เมเจอร์-SF ประสานเสียงไม่ลดราคา แจง ขายแพงกว่าปกติเล็กน้อย
ผู้บริหารโรงภาพยนตร์เมเจอร์และเอสเอฟฯ ประสานเสียงยันไม่ลดราคาแน่ ปัดราคาอาหาร-เครื่องดื่มสูงเกินจริง แจง ตั้งราคาตามต้นทุน แพงกว่าปกติเล็กน้อย วอนผู้บริโภคเข้าใจทำธุรกิจต้องมีกำไรจึงอยู่รอด...
นายอภิชาติ คงชัย ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจโรงภาพยนตร์ บริษัท เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ผู้บริหารโรงภาพยนตร์เครือเมเจอร์ เปิดเผยถึงกรณีผู้บริโภคร้องเรียนราคาจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ รวมทั้งราคาจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มในโรงภาพยนตร์สูงเกินจริงว่า โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์จำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์หลายระดับราคา ซึ่งการกำหนดราคาในแต่ละพื้นที่จะขึ้นอยู่กับต้นทุนค่าออกแบบตกแต่งสถานที่ และค่าเช่าพื้นที่ โดยโรงภาพยนตร์ที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะมีต้นทุนค่อนข้างสูง ดังนั้นการตั้งราคาจึงสูงกว่าโรงภาพยนตร์ในต่างจังหวัด แต่จะมีหลายระดับราคา เช่น 60 บาทต่อที่นั่ง, 80บาทต่อที่นั่ง และ 100 บาทต่อที่นั่ง เพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม โดยที่ผ่านมาได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้บริโภคร่วมกับ สคบ.แล้ว และคาดว่าน่าจะสามารถสร้างความเข้าใจให้กับกลุ่มผู้บริโภคได้ในระดับหนึ่ง
ส่วนกรณีผู้บริโภคร้องเรียนราคาสินค้าประเภทป๊อปคอร์น เครื่องดื่ม และขนมขบเคี้ยว ที่จำหน่ายในโรงภาพยนตร์มีราคาสูงกว่าราคาที่จำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไปนั้น เมเจอร์กรุ๊ปยืนยันว่าการตั้งราคาจำหน่ายสินค้าเป็นไปตามต้นทุน โดยยอมรับว่าต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะป๊อปคอร์นค่อนข้างสูง เนื่องจากเป็นสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟ พรีเมี่ยม ที่ใช้วัตถุดิบนำเข้าอย่างดี และต้องจ่ายค่าไลเซ่นส์ออกแบบแพ็กเกจในอัตราค่อนข้างสูง เช่นเดียวกับต้นทุนก่อสร้างและค่าออกแบบโรงภาพยนตร์
นอกจากนี้ พื้นที่จำหน่ายในโรงภาพยนตร์ซึ่งเป็นพื้นที่ปิด ไม่สามารถขายสินค้าให้กับลูกค้าทั่วไปได้เหมือนร้านค้าปลีก ทำให้โอกาสในการขายหายไปกว่า 70-80% ส่วนสินค้าประเภทขนมขบเคี้ยวของซัพพลายเออร์มีราคาสูงกว่าราคาในท้องตลาดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นายอภิชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมเจอร์กรุ๊ปไม่มีแนวคิดในการปรับลดราคาลง แต่จะใช้รูปแบบการจัดโปรโมชั่นให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม ตามรอบการฉายหนัง เน้นจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพและยึดลูกค้าเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม 30%
ขณะที่ นางสุวรรณี ชินเชี่ยวชาญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เอสเอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า เดิมทีกรมการค้าภายในจะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบราคาสินค้ามาโดยตลอดระยะเวลา 5 ปีต่อเนื่องกันอยู่แล้ว โดยเอสเอฟฯ จะใช้รูปแบบการจำหน่ายสินค้าโดยเปิดให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ในราคาท้องตลาด ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับร้านค้าในสนามบิน โดยปัจจุบันเอสเอฟฯมีสัดส่วนรายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่มเพียง 20%เท่านั้น
ส่วนการห้ามนำอาหาร-เครื่องดื่มจากภายนอกเข้าไปในโรงภาพยนตร์นั้น หากเปรียบเทียบกับร้านค้าตามท้องตลาดหรือร้านค้าทั่วไป ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติและสามารถยอมรับได้ เพราะหลายคนอาจจะเคยพบเจอกับกรณีที่ห้ามอาหารของอีกร้านเข้าไปกินในอีกร้านหนึ่ง ซึ่งทางเอสเอฟฯ ก็ใช้มาตรฐานนี้เช่นกัน
นางสุวรรณี กล่าวว่า ส่วนโฆษณาที่มีระยะเวลานานเกินไปนั้น ทางเอสเอฟฯ ได้มีกติกาอยู่แล้วว่า โฆษณาเกี่ยวกับสินค้า ห้ามมีระยะเวลาเกิน 6 นาที และที่สำคัญผู้คิดหรือออกแบบโฆษณาจะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ให้มากที่สุด เพื่อที่จะทำให้ผู้ชมที่ดูโฆษณาไม่รู้สึกเบื่อในการชมแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ช่วงนี้ี่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมาเกี่ยวกับราคาตั๋วชมภาพยนตร์ อาหาร เครื่องดื่ม มีราคาแพงเกินไปนั้น คาดว่า มาจากภาพยนตร์เรื่องพี่มากพระโขนงแน่ๆ เพราะว่ามีการประกาศรายได้ออกมาสูงเช่นนี้ จึงทำให้ทุกคนหันกลับมามองว่า ทำไมเอสเอฟฯ ขายตั๋วแพงบ้าง ขายของกินแพงบ้าง แต่ไม่มีใครมองว่า เรื่องอื่นๆ ที่รายได้ไม่เข้าเป้าหรือเรื่องที่ขาดทุนก็มีเช่นกัน ทำไมไม่มีใครนึกถึงจุดนี้เลย และนี่ยังไม่ได้รวมรายได้ที่ขาดหายไปจากการซื้อขายเทปผีซีดีเถื่อนอีก ซึ่งทางภาครัฐก็ไม่เคยเข้ามาดูแล ส่งเสริม หรือออกกฎหมายคุ้มครองจากเทปผีซีดีเถื่อนอย่างจริงๆ จังๆ เลย
ทั้งนี้ กระแสวิพากษ์วิจารณ์นี้อาจมาจากกรณีของเว็บไซต์หนึ่งเขียนข่าวออกมาว่า ราคาตั๋วชมภาพยนตร์ในเมืองไทย มีราคาแพงเป็นอันดับที่ 3 ของโลก ซึ่งข้อมูลนี้ตั้งแต่ปี 2001 แล้ว ดังนั้น ข้อมูลนี้จึงไม่มีความเที่ยงตรงเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ทางเอสเอฟฯ ได้เปิดช่องทางให้กับลูกค้าที่ไม่พอใจหรืออยากจะแสดงความคิดเห็นกับการบริการของเราแล้ว หลากหลายช่องทางโดยสามารถติชมมาได้เลย ทางเอสเอฟฯ จะรีบแก้ไขข้อบกพร่องนั้นๆ ทันที เพราะเรามีหน้าที่บริการ และเราต้องแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าเสมอ
ต้นต้อ thairathonline
และ
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=835804 เอามาแชร์
หุ้นเมเจอร์-SF เตรียมกำไรพุ่งดิ่ง ยันไม่ลดราคาป๊อปคอร์น
ผู้บริหารโรงภาพยนตร์เมเจอร์และเอสเอฟฯ ประสานเสียงยันไม่ลดราคาแน่ ปัดราคาอาหาร-เครื่องดื่มสูงเกินจริง แจง ตั้งราคาตามต้นทุน แพงกว่าปกติเล็กน้อย วอนผู้บริโภคเข้าใจทำธุรกิจต้องมีกำไรจึงอยู่รอด...
นายอภิชาติ คงชัย ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจโรงภาพยนตร์ บริษัท เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ผู้บริหารโรงภาพยนตร์เครือเมเจอร์ เปิดเผยถึงกรณีผู้บริโภคร้องเรียนราคาจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ รวมทั้งราคาจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มในโรงภาพยนตร์สูงเกินจริงว่า โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์จำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์หลายระดับราคา ซึ่งการกำหนดราคาในแต่ละพื้นที่จะขึ้นอยู่กับต้นทุนค่าออกแบบตกแต่งสถานที่ และค่าเช่าพื้นที่ โดยโรงภาพยนตร์ที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะมีต้นทุนค่อนข้างสูง ดังนั้นการตั้งราคาจึงสูงกว่าโรงภาพยนตร์ในต่างจังหวัด แต่จะมีหลายระดับราคา เช่น 60 บาทต่อที่นั่ง, 80บาทต่อที่นั่ง และ 100 บาทต่อที่นั่ง เพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม โดยที่ผ่านมาได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้บริโภคร่วมกับ สคบ.แล้ว และคาดว่าน่าจะสามารถสร้างความเข้าใจให้กับกลุ่มผู้บริโภคได้ในระดับหนึ่ง
ส่วนกรณีผู้บริโภคร้องเรียนราคาสินค้าประเภทป๊อปคอร์น เครื่องดื่ม และขนมขบเคี้ยว ที่จำหน่ายในโรงภาพยนตร์มีราคาสูงกว่าราคาที่จำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไปนั้น เมเจอร์กรุ๊ปยืนยันว่าการตั้งราคาจำหน่ายสินค้าเป็นไปตามต้นทุน โดยยอมรับว่าต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะป๊อปคอร์นค่อนข้างสูง เนื่องจากเป็นสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟ พรีเมี่ยม ที่ใช้วัตถุดิบนำเข้าอย่างดี และต้องจ่ายค่าไลเซ่นส์ออกแบบแพ็กเกจในอัตราค่อนข้างสูง เช่นเดียวกับต้นทุนก่อสร้างและค่าออกแบบโรงภาพยนตร์
นอกจากนี้ พื้นที่จำหน่ายในโรงภาพยนตร์ซึ่งเป็นพื้นที่ปิด ไม่สามารถขายสินค้าให้กับลูกค้าทั่วไปได้เหมือนร้านค้าปลีก ทำให้โอกาสในการขายหายไปกว่า 70-80% ส่วนสินค้าประเภทขนมขบเคี้ยวของซัพพลายเออร์มีราคาสูงกว่าราคาในท้องตลาดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นายอภิชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมเจอร์กรุ๊ปไม่มีแนวคิดในการปรับลดราคาลง แต่จะใช้รูปแบบการจัดโปรโมชั่นให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม ตามรอบการฉายหนัง เน้นจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพและยึดลูกค้าเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม 30%
ขณะที่ นางสุวรรณี ชินเชี่ยวชาญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เอสเอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า เดิมทีกรมการค้าภายในจะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบราคาสินค้ามาโดยตลอดระยะเวลา 5 ปีต่อเนื่องกันอยู่แล้ว โดยเอสเอฟฯ จะใช้รูปแบบการจำหน่ายสินค้าโดยเปิดให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ในราคาท้องตลาด ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับร้านค้าในสนามบิน โดยปัจจุบันเอสเอฟฯมีสัดส่วนรายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่มเพียง 20%เท่านั้น
ส่วนการห้ามนำอาหาร-เครื่องดื่มจากภายนอกเข้าไปในโรงภาพยนตร์นั้น หากเปรียบเทียบกับร้านค้าตามท้องตลาดหรือร้านค้าทั่วไป ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติและสามารถยอมรับได้ เพราะหลายคนอาจจะเคยพบเจอกับกรณีที่ห้ามอาหารของอีกร้านเข้าไปกินในอีกร้านหนึ่ง ซึ่งทางเอสเอฟฯ ก็ใช้มาตรฐานนี้เช่นกัน
นางสุวรรณี กล่าวว่า ส่วนโฆษณาที่มีระยะเวลานานเกินไปนั้น ทางเอสเอฟฯ ได้มีกติกาอยู่แล้วว่า โฆษณาเกี่ยวกับสินค้า ห้ามมีระยะเวลาเกิน 6 นาที และที่สำคัญผู้คิดหรือออกแบบโฆษณาจะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ให้มากที่สุด เพื่อที่จะทำให้ผู้ชมที่ดูโฆษณาไม่รู้สึกเบื่อในการชมแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ช่วงนี้ี่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมาเกี่ยวกับราคาตั๋วชมภาพยนตร์ อาหาร เครื่องดื่ม มีราคาแพงเกินไปนั้น คาดว่า มาจากภาพยนตร์เรื่องพี่มากพระโขนงแน่ๆ เพราะว่ามีการประกาศรายได้ออกมาสูงเช่นนี้ จึงทำให้ทุกคนหันกลับมามองว่า ทำไมเอสเอฟฯ ขายตั๋วแพงบ้าง ขายของกินแพงบ้าง แต่ไม่มีใครมองว่า เรื่องอื่นๆ ที่รายได้ไม่เข้าเป้าหรือเรื่องที่ขาดทุนก็มีเช่นกัน ทำไมไม่มีใครนึกถึงจุดนี้เลย และนี่ยังไม่ได้รวมรายได้ที่ขาดหายไปจากการซื้อขายเทปผีซีดีเถื่อนอีก ซึ่งทางภาครัฐก็ไม่เคยเข้ามาดูแล ส่งเสริม หรือออกกฎหมายคุ้มครองจากเทปผีซีดีเถื่อนอย่างจริงๆ จังๆ เลย
ทั้งนี้ กระแสวิพากษ์วิจารณ์นี้อาจมาจากกรณีของเว็บไซต์หนึ่งเขียนข่าวออกมาว่า ราคาตั๋วชมภาพยนตร์ในเมืองไทย มีราคาแพงเป็นอันดับที่ 3 ของโลก ซึ่งข้อมูลนี้ตั้งแต่ปี 2001 แล้ว ดังนั้น ข้อมูลนี้จึงไม่มีความเที่ยงตรงเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ทางเอสเอฟฯ ได้เปิดช่องทางให้กับลูกค้าที่ไม่พอใจหรืออยากจะแสดงความคิดเห็นกับการบริการของเราแล้ว หลากหลายช่องทางโดยสามารถติชมมาได้เลย ทางเอสเอฟฯ จะรีบแก้ไขข้อบกพร่องนั้นๆ ทันที เพราะเรามีหน้าที่บริการ และเราต้องแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าเสมอ
ต้นต้อ thairathonline
และ http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=835804 เอามาแชร์