ร่างระหงแสนสง่างามหย่อนสะโพกขับกล่อมอารมณ์สุนทรีย์อยู่บนชั้นสองของบาร์ Libertaste นิ้วเรียวยาวประคองแก้วค็อกเทลคริสตัลยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เธอจ้องมองของเหลวสีขาวที่หมุนวนอยู่ภายในแก้วขนาดพอดีมือ
“อ๊าชื่นใจจัง ทำไมฉันถึงได้รักเครื่องดื่มมึนเมาขนาดนี้นะ รสชาติถูกใจจริง ๆ เล้ย”
รสชาติของเครื่องดื่มเย็นเฉียบแต่ให้ความรู้สึกร้อนผ่าวยามไหลลงคอและกลิ่นมิ้นต์หอมติดจมูก เป็นสิ่งเดียวที่สามารถเยียวยาจิตใจหลังจากใช้พลังสู้รบกับความเบื่อหน่ายในโลกแห่งการเป็นผู้ใหญ่ หากได้ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างเต็มที่มันคงน่าเบื่อน้อยกว่าการเป็นลูกน้องพี่ชายตัวเอง
“เฮ้อชีวิตนะชีวิต…”
สายฝนนึกถึง ม่านหมอก พี่ชายที่แสนเจ้ากี้เจ้าการกับทุกสิ่งตั้งแต่พ่อแม่จากไป เกรดเฉลี่ยต้องคงเส้นคงวาห้ามต่ำกว่า 3.80 ต้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด ต้องเรียนหลักสูตรบริหารเพื่อที่จะมาช่วยกิจการของครอบครัว
“เกรดภาษาอังกฤษ ได้ B เองหรอ? อืมม แคนเซิลทริปกับเพื่อนซะ ซัมเมอร์นี้ไปเรียนภาษาเพิ่มสัก 3 เดือนแล้วกันนะ ส่วนเทอมหน้า พี่ขอ A นะสายฝน ในโลกของธุรกิจ ถ้าสายฝนสื่อสารได้ดี สายฝนจะชนะดีลทุกอย่างที่สายฝนอยากได้ เชื่อพี่”
“นี่ไปแอบเรียนทำค็อกเทลมาหรอสายฝน? สนุกมั้ยล่ะ ก็น่าจะสนุกสินะ ถึงได้เทนัดทานข้าวพี่กับคู่ค้าคนสำคัญ ผู้ใหญ่อุตส่าห์เอ็นดู ไม่น่าทำให้ผิดหวังเลยนะ”
สารพัดคำพูดบั่นทอนจิตใจที่สายฝนสะสมไว้ภายในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าถูกม่านหมอกกีดกันในการทำสิ่งที่ชอบ แต่ตอนนี้เธอมีกิจการเป็นของตัวเอง บาร์เล็ก ๆ ถึงแม้ไม่ได้มีรายได้เวอร์วังเหมือนกับธุรกิจโรงแรมของม่านหมอก แต่มุมลับในตรอกซอยตรงนี้แหละที่ทำให้สายฝนมีความสุขกับการทำงานมากกว่า เธอยกเครื่องดื่มแก้วโปรดขึ้นจิบอีกครั้งและแสยะยิ้มให้กับตัวเอง
“อย่าก้าวร้าวสิ ทำธุรกิจกับคนโตกว่าต้องใจเย็นกว่านี้นะ”
“สายฝนยิ้มอีกนิด ยกมือไหวท่าน ส.ส. ตรงนั้นหน่อย อย่าทำให้พี่เสียหน้า”
“เฮ้อ เมื่อไรฉันจะหลุดพ้นจริง ๆ สักทีนะ…” ทำไมสายฝนถึงยอมเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายอยู่ในโอวาทของพี่ชาย?
นี่คงเป็นคำถามที่ตอบยากที่สุดในศตวรรษเลยล่ะมั้ง ความสัมพันธ์ของสายฝนกับพี่ชายอาจฝังรากลึกอยู่ในพลวัตของครอบครัว เพราะม่านหมอกได้กลายมาเป็นผู้ปกครองเต็มตัวในวัยยี่สิบนิด ๆ หลังจากที่พ่อแม่จากไปกะทันหัน
“แหม ๆ เลิกงานจากโรงแรมก็มานั่งบิ้วอารมณ์เงียบ ๆ คนเดียวอีกละ ชวนบ้างไรบ้าง จะติสไปถึงไหนเอ่ย?”
จารวีแย่งค็อกเทลในมือของสายฝนไปดื่มหน้าตาเฉย รสชาติโมฮิโต้สูตรลับของสายฝนนี่ช่างสดชื่นลื่นคอจริงเชียว อันที่จริงไม่ใช่แค่แก้วนี้ที่ถูกปาก แต่ค็อกเทลดริ้งก์ที่ได้ลิสต์บนเมนูวางขายมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ชื่นใจทั้งหมดเลยเพราะสายฝนลงมือปรุงสูตรเองด้วยใจรัก
“ก็เห็นแกเต๊าะสาวอยู่หน้าบาร์หน้าระรื่นเชียว ฉันไม่กล้าขัดหรอกจ้า ”
“เยี่ยมมากเพื่อนรัก ดีมากที่แกไม่ขัด เพราะฉันกระหายการจุ๊บจิ๊บกับสาว ๆ มากกกกก นี่เมื่อบ่ายย่าพึ่งพาหลานชายเพื่อนมาแนะนำให้รู้จัก ฉันนี่
โคตรอึดอัดเลย”
จารวีแสดงสีหน้าเหยเกเมื่อนึกถึงบรรยากาศบนโต๊ะทานข้าวที่บ้าน ผู้ใหญ่พูดจาหว่านล้อมให้หาฤกษ์แต่งงานป้องปากหัวเราะกันสนุกสนาน
“น้องจาร์ก็เฉลยให้คุณย่ารู้สักทีสิว่าชอบจิ้มิ้ไม่ใช่ไอ้จ้อนน่ะ”
“เป็นเล่นไปแก ถ้าย่าความดันขึ้นเป็นลมพับไปนี่ลูกหลานยุ่งกันหมดเลยนะ”
สายฝนกวักมือขอเครื่องดื่มจากบริกรที่เดินผ่านไปมา จนได้โมฮิโต้แก้วที่สองถูกเสิร์ฟวางตรงหน้า จารวีรีบคว้ามายกดื่มเพื่อมอมเมาตัวเองทันที เผื่อว่าคืนนี้จะเป็นอีกคืนที่ไม่ต้องนึกถึงเรื่องราวลำบากใจภายในบ้าน
“ก่อนที่จะยุ่งวุ่นวายก็เฉลยหน่อยเป็นไรไป ฉันฟังแกบ่นเรื่องจับคู่เป็นล้านรอบแล้วมั้ง รำคานหูมากอยากให้รู้”
“อดทนอีกนิดน่าเพื่อนรัก เดี๋ยวได้จังหวะดีแล้วฉันจะบอกเลย ฉันจะบอกย่าให้หมดเปลือกเลยว่าหนูรักหนูหลงผู้หญิงมาก”
“พาสาวเข้าบ้านไปเลยจบๆ อย่ามัวลีลาน่าไอ้จาร์”
“สาวคนไหนอะ? หาได้มีเป็นตัวเป็นตนไม่ คุณเพื่อนก็เห็นนี่นาว่าฉันมันลอยไปลอยมายังหาที่ปักหลักไม่ได้” จารวีอมยิ้ม ไม่ใช่ไม่อยากเปิดตัว แค่ยังไม่พบใครที่กล้าฝากหัวใจเลยสักคน
“เลือกในบรรดากิ๊กแกสักคนดิ มีเยอะนักหนิ”
“ไม่ได้ดิแก จะเปิดตัวทั้งทีขอเป็นคนที่ใช่เลยดีกว่า พรีเซนเทชันต้องปัง จะได้ชนะใจย่าได้ด้วยไง สวยเป๊ะ ฉลาด เผื่อย่าอยากได้หลานสาวคนโปรดเพิ่มอีกคนไรเงี้ย”
“โว๊ะ! กว่าจะเจอคนที่ใช่ ชาตินี้จะได้เฉลยมั้ยนั่น ฉันยังต้องฟังแกบ่นเรื่องผู้ชายอีกกี่สิบคนเอ่ย?”
ขณะที่สายฝนนั่งคุยกับเพื่อนสนิทอย่างออกรส จู่ ๆ ก็มี ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันดึงดูดความสนใจจากหางตา
“แกมองไรวะสายฝน?”
“แป๊บนะแก ฉันว่ามีอะไรแปลก ๆ”
ดวงตาอันแหลมคมหรี่ลงขณะที่เธอสังเกตเห็นชายร่างกำยำลากผู้หญิงคนหนึ่งอย่างเร่งรีบไปยังมุมลับตาคน ใบหน้าของผู้หญิงตัวเล็กที่กำลังถูกหอบหิ้วแต่งแต้มไปด้วยความกระอักกระอ่วน ผู้หญิงคนนั้นอ้าปากพยายามเปล่งเสียงขอความช่วยเหลือแล้วแต่ถูกเสียงเพลงกลบไปจนหมด
ตามสัญชาตญาณของมนุษย์เมื่อสัมผัสได้ถึงความไม่ปลอดภัย เธอวางค็อกเทลลงโต๊ะดัง ปึก! และเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วผ่านเขาวงกตของโต๊ะดื่มและเก้าอี้
“อ้าว! สายฝนแกจะไปไหนอี๊ก สายโฝนนโว้ย เออ เอากะมัน ชอบนักทำอะไรปุบปับไม่พูดไม่จา”
เมื่อคุณเจ้าของร้านสาวเท้าไปถึงมุมอับที่เงียบสงบระหว่างทางเข้าออก เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ มุมนั้น เธอเห็นเงาฉุดกระชากไม่ใกล้ไม่ไกลจึงเดินตามไปเร็วพลัน จนกระทั่งเผยให้เห็นผู้หญิงคนนั้นที่กำลังส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมดวงตาเบิกกว้างด้วยความกลัว ในขณะที่ชายร่างใหญ่ยกยิ้มโอบกอดเธอไว้แน่นด้วยลำแขนแข็งแเรง
“ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้าเอ๊ย!” สาวร่างเล็กพยายามดีดดิ้นหลีกหนีจากใบหน้าที่พุ่งมาเพื่อฉวยโอกาสจูบเธอ
“เมื่อกี้เรายังคุยกันถูกคออยู่เลยนะ ไม่ต้องทำเป็นดิ้นไปหรอก คืนนี้ผมจะทำให้คุณสนุกแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เชื่อผมสิครับ”
หลังจากที่ได้ยินบทสนทนาน่าสะอิดสะเอียน สายฝนจึงเดินเข้าไปหาอย่างไม่ลังเลใจ “มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?” ดวงตาของเธอแข็งกร้าวสอดแทรกน้ำเสียงที่แสดงถึงอำนาจต่อชายร่างใหญ่
ชายร่างกำยำหันมาหา สีหน้าของเขาประหลาดใจชั่วขณะเมื่อเห็นว่าสายฝนกล้าพาตัวเองเข้ามาแทรกขัดจังหวะ “อย่าเสือxกเรื่องของชาวบ้านเลยน่า! ไปไหนก็ไปไป๊”
“นี่ก็น่าจะเป็นเรื่องของฉันนะ เจ้าของร้านไม่ดูแลลูกค้าคงเป็นเจ้าของที่แย่น่าดูเลย ว่าไหม?” เธอยืนกรานอย่างแน่วแน่ สายตาของเธอจับจ้องไปที่ผู้หญิงคนนั้นและส่งสัญญาณให้การสนับสนุนและความมั่นใจอย่างเงียบเชียบ
“เป็นเจ้าของร้านก็ไปนั่งนับตังค์ตรงแคชเชียร์นู่น จะมา
อะไรตรงนี้วะคนเขาจะมีความสุขกัน ไปดิ้!”
หญิงสาวตัวเล็กในอ้อมกอดน่าแขยงกัดปากส่ายหน้าตัวสั่นเทา
“ทานโทดนะ พอดีเจ้าของร้านคนนี้ขี้เกียจนับเงินและอยาก
เรื่องชาวบ้านซะด้วยสิ” ใบหน้าแสนกวนประสาทถูกหยิบขึ้นมาใช้งาน เธอไม่เคยเกรงกลัวชายร่างใหญ่ตรงหน้า รอยยิ้มยียวนชวนเรียกฝ่าเท้าแพร่งพรายออกมายั่วเป็นระยะ
“อ่ออยากสนุกด้วยกันก็ไม่บอกนะ มานี่สิคะคนสวย”
สายฝนหลบเลี่ยงการคว้าตัวของชายคนนั้นด้วยสัญชาตญาณ การเคลื่อนไหวของเธอลื่นไหลและสง่างามราวกับต้นไผ่ที่พริ้วไหวตามสายลม ชายร่างใหญ่คนนั้นสะดุดและไม่ทันระวังกับความว่องไว แขนของเขาถูกบิดเป็นเกลียว
“โอ๊ยยยอีxxนี่ บิดแขนกูทำไมวะ!”
“คนสันดานเลวอย่างต้องเจอแบบนี้แหละ”
เมื่อได้จังหวะ สายฝนพยักหน้าเป็นสัญญาณให้หญิงสาวฉวยโอกาสวิ่งหนีจนหลุดพ้นจากเงื้อมมือของชายร่างใหญ่อย่างรวดเร็ว เธอรีบวิ่งไปหาที่หลบเพื่อแสวงหาพื้นที่ปลอดภัยให้ตัวเองและซุ่มดูการต่อสู้ของสายฝนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
พลั่ก !
ตุบ ตุบ !
การต่อสู้อันดุเดือดเกิดขึ้น การเคลื่อนไหวของพวกเขาเต็มไปด้วยหมัด เตะ และข้อศอก แต่ความแข็งแกร่งที่ดุร้ายของชายคนนี้เทียบไม่ได้กับปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วปานสายฟ้าของสายฝน ไอ้หมอนั่นหัวเสียเข้าไปใหญ่
สายฝนกำหมัดเหวี่ยงโจมตีช่องท้องเต็มแรง ทำให้ชายร่างใหญ่จุกหายใจไม่ออกจนเสียหลักทรุดตัวลงกับพื้น
“แม่ งเอ๊ย! อีXXนี่เจอกู”
ในระหว่างที่สายฝนจับเข่าหอบหายใจพลางคิดว่าเธอคุมสถานการณ์ได้อยู่ จังหวะนั้นนั่นเองที่ชายร่างกำยำลุกขึ้นมาปล่อยหมัดสุดแขนไปยังโครงหน้าสวยตอนเผลอจนร่างของเธอกระเด็นไปชนผนัง ตุบ!
จารวีวิ่งออกมาอย่างเหลอหลาหลังจากที่มีคนเห็นเหตุการณ์ตีกันและบอกต่อกันเป็นทอด ๆ จนเรื่องไปถึงหูเธอเข้า จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อได้เห็นโครงหน้าสวยของเพื่อนสนิทมีรอยช้ำและเลือดไหลซิบ ๆ
“โอ๊ยยย ตายห่า ไอ้ฝนน! เอ้าการ์ดรอไร จับมันดิ้! ”
การ์ดสี่ห้าคนวิ่งกรูเข้าไปจับไอ้ตัวปัญหาที่บังอาจมาสร้างวีรกรรมที่นี่ตามคำสั่งของเจ้านาย ชายร่างใหญ่ที่เป็นภัยคุกคามถูกลากออกไปจากบริเวณนี้และถูกขึ้นแบล็กลิสต์ห้ามเข้ามาใช้บริการ Libertaste อีกตลอดกาล
“ไง คิดว่าเป็นฮีโร่หรือไงแกน่ะ” จารวีเพื่อนรักก้มตัวมาพยุงร่างของสายฝนให้ทรงตัวได้ง่ายขึ้น “หน้าสวย ๆ ไม่ชอบ กลัวไม่เท่งี้หรอ?”
“ก็ไอ้บ้านั่นคุกคามลูกค้าเรานะเว้ยแก”
“การ์ดมีตั้งเยอะแยะ แกตะโกนทีเดียวก็มาแล้วมั้ย จะเสี่ยงลุยเองไปทำไมก็ไม่รู้ เจ็บตัวหมดเลยเนี่ย เกียมโดนน้องสาวแกบ่นหูชาได้เลย”
“หน้าสิ่วหน้าขวานก็ต้องรีบช่วยก่อนสิ เกิดคลาดสายตาไป คุณคนนั้นจะเป็นยังไงไม่รู้ แผลฉันเล็กแค่นี้แป๊บเดียวก็หายน่าจาร์ แต่ถ้าแผลใจเกิดกับคุณคนนั้นเมื่อไร มันอาจจะไม่มีวันหายเลยก็ได้นะ”
“จ้าาาา แม่คนดีย์ แม่ฮีโร่หล่อเท่ปกป้องมวลมนุษย์”
เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย สายฝนจึงหันไปสนใจผู้หญิงคนที่เธอพึ่งช่วยสำเร็จ พร้อมยิ้มอย่างใจดีแม้ใบหน้าเธอจะมีคราบเลือดประดับแก้มก็ตาม “คุณโอเคไหมคะ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “ให้เราแจ้งความไหมคุณ กล้องวงจรปิดในบาร์เราน่าจะมีหลักฐานมากพอให้ตำรวจดูนะ”
“ม มะไม่เป็นไรค่ะ ฉันอาย ฉันขอบคุณมากนะคะที่ช่วยไว้ ถ้าไม่ได้คุณฉันคงมีฝันร้ายตามหลอกหลอนทุกคืนแน่เลยค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เราเต็มใจ อืมม เดี๋ยวเรากับเพื่อนพาคุณไปส่งบ้านนะ กำลังขวัญเสียแบบนี้อย่ากลับบ้านคนเดียวเลย”
“ขอบคุณอีกครั้งจริง ๆ ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”
สายฝนพาหญิงสาวตัวเล็กเดินไปรอจารวีขับรถมารับยังพื้นที่ที่สว่างสไว เพื่อให้เธอรู้สึกสบายใจและปลอดภัย ดวงตาของเธอตรวจสอบโดยรอบอีกครั้ง เธอมองไปยังป้ายชื่อบาร์และสัญญากับตัวเองว่าจะยกระดับความปลอดภัยของบาร์นี้เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนที่เดินผ่านประตูเข้ามาจะรู้สึกได้รับการต้อนรับและได้รับการปกป้องที่ดีที่สุด
มันควรเป็นที่ที่ทุกคนสนุกได้อย่างเต็มที่ ไม่ใช่ที่ที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวงจากพวกที่หากินคุกคามคนอื่นไปทั่วอย่างผิดปรกติของมนุษย์
“ถามจริงนะแก แกคิดอะไรอยู่ถึงได้พุ่งไปช่วยคุณคนนั้น?” จารวีหมุนพวงมาลัยเลี้ยวซ้ายเมื่อถึงสี่แยกไฟแดง มุ่งหน้าสู่คอนโดของสายฝนหลังจากส่งผู้หญิงคนนั้นถึงบ้าน
“ไม่รู้ว่ะ แค่คิดว่าต้องช่วยให้ทัน” สายฝนมองดวงไฟสีส้มบนเสาไฟระหว่างทางผ่านสายตาไปทีละดวง เธอหวังเพียงให้โลกใบนี้มีคนใจดีเยอะ ๆ หรือต่อให้ผู้คนเจอเหตุการณ์แล้วร้าย ก็ขอให้มีคนใจกล้าพบเห็นและยื่นมือเข้าไปช่วยได้ทัน
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่ควรนอนฝันร้ายจากคนเลว
“บทจะเป็นคนดีก็เล่นเอาฉันเป็นห่วง
เลย ใจฉันตอนเห็นหน้าแกมีเลือดนี่หล่นไปกองยันตาตุ่ม อย่าทำแบบนี้อีกนะสายฝน ถ้าแกเจอสถานการณ์แบบนี้อีกรบกวนกรี๊ดออกมาให้สุดเสียง คนเขาจะได้วิ่งไปช่วยทัน”
“จ้าาาาตะเอง รักเค้าขนาดนี้เลยหรอเนี่ย คราวหลังจะกรี๊ดออกมาให้สุดปอดเลยน้าา” สายฝนยิ้มกว้าง เธอรู้เต็มอกว่าจารวีเป็นห่วงขนาดไหน พวกเธอทั้งสองผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ไม่เคยทิ้งไปไหน
“ยังจะเล่นอีก เดี๋ยวทุบเลย!” คนขับรถชั่วคราวหันมาถลึงตาชูกำปั้นเล่นบทโหดใส่ ท่าทางแบบนั้นเรียกเสียงหัวเราะให้กับสายฝนได้เป็นอย่างดี
“แกช่วยคิดหน่อยดิ เราจะเพิ่มความปลอดภัยให้บาร์เรายังไงดีวะจาร์? ฉันไม่อยากให้คนที่มาเที่ยวต้องเจอคนคุกคามแบบนี้อีกอะ”
“เออ ๆ เดี๋ยวฉันช่วยคิด แต่ตอนนี้อะแกต้องเลือกว่าจะให้พาไปทำแผลที่โรงพยาบาลหรือยอมให้ฉันทำให้?”
“มือหนักอย่างกับควายถีบอะนะ”
“เออ ถ้าไม่อยากไปโรงบาลก็ต้องฉันนี่ล่ะ”
นิยายยูริ Tangled Desires #ฟ้าพ่ายฝน ตอนที่ 8 : ไฟท์เตอร์
“อ๊าชื่นใจจัง ทำไมฉันถึงได้รักเครื่องดื่มมึนเมาขนาดนี้นะ รสชาติถูกใจจริง ๆ เล้ย”
รสชาติของเครื่องดื่มเย็นเฉียบแต่ให้ความรู้สึกร้อนผ่าวยามไหลลงคอและกลิ่นมิ้นต์หอมติดจมูก เป็นสิ่งเดียวที่สามารถเยียวยาจิตใจหลังจากใช้พลังสู้รบกับความเบื่อหน่ายในโลกแห่งการเป็นผู้ใหญ่ หากได้ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างเต็มที่มันคงน่าเบื่อน้อยกว่าการเป็นลูกน้องพี่ชายตัวเอง
“เฮ้อชีวิตนะชีวิต…”
สายฝนนึกถึง ม่านหมอก พี่ชายที่แสนเจ้ากี้เจ้าการกับทุกสิ่งตั้งแต่พ่อแม่จากไป เกรดเฉลี่ยต้องคงเส้นคงวาห้ามต่ำกว่า 3.80 ต้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด ต้องเรียนหลักสูตรบริหารเพื่อที่จะมาช่วยกิจการของครอบครัว
“เกรดภาษาอังกฤษ ได้ B เองหรอ? อืมม แคนเซิลทริปกับเพื่อนซะ ซัมเมอร์นี้ไปเรียนภาษาเพิ่มสัก 3 เดือนแล้วกันนะ ส่วนเทอมหน้า พี่ขอ A นะสายฝน ในโลกของธุรกิจ ถ้าสายฝนสื่อสารได้ดี สายฝนจะชนะดีลทุกอย่างที่สายฝนอยากได้ เชื่อพี่”
“นี่ไปแอบเรียนทำค็อกเทลมาหรอสายฝน? สนุกมั้ยล่ะ ก็น่าจะสนุกสินะ ถึงได้เทนัดทานข้าวพี่กับคู่ค้าคนสำคัญ ผู้ใหญ่อุตส่าห์เอ็นดู ไม่น่าทำให้ผิดหวังเลยนะ”
สารพัดคำพูดบั่นทอนจิตใจที่สายฝนสะสมไว้ภายในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าถูกม่านหมอกกีดกันในการทำสิ่งที่ชอบ แต่ตอนนี้เธอมีกิจการเป็นของตัวเอง บาร์เล็ก ๆ ถึงแม้ไม่ได้มีรายได้เวอร์วังเหมือนกับธุรกิจโรงแรมของม่านหมอก แต่มุมลับในตรอกซอยตรงนี้แหละที่ทำให้สายฝนมีความสุขกับการทำงานมากกว่า เธอยกเครื่องดื่มแก้วโปรดขึ้นจิบอีกครั้งและแสยะยิ้มให้กับตัวเอง
“อย่าก้าวร้าวสิ ทำธุรกิจกับคนโตกว่าต้องใจเย็นกว่านี้นะ”
“สายฝนยิ้มอีกนิด ยกมือไหวท่าน ส.ส. ตรงนั้นหน่อย อย่าทำให้พี่เสียหน้า”
“เฮ้อ เมื่อไรฉันจะหลุดพ้นจริง ๆ สักทีนะ…” ทำไมสายฝนถึงยอมเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายอยู่ในโอวาทของพี่ชาย?
นี่คงเป็นคำถามที่ตอบยากที่สุดในศตวรรษเลยล่ะมั้ง ความสัมพันธ์ของสายฝนกับพี่ชายอาจฝังรากลึกอยู่ในพลวัตของครอบครัว เพราะม่านหมอกได้กลายมาเป็นผู้ปกครองเต็มตัวในวัยยี่สิบนิด ๆ หลังจากที่พ่อแม่จากไปกะทันหัน
“แหม ๆ เลิกงานจากโรงแรมก็มานั่งบิ้วอารมณ์เงียบ ๆ คนเดียวอีกละ ชวนบ้างไรบ้าง จะติสไปถึงไหนเอ่ย?”
จารวีแย่งค็อกเทลในมือของสายฝนไปดื่มหน้าตาเฉย รสชาติโมฮิโต้สูตรลับของสายฝนนี่ช่างสดชื่นลื่นคอจริงเชียว อันที่จริงไม่ใช่แค่แก้วนี้ที่ถูกปาก แต่ค็อกเทลดริ้งก์ที่ได้ลิสต์บนเมนูวางขายมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ชื่นใจทั้งหมดเลยเพราะสายฝนลงมือปรุงสูตรเองด้วยใจรัก
“ก็เห็นแกเต๊าะสาวอยู่หน้าบาร์หน้าระรื่นเชียว ฉันไม่กล้าขัดหรอกจ้า ”
“เยี่ยมมากเพื่อนรัก ดีมากที่แกไม่ขัด เพราะฉันกระหายการจุ๊บจิ๊บกับสาว ๆ มากกกกก นี่เมื่อบ่ายย่าพึ่งพาหลานชายเพื่อนมาแนะนำให้รู้จัก ฉันนี่โคตรอึดอัดเลย”
จารวีแสดงสีหน้าเหยเกเมื่อนึกถึงบรรยากาศบนโต๊ะทานข้าวที่บ้าน ผู้ใหญ่พูดจาหว่านล้อมให้หาฤกษ์แต่งงานป้องปากหัวเราะกันสนุกสนาน
“น้องจาร์ก็เฉลยให้คุณย่ารู้สักทีสิว่าชอบจิ้มิ้ไม่ใช่ไอ้จ้อนน่ะ”
“เป็นเล่นไปแก ถ้าย่าความดันขึ้นเป็นลมพับไปนี่ลูกหลานยุ่งกันหมดเลยนะ”
สายฝนกวักมือขอเครื่องดื่มจากบริกรที่เดินผ่านไปมา จนได้โมฮิโต้แก้วที่สองถูกเสิร์ฟวางตรงหน้า จารวีรีบคว้ามายกดื่มเพื่อมอมเมาตัวเองทันที เผื่อว่าคืนนี้จะเป็นอีกคืนที่ไม่ต้องนึกถึงเรื่องราวลำบากใจภายในบ้าน
“ก่อนที่จะยุ่งวุ่นวายก็เฉลยหน่อยเป็นไรไป ฉันฟังแกบ่นเรื่องจับคู่เป็นล้านรอบแล้วมั้ง รำคานหูมากอยากให้รู้”
“อดทนอีกนิดน่าเพื่อนรัก เดี๋ยวได้จังหวะดีแล้วฉันจะบอกเลย ฉันจะบอกย่าให้หมดเปลือกเลยว่าหนูรักหนูหลงผู้หญิงมาก”
“พาสาวเข้าบ้านไปเลยจบๆ อย่ามัวลีลาน่าไอ้จาร์”
“สาวคนไหนอะ? หาได้มีเป็นตัวเป็นตนไม่ คุณเพื่อนก็เห็นนี่นาว่าฉันมันลอยไปลอยมายังหาที่ปักหลักไม่ได้” จารวีอมยิ้ม ไม่ใช่ไม่อยากเปิดตัว แค่ยังไม่พบใครที่กล้าฝากหัวใจเลยสักคน
“เลือกในบรรดากิ๊กแกสักคนดิ มีเยอะนักหนิ”
“ไม่ได้ดิแก จะเปิดตัวทั้งทีขอเป็นคนที่ใช่เลยดีกว่า พรีเซนเทชันต้องปัง จะได้ชนะใจย่าได้ด้วยไง สวยเป๊ะ ฉลาด เผื่อย่าอยากได้หลานสาวคนโปรดเพิ่มอีกคนไรเงี้ย”
“โว๊ะ! กว่าจะเจอคนที่ใช่ ชาตินี้จะได้เฉลยมั้ยนั่น ฉันยังต้องฟังแกบ่นเรื่องผู้ชายอีกกี่สิบคนเอ่ย?”
ขณะที่สายฝนนั่งคุยกับเพื่อนสนิทอย่างออกรส จู่ ๆ ก็มี ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันดึงดูดความสนใจจากหางตา
“แกมองไรวะสายฝน?”
“แป๊บนะแก ฉันว่ามีอะไรแปลก ๆ”
ดวงตาอันแหลมคมหรี่ลงขณะที่เธอสังเกตเห็นชายร่างกำยำลากผู้หญิงคนหนึ่งอย่างเร่งรีบไปยังมุมลับตาคน ใบหน้าของผู้หญิงตัวเล็กที่กำลังถูกหอบหิ้วแต่งแต้มไปด้วยความกระอักกระอ่วน ผู้หญิงคนนั้นอ้าปากพยายามเปล่งเสียงขอความช่วยเหลือแล้วแต่ถูกเสียงเพลงกลบไปจนหมด
ตามสัญชาตญาณของมนุษย์เมื่อสัมผัสได้ถึงความไม่ปลอดภัย เธอวางค็อกเทลลงโต๊ะดัง ปึก! และเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วผ่านเขาวงกตของโต๊ะดื่มและเก้าอี้
“อ้าว! สายฝนแกจะไปไหนอี๊ก สายโฝนนโว้ย เออ เอากะมัน ชอบนักทำอะไรปุบปับไม่พูดไม่จา”
เมื่อคุณเจ้าของร้านสาวเท้าไปถึงมุมอับที่เงียบสงบระหว่างทางเข้าออก เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ มุมนั้น เธอเห็นเงาฉุดกระชากไม่ใกล้ไม่ไกลจึงเดินตามไปเร็วพลัน จนกระทั่งเผยให้เห็นผู้หญิงคนนั้นที่กำลังส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมดวงตาเบิกกว้างด้วยความกลัว ในขณะที่ชายร่างใหญ่ยกยิ้มโอบกอดเธอไว้แน่นด้วยลำแขนแข็งแเรง
“ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้าเอ๊ย!” สาวร่างเล็กพยายามดีดดิ้นหลีกหนีจากใบหน้าที่พุ่งมาเพื่อฉวยโอกาสจูบเธอ
“เมื่อกี้เรายังคุยกันถูกคออยู่เลยนะ ไม่ต้องทำเป็นดิ้นไปหรอก คืนนี้ผมจะทำให้คุณสนุกแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เชื่อผมสิครับ”
หลังจากที่ได้ยินบทสนทนาน่าสะอิดสะเอียน สายฝนจึงเดินเข้าไปหาอย่างไม่ลังเลใจ “มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?” ดวงตาของเธอแข็งกร้าวสอดแทรกน้ำเสียงที่แสดงถึงอำนาจต่อชายร่างใหญ่
ชายร่างกำยำหันมาหา สีหน้าของเขาประหลาดใจชั่วขณะเมื่อเห็นว่าสายฝนกล้าพาตัวเองเข้ามาแทรกขัดจังหวะ “อย่าเสือxกเรื่องของชาวบ้านเลยน่า! ไปไหนก็ไปไป๊”
“นี่ก็น่าจะเป็นเรื่องของฉันนะ เจ้าของร้านไม่ดูแลลูกค้าคงเป็นเจ้าของที่แย่น่าดูเลย ว่าไหม?” เธอยืนกรานอย่างแน่วแน่ สายตาของเธอจับจ้องไปที่ผู้หญิงคนนั้นและส่งสัญญาณให้การสนับสนุนและความมั่นใจอย่างเงียบเชียบ
“เป็นเจ้าของร้านก็ไปนั่งนับตังค์ตรงแคชเชียร์นู่น จะมาอะไรตรงนี้วะคนเขาจะมีความสุขกัน ไปดิ้!”
หญิงสาวตัวเล็กในอ้อมกอดน่าแขยงกัดปากส่ายหน้าตัวสั่นเทา
“ทานโทดนะ พอดีเจ้าของร้านคนนี้ขี้เกียจนับเงินและอยากเรื่องชาวบ้านซะด้วยสิ” ใบหน้าแสนกวนประสาทถูกหยิบขึ้นมาใช้งาน เธอไม่เคยเกรงกลัวชายร่างใหญ่ตรงหน้า รอยยิ้มยียวนชวนเรียกฝ่าเท้าแพร่งพรายออกมายั่วเป็นระยะ
“อ่ออยากสนุกด้วยกันก็ไม่บอกนะ มานี่สิคะคนสวย”
สายฝนหลบเลี่ยงการคว้าตัวของชายคนนั้นด้วยสัญชาตญาณ การเคลื่อนไหวของเธอลื่นไหลและสง่างามราวกับต้นไผ่ที่พริ้วไหวตามสายลม ชายร่างใหญ่คนนั้นสะดุดและไม่ทันระวังกับความว่องไว แขนของเขาถูกบิดเป็นเกลียว
“โอ๊ยยยอีxxนี่ บิดแขนกูทำไมวะ!”
“คนสันดานเลวอย่างต้องเจอแบบนี้แหละ”
เมื่อได้จังหวะ สายฝนพยักหน้าเป็นสัญญาณให้หญิงสาวฉวยโอกาสวิ่งหนีจนหลุดพ้นจากเงื้อมมือของชายร่างใหญ่อย่างรวดเร็ว เธอรีบวิ่งไปหาที่หลบเพื่อแสวงหาพื้นที่ปลอดภัยให้ตัวเองและซุ่มดูการต่อสู้ของสายฝนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
พลั่ก !
ตุบ ตุบ !
การต่อสู้อันดุเดือดเกิดขึ้น การเคลื่อนไหวของพวกเขาเต็มไปด้วยหมัด เตะ และข้อศอก แต่ความแข็งแกร่งที่ดุร้ายของชายคนนี้เทียบไม่ได้กับปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วปานสายฟ้าของสายฝน ไอ้หมอนั่นหัวเสียเข้าไปใหญ่
สายฝนกำหมัดเหวี่ยงโจมตีช่องท้องเต็มแรง ทำให้ชายร่างใหญ่จุกหายใจไม่ออกจนเสียหลักทรุดตัวลงกับพื้น
“แม่ งเอ๊ย! อีXXนี่เจอกู”
ในระหว่างที่สายฝนจับเข่าหอบหายใจพลางคิดว่าเธอคุมสถานการณ์ได้อยู่ จังหวะนั้นนั่นเองที่ชายร่างกำยำลุกขึ้นมาปล่อยหมัดสุดแขนไปยังโครงหน้าสวยตอนเผลอจนร่างของเธอกระเด็นไปชนผนัง ตุบ!
จารวีวิ่งออกมาอย่างเหลอหลาหลังจากที่มีคนเห็นเหตุการณ์ตีกันและบอกต่อกันเป็นทอด ๆ จนเรื่องไปถึงหูเธอเข้า จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อได้เห็นโครงหน้าสวยของเพื่อนสนิทมีรอยช้ำและเลือดไหลซิบ ๆ
“โอ๊ยยย ตายห่า ไอ้ฝนน! เอ้าการ์ดรอไร จับมันดิ้! ”
การ์ดสี่ห้าคนวิ่งกรูเข้าไปจับไอ้ตัวปัญหาที่บังอาจมาสร้างวีรกรรมที่นี่ตามคำสั่งของเจ้านาย ชายร่างใหญ่ที่เป็นภัยคุกคามถูกลากออกไปจากบริเวณนี้และถูกขึ้นแบล็กลิสต์ห้ามเข้ามาใช้บริการ Libertaste อีกตลอดกาล
“ไง คิดว่าเป็นฮีโร่หรือไงแกน่ะ” จารวีเพื่อนรักก้มตัวมาพยุงร่างของสายฝนให้ทรงตัวได้ง่ายขึ้น “หน้าสวย ๆ ไม่ชอบ กลัวไม่เท่งี้หรอ?”
“ก็ไอ้บ้านั่นคุกคามลูกค้าเรานะเว้ยแก”
“การ์ดมีตั้งเยอะแยะ แกตะโกนทีเดียวก็มาแล้วมั้ย จะเสี่ยงลุยเองไปทำไมก็ไม่รู้ เจ็บตัวหมดเลยเนี่ย เกียมโดนน้องสาวแกบ่นหูชาได้เลย”
“หน้าสิ่วหน้าขวานก็ต้องรีบช่วยก่อนสิ เกิดคลาดสายตาไป คุณคนนั้นจะเป็นยังไงไม่รู้ แผลฉันเล็กแค่นี้แป๊บเดียวก็หายน่าจาร์ แต่ถ้าแผลใจเกิดกับคุณคนนั้นเมื่อไร มันอาจจะไม่มีวันหายเลยก็ได้นะ”
“จ้าาาา แม่คนดีย์ แม่ฮีโร่หล่อเท่ปกป้องมวลมนุษย์”
เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย สายฝนจึงหันไปสนใจผู้หญิงคนที่เธอพึ่งช่วยสำเร็จ พร้อมยิ้มอย่างใจดีแม้ใบหน้าเธอจะมีคราบเลือดประดับแก้มก็ตาม “คุณโอเคไหมคะ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “ให้เราแจ้งความไหมคุณ กล้องวงจรปิดในบาร์เราน่าจะมีหลักฐานมากพอให้ตำรวจดูนะ”
“ม มะไม่เป็นไรค่ะ ฉันอาย ฉันขอบคุณมากนะคะที่ช่วยไว้ ถ้าไม่ได้คุณฉันคงมีฝันร้ายตามหลอกหลอนทุกคืนแน่เลยค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เราเต็มใจ อืมม เดี๋ยวเรากับเพื่อนพาคุณไปส่งบ้านนะ กำลังขวัญเสียแบบนี้อย่ากลับบ้านคนเดียวเลย”
“ขอบคุณอีกครั้งจริง ๆ ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”
สายฝนพาหญิงสาวตัวเล็กเดินไปรอจารวีขับรถมารับยังพื้นที่ที่สว่างสไว เพื่อให้เธอรู้สึกสบายใจและปลอดภัย ดวงตาของเธอตรวจสอบโดยรอบอีกครั้ง เธอมองไปยังป้ายชื่อบาร์และสัญญากับตัวเองว่าจะยกระดับความปลอดภัยของบาร์นี้เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนที่เดินผ่านประตูเข้ามาจะรู้สึกได้รับการต้อนรับและได้รับการปกป้องที่ดีที่สุด
มันควรเป็นที่ที่ทุกคนสนุกได้อย่างเต็มที่ ไม่ใช่ที่ที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวงจากพวกที่หากินคุกคามคนอื่นไปทั่วอย่างผิดปรกติของมนุษย์
“ถามจริงนะแก แกคิดอะไรอยู่ถึงได้พุ่งไปช่วยคุณคนนั้น?” จารวีหมุนพวงมาลัยเลี้ยวซ้ายเมื่อถึงสี่แยกไฟแดง มุ่งหน้าสู่คอนโดของสายฝนหลังจากส่งผู้หญิงคนนั้นถึงบ้าน
“ไม่รู้ว่ะ แค่คิดว่าต้องช่วยให้ทัน” สายฝนมองดวงไฟสีส้มบนเสาไฟระหว่างทางผ่านสายตาไปทีละดวง เธอหวังเพียงให้โลกใบนี้มีคนใจดีเยอะ ๆ หรือต่อให้ผู้คนเจอเหตุการณ์แล้วร้าย ก็ขอให้มีคนใจกล้าพบเห็นและยื่นมือเข้าไปช่วยได้ทัน
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่ควรนอนฝันร้ายจากคนเลว
“บทจะเป็นคนดีก็เล่นเอาฉันเป็นห่วงเลย ใจฉันตอนเห็นหน้าแกมีเลือดนี่หล่นไปกองยันตาตุ่ม อย่าทำแบบนี้อีกนะสายฝน ถ้าแกเจอสถานการณ์แบบนี้อีกรบกวนกรี๊ดออกมาให้สุดเสียง คนเขาจะได้วิ่งไปช่วยทัน”
“จ้าาาาตะเอง รักเค้าขนาดนี้เลยหรอเนี่ย คราวหลังจะกรี๊ดออกมาให้สุดปอดเลยน้าา” สายฝนยิ้มกว้าง เธอรู้เต็มอกว่าจารวีเป็นห่วงขนาดไหน พวกเธอทั้งสองผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ไม่เคยทิ้งไปไหน
“ยังจะเล่นอีก เดี๋ยวทุบเลย!” คนขับรถชั่วคราวหันมาถลึงตาชูกำปั้นเล่นบทโหดใส่ ท่าทางแบบนั้นเรียกเสียงหัวเราะให้กับสายฝนได้เป็นอย่างดี
“แกช่วยคิดหน่อยดิ เราจะเพิ่มความปลอดภัยให้บาร์เรายังไงดีวะจาร์? ฉันไม่อยากให้คนที่มาเที่ยวต้องเจอคนคุกคามแบบนี้อีกอะ”
“เออ ๆ เดี๋ยวฉันช่วยคิด แต่ตอนนี้อะแกต้องเลือกว่าจะให้พาไปทำแผลที่โรงพยาบาลหรือยอมให้ฉันทำให้?”
“มือหนักอย่างกับควายถีบอะนะ”
“เออ ถ้าไม่อยากไปโรงบาลก็ต้องฉันนี่ล่ะ”