ปีกนางฟ้า (Angel Wing) The Book Of Darkness IV

กระทู้สนทนา

The Book Of Darkness
IV



รีฟอสเดินมายังท้ายเมืองที่อยู่อีกฝากหนึ่งตรงข้ามกับ ราเบอรี่ บาร์ เมื่อเดินมาถึงบริเวณสุสานที่ มีป้ายหินสีขาวปักอยู่มากมาย รีฟอสและเทียน่าเดินผ่านแผ่นหินเหล่านั้นเข้าไปด้านใน ทั้งคู่มาหยุดยืนอยู่หน้าแผ่นหินสีขาวแผ่นหนึ่ง ที่มีอักษรสลักว่า “ทามาร” รีฟอสก้มลงวางดอกไม้ลงบนหน้าหลุมศพ แล้วยืนมองหลุมศพด้วยสายตาเศร้าๆ เมื่อเทียน่าเห็นรีฟอสทำสีหน้าเช่นนั้นก็รู้สึกไม่พอใจแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำ เสียงที่โมโห
“นายจะจมอยู่กับ อดีตไปถึงเมื่อไร” พร้อมกับจ้องมองรีฟอสด้วยสายตาไม่พอใจ รีฟอสหันมองเทียน่าแล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เธอจะมาเข้าใจอะไร” แล้วหันกลับไปมองหลุมศพ
“เธอ รู้ไหมว่า ในหลุมศพของปู่นี้มันว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย” “เพราะร่างของปู่ถูกเผาไปพร้อมกับบ้าน” แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เครียดแค้นจนเทียน่ารู้สึกได้
“และฉันก็เฝ้าตามหากลุ่มชายเหล่านั้นที่ทำลายชีวิตของฉันมาโดยตลอด” เมื่อเทียน่าได้ยินที่รีฟอสพูดเช่นนั้นก็กำมือขึ้น
“นายแก้แค้นแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา” รีฟอสจ้องมองเทียน่าแล้วกำลังจะพูดขึ้น แต่เทียน่าก็พูดขึ้นขัดซะก่อน
“อดีตมันไม่สำคัญหรอก ปัจจุบันและอนาคตต่างหากที่สำคัญ” เมื่อรีฟอสได้ยินเช่นนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่โมโห
“เธอไม่เข้าใจหรอก ว่าอดีตมันสำคัญสำหรับฉันมากขนาดไหน” แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“บางที่ฉันอาจจะอยู่ที่เมืองนี้นานไปแล้วก็ได้” เมื่อพูดจบก็หันมองเทียน่าด้วยสายตาแปลกๆก่อนจะพูดต่อ
“บางทีคง จะถึงเวลาที่ฉันต้องไปจากเมืองนี้เสียที” เมื่อรีฟอสพูดจบก็โดนเทียน่าตบทันที รีฟอสหันมองเทียน่าที่น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสอง เทียน่าจ้องมองรีฟอสพร้อมๆกับพูดขึ้นทั้งน้ำตา
“นายเคยคิดบ้างมั้ยว่าฉัน กับคุณแม่จะรู้สึกยังไงเมื่อนายไป” “นายไม่เคยนึกถึงฉันหรือคุณแม่เลย” เมื่อรีฟอสได้ยินที่เทียน่าพูดก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
“เธอจะแคร์ ทำไมในเมื่อฉันกับเธอก็ไม่ได้เป็นอะไรกันอยู่แล้ว” เมื่อเทียน่าได้ยินรีฟอสพูดเช่นนั้นก็ตบ
รีฟอสอีกที ก่อนจะหันหลังวิ่งออกจากสุสานไป รีฟอสมองตามหลังเทียน่าที่วิ่งออกจากสุสานไป ก็ยกมือขึ้นสัมผัสกับแก้มตนเองที่โดนเทียน่าตบ แล้วเดินออกมาจากบริเวณสุสาน มานั่งที่เก้าอี้ที่ทำจากไม้และมีต้นไม้ใหญ่ที่คอยให้ร่มเงาอยู่ด้านหลัง แล้วนั่งลงพร้อมๆกับจ้องมองสุสานที่อยู่เบื้องหน้า ภาพในอดีตก็ผลุดขึ้นมาในความทรงจำ เป็นอดีตที่พบกับชายที่ชื่อ “โรเว่น” เป็นครั้งแรก
       รีฟอสเฝ้าตามหากลุ่มชายเหล่านั้นที่ทำลายชีวิตของเขา จนมาถึงเมือง “ราเทียน่า” เขาเดินผ่านตัวเมืองที่วุ่นวายที่เต็มไปด้วยผู้คน จนมาถึงบริเวณสุสาน เขานั่งลงที่เก้าอี้ไม้ที่มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาอยู่ด้านหลัง อีกทั้งฝนก็ยังโปรยปรายลงมา ทำให้ รีฟอสต้องนั่งหลบฝนอยู่ใต้ต้นไม้ รีฟอสนั่งมองเม็ดฝนที่กำลังโปรยปรายลงสู้พื้นดินเบื้องล่าง ด้วยความรู้สึกหลากหลาย
“เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร” “แสวงหาอะไรในชีวิต” “ถ้าเราตายไปคงจะได้ไปอยู่กับปู่” ขณะที่รีฟอสกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น ก็มีชายหนุ่มวิ่งเข้ามาหลบฝนใต้ต้นไม้ที่รีฟอสนั่งอยู่ ชายหนุ่มจ้องมองรีฟอสที่นั่งอยู่ก่อนจะก็ยิ้มให้
“ไงเจ้าหนู อากาศหนาวนะ ว่ามั้ย” รีฟอสหันมองคนแปลกหน้าที่ทักทายตนเอง เขามีผมยาวสีทองถูกรวบไว้ด้านหลัง ดวงตาสีดำ ใบหน้าเกลี้ยงเกลา จมูกโด่ง แต่งตัวแบบพวกขุนนาง รีฟอสจ้องมองหน้าคนถามก็คิดในใจว่า ฝนตกอากาศก็ต้องหนาว เป็นเรื่องธรรมดา อยู่แล้ว หลังจากนั้นชายแปลกหน้าก็ชวนรีฟอสคุยอีกหลายเรื่อง แต่รีฟอสก็ไม่ได้สนใจ จนกระทั้งฝนหยุดตก ชายแปลกหน้าก็ลุกขึ้นมายืนตรงหน้ารีฟอส
“หนุ่มน้อย ฉันว่าดวงตาของเธอ ทั้ง เศร้า และ หนาวเหน็บ กว่าฝนที่ตกเมื่อครู่นี้อีก นะ” รีฟอสเงยหน้าขึ้นมองชายแปลกหน้า แล้วสบตากับดวงตาสีดำคู่นั้น ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ชายแปลกหน้าจ้องมองรีฟอสพร้อมๆกับพูดต่อด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ฉันเองก็มีอดีตที่เจ็บปวด” เมื่อพูดจบก็ยื่นมือมาตรงหน้ารีฟอส แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เชื่อมั่นในบางสิ่งบางอย่าง
“อดีต มีไว้จดจำ ไม่ใช่จมอยู่กับมัน” รีฟอสจ้องมองชายแปลกหน้าที่ยื่นมือมาหาตนเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก็ยื่นมือไปจับมืออันแสนอบอุ่นนั้น เมื่อเมฆฝนและความหนาวเหน็บผ่านไป สิ่งที่จะหลงเหลืออยู่ก็มีเพียงแต่ ดวงอาทิตย์อันแสนอบอุ่น และท้องฟ้าอันแสนสดใส
        รีฟอสนั่งมองพระอาทิตย์ที่กำลังฉายแสงสุดท้าย ก่อนจะลับลาขอบฟ้าจากไป แล้วครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ว่าสิ่งที่ตนเองกำลังกระทำอยู่ถูกแล้วหรอ การแก้แค้นคือทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆหรือ รีฟอสเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ยามค่ำคืนที่คืนนี้มีเพียงหมู่ดาวส่องแสงระยิบระยับ อยู่บนท้องฟ้าอันไร้หมู่เมฆบดบัง และดวงจันทร์กลมนมสีเหลืองที่สาดส่องแสงสีนวลลงมา ก็ทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนนี้ สวยงานเป็นพิเศษ รีฟอสลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาเรื่อย จนมาถึงบริเวณจัตุรัสใจกลางเมือง สภาพของจัตุรัสใจกลางเมืองตอนนี้ ร้านค้าหลายร้านทยอยกันปิดหมดแล้ว และผู้คนก็ไม่มีเดินผ่านไปผ่านมา รีฟอสเดินผ่านบริเวณจัตุรัสกลางเมืองไป จนมาถึง บาร์ ที่ตั้งอยู่ท้ายเมือง เมื่อมาถึงก็เปิดประตูเข้าไปภายในร้าน แล้วเดินผ่านประตูเข้ามาก็ พบว่าภายในร้านมีลูกค้าอยู่หลายคน แต่เทียน่ากลับไม่ได้อยู่ช่วย รีฟอสจึงรีบเดินไปหามาสเตอร์ที่กำลังยุ่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ เมื่อเดินมาถึงก็เอ่ยถามถึงเทียน่าด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวน
“เทียน่า ล่ะครับ มาสเตอร์” มาสเตอร์เงยหน้าขึ้นมอง รีฟอสด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง
“เธอสองคนมีเรื่องอะไรกัน หรือเปล่า จ๊ะ” เมื่อได้ยินที่มาสเตอร์ถามรีฟอสก็มีสีหน้าอึดอัด
“คือ ผมกับ เทียน่าทะเลาะกัน นิดหน่อยน่ะครับ” มาสเตอร์เมื่อได้ยินที่รีฟอสตอบก็คลายสีหน้าที่เป็นกังวนลงแล้วพูดต่อด้วย น้ำเสียงปกติ
“มิน่าล่ะจ๊ะ พอกลับมาถึงเมื่อตอนกลางวันก็เอาแต่ หมกตัวอยู่แต่ในห้อง” แล้วหันมองไปทางบันไดขั้นสอง
“ตอน นี้ก็คงยังอยู่ในห้องล่ะจ๊ะ” เมื่อรีฟอสได้ยินที่มาสเตอร์บอกก็รีบเดินไปที่บันไดชั้นสอง ก่อนจะหันกลับมาของคุณมาสเตอร์ แล้วเดินขึ้นไปที่ชั้นสองของบาร์ ชั้นสองของ “Rabery Bar” แบ่งออกเป็น 4 ห้อง
รีฟอสเดินไปเคาะประตูที่มีป้ายแขวนอยู่ ว่า “เทียน่า” หลังจากรีฟอสเคาะประตูไปก็ไม่มีเสียงตอบกลับ
รีฟอสจึงเคาะประตูอีกครั้งพร้อมๆกับส่งเสียงเรียก
“นี่ฉันเอง เทียน่า” “เปิดประตูหน่อยสิ” สักพักหนึ่งก็มีเสียงเทียน่าตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่โมโห
“นายจะมาทำไมอีก จะไปไหนก็ไป” เมื่อรีฟอสได้ยินเช่นนั้นก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ขอ ร้องล่ะเทียน่า ออกมาคุยกันก่อนได้มั้ย” เมื่อเสียงเงียบไปสักพักหนึ่ง บานประตูก็ถูกเปิดออก รีฟอสจ้องมองเทียน่าที่เปิดประตูออกมา ดวงตาสีฟ้าคู่งามนั้น แดงกล่ำจนเห็นได้ชัด ซึ่งน่าจะเกิดจากการร้องไห้อย่างหนัก เทียน่าจ้องมองรีฟอสที่ยืนอยู่แล้วพูดขึ้นด้วนน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจมากนัก
“นายมีอะไร อีก” รีฟอสยิ้มรับ
“เอา เป็นว่า ขึ้นไป คุยกันข้างบนดี กว่า” เมื่อพูดจบรีฟอสก็เดินนำไปที่ห้องสุดท้ายของชั้นสอง แล้วปีนบันไดขึ้นไปด้านบน จนมาถึงบนหลังคาของร้าน เทียน่าก็ปีนตามขึ้นมาพอมาถึงก็นั่งลงข้างๆรีฟอส รีฟอสจ้องมองตัวเมืองที่เห็นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเบื้องหน้า
“นึกถึงสมัยก่อนนะ ที่เราสองคน แอบหนีขึ้นมาบนนี้บ่อยๆ” เทียน่าหันมองรีฟอสที่พูดขึ้น
“อือ โดยคุณแม่ ดุบ่อยๆ ด้วย” เมื่อพูดจบทั้งคู่ก็หัวเราะขึ้นพร้อมกันเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่โดน มาสเตอร์ดุ เพราะแอบหนีขึ้นมาบนนี้ แล้วรีฟอสก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เทียน่า” เทียน่าหันมองรีฟอสที่เรียกตนเอง
“ขอโทษนะ เรื่องเมื่อตอนกลางวัน” เทียน่าได้ยินสิ่งที่รีฟอสพูดก็ยิ้มขึ้น
“ฉัน ตัดสินใจแล้ว ว่าจะเลิกแก้แค้น แล้วใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนี้ต่อไป” เทียน่ามองคนพูดก็ยิ้มขึ้นอย่างดีใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่