘ความมืด’ (闇) อยู่ แล้วก็ยังมีเรื่องอื่นอีกนะ”
[Note: เป็นที่มาของเสื้อในอนิเม]
“เธอ…รู้….ได้….ยัง…ไง......!?”
ผมจะไม่ใส่เสื้อนั่นในวันที่มี ชม.พละ ไม่น่าจะมีใครรู้เรื่องนั้นนี่นา เธอไปรู้เรื่องเสื้อยืดตัวโปรดที่ผมต้องแอบใส่โดยไม่ให้ใครรู้ได้ยังไง...นี่คงไม่ใช่พลังของเธอหรอกนะ?
ให้ตายเถอะพระเจ้า…
“นี่คือพลังของชั้น เป็นพลังที่ผูกมัดยูตะให้อยู่ในพันธะสัญญากับชั้น ดังนั้นการที่ชั้นรู้เรื่องของคู่ทำสัญญามันก็เป็นเรื่องปกตินะ ว่าไงล่ะ? ยอมรึยัง? ชั้นยังรู้เรื่องของนายมากกว่านี้อีกเยอะนะ”
มากกว่านี้อีกเรอะ?!
แล้วยังจะบังคับยัดเยียดเรื่องสัญญานั่นอีก แต่ว่านะ การที่เธอพูดอดีตอันน่าอายของผมออกมาเพื่อพิสูจน์พลังนั่นมันเกินกว่าจะรับได้จริงๆ
สภาพผมตอนนี้กึ่งๆเหมือนตายไปแล้ว แต่ยังพอรับรู้อะไรได้อยู่
แต่ก็นะ การตอบรับพันธะสัญญานั่นไม่ได้แปลว่าผมต้องกลับไปเป็นแบบเก่าซะเมื่อไหร่ (ผมเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ละ) สิ่งเดียวที่น่ากังวลก็คือ การที่ต้องมารู้จักกับคนที่อาจทำให้อาการเก่ากำเริบได้แบบนี้ต่างหากล่ะ
ถึงจะลังเลนิดหน่อย แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นนี่นะ
“ยังไม่เชื่ออีกยังงั้นเหรอ? ยูตะน่ะ…”
“ขะ…เข้าใจแล้ว ตอนนี้ชั้นเข้าใจแล้วว่าถูกผูกมัดด้วยพันธะสัญญากับเธออยู่”
“ดีมาก”
ผมต้องตามน้ำเธอไปยังงั้น
แต่ผมก็ทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้นอกจากยอมรับการทำสัญญานั่น ยังไงก็ตามผมขอสาบานว่าจะไม่กลับเป็นแบบเก่าแน่ๆ ถึงจะโดนบังคับยังไงก็ตาม
“เอาล่ะ ตอนนี้ชั้นอยู่ในสัญญากับเธอแล้ว แล้วชั้นได้ประโยชน์อะไรจากมันบ้างล่ะ?”
“นายสามารถเรียกชั้นว่า ริกกะ ได้”
“ทำให้ชั้นสามารถเรียกเธอด้วยชื่อต้นได้งั้นเหรอ!?”
มันจะเป็นเรื่องธรรมดาเกินไปมั้ย แล้วจะทำสัญญากันไปทำไมล่ะเนี่ย?
ความสงสัยของผมยังมีมาในหัวอย่างไม่หยุด แต่เรื่องแค่นี้เองผมทำตามได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
“งั้น…ริกกะซัง…เป็นไง?”
“ไม่…แค่ริกกะสิ”
ปฏิเสธซะเสียงดังเลย ท่าทางเธอจะไม่อยากให้เรียก “ซัง” เท่าไร แต่จนถึงตอนนี้ผมเอาแต่เรียกเธอว่าทาคานาชิ ผมจะสามารถเรียกเธอด้วยชื่อต้นได้เต็มปากรึเปล่าก็ไม่รู้ ผมคงรู้สึกอายๆที่จะเรียกเธอแบบนั้น ก็นี่มันเป็นครั้งแรกที่เราได้คุยกัน แต่แล้วผมกลับถูกบอกว่าให้เรียกเธอว่า ริกกะ ง่ายๆซะนี่
“อืมมม…ริกกะ?”
“มีอะไรรึ?”
“แค่ลองพูดออกมาแค่นั้นเอง!”
อะไรกันล่ะเนี่ย? แบบนี้มันเรื่องธรรมดาไม่ใช่เรอะ?
มันเป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่รึไงที่จะหัดพูดออกมาเวลาถูกบอกให้เรียกชื่อต้นน่ะ โอย ผมเหนื่อยกับเธอจริงๆ เหนื่อยมากๆ ขนาดตัวผมในอดีตยังน่าจะรู้เรื่องแบบนี้เลย นี่หัวสมองเธอมันเป็นอะไรไปกันแล้วเนี่ย
“สัญญามีแค่นี้รึเปล่า? ถ้าหมดแล้วล่ะก็ ชั้นคงต้องของีบซักหน่อยล่ะนะ”
“นั่นมันแค่ส่วนแรก ต่อจากนี้ไปเป็นความลับ”
“ยังมีอีกเรอะ!?”
“มันเป็นความลับ”
“อะไร!? ทำไมมันเป็นความลับล่ะ?”
“มันเป็นความลับ”
ไม่เข้าใจเธอเลยซักนิดเดียว….อยากจะจะล้มตัวนอนลงไปซะตรงนี้โดยไม่ต้องคิดอะไรซะจริงๆ
แต่คงจะไม่ได้ นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมานอนแน่ๆ ผมต้องรีบทำความเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เพื่อที่จะได้ตอบโต้กับเธอได้ทันท่วงที
ท่าทางทางออกที่ดีที่สุดคือกลับไปที่ห้องเรียนสินะ เอาล่ะ ไปเลยดีกว่า!
“เอาล่ะ ชั้นรับฟังเรื่องที่เธอพูดมาหมดแล้ว แต่ริกกะ ชั้นว่าเธอควรจะพักผ่อนได้แล้วล่ะ ส่วนชั้นจะกลับไปที่ห้องเรียน หวังว่าเธอจะหายเร็วๆนะ”
“เอ๊ะ…..?”
ริกกะดูซึมๆไปทันที ไม่นึกว่าจะได้เห็นสีหน้าแบบนั้นจากเธอแฮะ
ด้วยท่าทางเธอเป็นแบบนั้น ผมคงปล่อยเธอไว้แล้วกลับไปไม่ได้แน่ๆ อ๊า ทำยังไงดีเนี่ย!?
(Chuunibyou LN) บทที่ 2 .... สัตว์ร้ายตรงหน้าเป็นเพียงภาพมายา
บทที่ 1
ตอนนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในอนิเมนั่นแหละ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้